WATCHLIST: ความจริงหลากมุมมอง '5 หนังเล่าแบบ ราโชมอน' เพราะความจริงไม่ได้มีด้านเดียว

ในหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีคนเห็นเรื่องราวนั้นสักสิบคน มันก็จะมีสิบมุมมองที่มีต่อเหตุการณ์นั้น แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่การที่มันถูกมองแล้วเล่าเรื่องออกมาจากใครสักคนเนี่ย มันอาจจะทำให้เรื่องนั้นจากแต่ละคน ไม่เหมือนกันเลยก็ได้

ในวงการภาพยนตร์ การเล่าเรื่องมันมีหลายแบบเอามาก ๆ ที่ฮิต ๆ ก็คือผ่านมุมมองคนนอกและผ่านตัวละคร แต่วันนี้เราอยากแนะนำการเล่าเรื่องในภาพยนตร์เรื่อง “ราโชมอน” ที่เลือกจะเล่าเรื่องราวเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน แต่ผ่านมุมมองของแต่ละตัวคร จึงทำให้เรื่องนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ซึ่งแต่ก็ละคนก็จะทิ้งคำใบ้ไว้ให้คนดู ได้ไปปะติดปะต่อเรื่องราวกันเอง

UNLOCKMEN เลยอยากชวนหนุ่ม ๆ มามองความจริงในมุมที่หลากหลายมากขึ้นกับ 5 หนังที่เล่าเรื่องแบบราโชมอน เพราะว่าความจริงที่เราเห็นนั้น อาจไม่ใช่เรื่องลวง แต่มันอาจเป็นเสี้ยวเดียวของความจริงทั้งหมดก็ได้

Vantage Point (2008)

Director: Pete Travis

ทุกตัวละคร ต่างอยู่ในเหตุการณ์ลอบลางระเบิดหวังปลิดชีพประธานาธิบดีสหรัฐ ในตอนที่เขาไปออกงาน ณ จตุรัสแห่งหนึ่งในสเปน เรื่องจะเล่าผ่านตัวละครที่หลากหลาย ตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนชาวบ้านธรรมดาที่ถือ Handy Cam หวังเก็บภาพความประทับใจในงานนี้ แต่ภาพที่เขาบันทึกไว้นั้นกลับมีเบาะแสชัดเจน ที่จะโยงไปถึงตัวคนร้ายได้ และนั่นทำให้ทุกตัวละครเชื่อมโยงกันด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญ

การดำเนินเรื่องแม้จะดูเนือย ๆ ไม่ได้บู๊แหลกอย่างที่เราเดาจากโปสเตอร์กัน แต่ทำออกมาในเชิงสืบสวนมากกว่า แล้วก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยล่ะ

11:14 (2003)

Director: Greg Marcks

นาฬิกาที่เดินอย่างเที่ยงตรง บอกเวลา 11:14 PM จุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเรื่องนี้เริ่มต้นจาก Jack (Henry Thomas) เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิต เมื่อเขารู้ว่ากำลังจะไปถึงที่หมายที่นัดแฟนสาวเอาไว้ไม่ทันเวลา (หนุ่ม ๆ คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี) ถนนในยามราตรีที่ทำให้คนขับมีระยะการมองเห็นเพียงน้อยนิดก็ไม่อาจทำให้เขาหวาดหวั่นได้ แต่เจ้าสิ่งนี้ทำได้ เมื่อเขาเห็นของบางอย่างขวางอยู่กลางถนนดื้อ ๆ ความเร็วที่เหยียบมามิดไมล์ทำให้เขาเหยียบเบรกในระยะอันสั้นนี้ไม่ทัน สิ่งแรกในหัวเขาคือการหักหลบลงข้างทาง แล้วไอ้สิ่งขวางทางเขานั้นคือศพ ถูกห่อมาในผ้าขาว ตอนนี้เขามีเวลาที่แสนจะจำกัดให้ได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับนัดแฟนสาวและศพที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

เป็นอีกเรื่องที่ทำออกมาได้สนุก สมกับการรอคอยมุมมองของแต่ละคน คอ Thriller ยังไงก็อย่าพลาดเรื่องนี้กันล่ะหนุ่ม ๆ

Snake Eyes (1998)

Director: Brian De Palma

รัฐมนตรีของสหรัฐถูกลอบสังหารขณะที่มาชมมวยชิงแชมป์โลก คนดูนับหมื่นในเหตุการณ์นั้นยิ่งทำให้การหาตัวคนร้ายเป็นเรื่องยาก Rick Santoro (Nicolas Cage) นายตำรวจตัวแสบ จึงต้องลงมือสืบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกับความช่วยเหลือจากเพื่อนรักอย่าง Kevin Dunne (Gary Sinise) แต่การดูเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาตีวงแคบลงมาเรื่อย ๆ จนได้สามผู้ต้องสงสัย และหนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนรักของเขาเองด้วย

นอกจากความมันส์ของการดื่มด่ำหนังฝีมือ De Palma แล้ว ยังมี Long Take นานนับสิบนาทีที่ขับให้เหตุการณ์นั้นยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกด้วย ถือว่าเรื่องนี้คุ้มค่าแก่เวลาชั่วโมงครึ่งของเราแน่นอน

Courage Under Fire (1996)

Director: Edward Zwick

ความผิดพลาดในอดีตยังคงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ Nat Serling (Denzel Washington) ทหารผ่านศึกที่ตอนนี้มียศระดับบิ๊ก เคยทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในสนามรบจริง ด้วยการสั่งยิ่งรถถัง แต่ด้วยระยะการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน รถถังเจ้ากรรมคันนั้นคือรถของฝ่ายเดียวกัน แถมเพื่อนรักของเขาก็อยู่ในรถถังคันนั้นด้วย ความเจ็บปวดแบบสองเด้งจึงฝังรากลึกอยู่ในใจเขาเสมอ ทว่าเรื่องนี้ก็มีผู้ใหญ่ในกองทัพช่วยปิดเอาไว้ด้วยเช่นกัน และนั่นยิ่งทำให้เขาละอายต่อความจริงเข้าไปใหญ่

จนต่อมา Serling ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเหรียญกล้าหาญของ Karen Walden (Meg Ryan) ที่เสียชีวิตในสนามรบขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่แล้วเขาก็เจอปมบางอย่าง เมื่อแต่ละคนในเหตุการณ์นั้น ต่างให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกันเอาเสียเลย มาดูกันว่าความจริงเบื้องหลังเรื่องที่ถูกปิดบังไว้นี้คืออะไรกันแน่

The Usual Suspects (1995)

Director: Bryan Singer

อีกหนึ่งผลงานอันยอดเยี่ยม ที่ครองใจคอ Thriller มาทุกยุค เรื่องราวของวายร้ายผู้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นรถบรรทุก 5 คนประกอบไปด้วย McManus (Stephen Baldwin), Keaton (Gabriel Byrne), Fenster (Benicio Del Toro), Hockney (Kevin Pollak) และ Verbal (Kevin Spacey) ทั้งหมดถูกเชิญตัวมาสอบปากคำในคดีที่ว่านั่น โจรอยู่กับโจรจะเหลืออะไร ระหว่างถูกควบคุมตัว ทั้งหมดจึงได้วางแผนปล้นร่วมกัน จนการปล้นครั้งนั้นกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ทำให้พวกเขาถูกว่าจ้างโดย Keyser Soze วายร้ายตัวฉกาจที่ไม่เคยมีใครจับตัวเขาได้ และไม่มีใครเคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา

เล่ามากกว่านี้ไม่สนุกแถมจะสปอยล์เข้าให้แล้ว แต่เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ต้องรีบเคลียร์คิวให้ว่าง รับรองว่ามันส์คุ้มค่าเวลาสองชั่วโมงแน่นอน

เลือกสักเรื่องที่ถูกใจ แล้วให้คุณเป็นคนตัดสินว่าใครคือคนที่พูดความจริง (ที่สุด) กันแน่