Entertainment

5 กุญแจสู่ความสำเร็จของ ED SHEERAN ศิลปินผู้กวาดรางวัล BILLBOARD 2018 กว่าครึ่งโหล

By: unlockmen May 22, 2018

แม้จะบอกว่าไม่ฟังเพลงฮิต ไม่ฟังเพลง Mainstream มาแต่ไหนแต่ไร แต่ถ้าหากอินโทรเพลง Shape Of You ดังขึ้น เป็นต้องโยกหัว ขยับไหล่ตามกันทุกราย และไม่ใช่แค่เพลงนี้ที่ฮิตติดหูคนทั่วบ้านทั่วเมือง ย้อนกลับไปตั้งแต่เพลง Thinking Out Loud, Photograph, Shape Of You และล่าสุดกับเพลง Perfect ที่ใคร ๆ ก็ต้องฮัมเมโลดี้ได้กันบ้างคนละบาร์สองบาร์นั่นแหละน่า

UNLOCKMEN ไม่ได้พามาดูเส้นทางความสำเร็จ เพราะใคร ๆ ก็ทำไปแล้ว จนเรารู้ดีกันอยู่แล้วว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้เขาเริ่มต้นมาจาก Newbie เวลหนึ่ง แต่ด้วยพรสวรรค์และพรแสวงที่เขามีทำให้เขาผลักดันตัวเองมาเป็นศิลปินอันดับต้นของโลก แต่เราจะพามาไขความลับของนักร้องหนุ่ม Ginger Head คนนี้ ว่าทำไมสไตล์ของเขาถึงได้ป็อปปูล่าขึ้นมาแซงหน้าคนอื่นได้ขนาดนี้

Appearance ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ขึ้นชื่อว่าอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว เรื่องของ “ภาพลักษณ์” คงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่จะต้องปั้นมันออกมาให้ดีและขายได้ แม้จะเป็นศิลปินในวงการเพลงก็ตาม รูปร่างหน้าตาก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดคนฟังเพลงได้ไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับ Ed เลย เพราะเขายังคงทำตัวธรรมดา แต่งตัวธรรมดา ใส่แว่นเหมือนเดิมแบบที่เคยใส่ เขาไม่ได้สนใจว่า Ginger Head ยุ่งเหยิงของเขาจะน่าดูหรือไม่น่าดู เขาอยากให้คนฟังสนใจแค่ Performance ของเขาเท่านั้น

ว่ากันตามตรง เขาไม่ใช่ศิลปินในลุคหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่จะขยิบตาให้สาวกรี๊ด หรือกระชากเสื้อโชว์ซิกแพ็กบนเวทีคอนเสิร์ตเพื่อเซอร์วิสแฟนคลับสาว ๆ แต่แล้วยังไง ? เขาสนใจที่ไหน มันไม่ได้ทำให้เขาท้อหรือคิดว่ามันเป็นอุปสรรคจนมาหยุดเขาไว้ได้เลย และเขาได้แอบใส่ทัศนคติที่คิดบวกแบบนี้ลงไปในเพลงของเขาอีกด้วย นั่นคือเพลง “Nina” ในท่อนที่ร้องว่า “And you don’t even need to worry about your weight ’cause, we can all be loved the way that God made us.” แค่ท่อนนี้ก็คงจะพอเห็นแล้วว่า เขาเองก็ไม่ได้ worry เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองเหมือนกับเพลงนี้นั่นแหละ

ถึงแม้จะไม่ได้ Charming ด้วย Appearance แต่ความเป็นมิตร ยิ้มง่าย ความอ่อนโยนของเขา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้สาว ๆ เคลิ้มตามเพลงของเขาไปได้อย่างง่ายดาย และทำให้เพลงที่มันอบอุ่นอยู่แล้ว ตีบวกความอบอุ่นเข้าไปอีกไปอีกไม่รู้กี่เท่า ความเป็นกันเองและความอยากใกล้ชิดแฟน ๆ แบบไม่ถือตัว ทำให้เขาตีตลาดในภาพของหนุ่มแสนอบอุ่นได้แบบขาดลอย

เนื้อหาเพลงที่ความหมาย Positive และอยู่บนความเป็นจริง

แม้ว่าเพลงของเขาในสายตาบางกลุ่มอาจจะรู้สึกว่ามันคือเพลง Pop ทั่วไป เลยขายง่ายจนอยู่ใน Mainstream แต่หากลองตั้งใจฟังเพลงของเขาแบบถอดอคติทิ้งไว้แล้วล่ะก็ พูดได้เต็มปากเลยว่าแต่ละเพลงของเขาผ่านมันสมอง และความตั้งใจของเขาแทบทั้งนั้น เลยได้เนื้อเพลงที่มัน Touch คนฟังได้แบบทุกเพศทุกวัย

ลองนึกถึงเพลงของวง LOSO สมัยก่อนดูสิ เนื้อเพลงที่มีแต่คำง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้ภาษาสวยหรู ศัพท์แสงแปลก ๆ หรือคำคมงง ๆ สองบรรทัดแบบชาวฮิปสเตอร์ แต่เพลงพวกเขาดังเปรี้ยงขึ้นมาแบบใคร ๆ ก็ร้องตามกันได้ เพราะความเรียบง่าย มันทำให้เข้าใจได้ง่าย เหมือนการได้รับสารอะไรที่ย่อยมาแล้ว ไม่ต้องตีความอะไรมากนัก มันเลยเข้าถึงคนได้มากกว่า เพลงของ Ed เองก็เป็นแบบนั้น

นอกจากความเรียบง่ายของการใช้คำในเนื้อเพลงแล้ว เพลงของ Ed ส่วนมากยังเป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกในด้านบวกมากกว่าจะ Sad จนน้ำตานองหน้า ข้อดีคือมันไม่ได้เป็นด้านบวกจนเหมือนวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่มันเป็นด้านบวกในแง่ให้เรายอมรับความจริง ว่าเราจะเจ็บ เราจะล้มลง เราจะท้อแท้ มันคือปกติของชีวิต แล้วเราต้องกลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง มองหาและรอคอยวันดี ๆ ในชีวิตที่มันจะมาถึงในสักวัน คงเป็นเพราะเขามักจะแอบใส่ชีวิตตัวเองลงไปในเพลง ทำให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เขาเคยผ่านมาและถ่ายทอดมันออกมาได้ดี

ชื่ออัลบั้มที่ชวนติดตามอย่าง สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์

Plus, Multiply และ Divide คือชื่ออัลบั้มของเขา และทั้งหมดนั่นคือสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่เราคุ้นเคยกันดี ในสตูดิโออัลบั้มแรกอย่างอัลบั้ม Plus เราอาจไม่ได้สนใจว่าอัลบั้มต่อไปมันจะเป็นสัญลักษณ์อะไรอีก เพราะใครจะรู้ล่ะ มันอาจจะเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่พออัลบั้มที่สองอย่าง Multiply ออกมา และมาพร้อมเพลงฮิตมากมาย คนก็เริ่มให้ความสนใจของความต่อเนื่องในชื่ออัลบั้มแล้ว ว่าอัลบั้มต่อไปมันจะเป็นสัญลักษณ์อะไร และแน่นอน แฟน ๆ ก็ไม่ผิดหวัง เพราะอัลบั้มต่อมาคือ Divide ที่เป็นซีรี่ส์สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ตามที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้

ต่อให้มันเป็นการตั้งชื่อแบบตามใจตัวเอง หรือเพราะอะไรก็ช่าง แต่มันได้ผลตรงที่แฟน ๆ หรือไม่ใช่แฟนคลับก็ตาม ให้ความสนใจเขาและอัลบั้ม แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การได้ความสนใจแบบไม่ต้องลงทุน PR อะไรเป็นพิเศษเลย แค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในโชว์คือ “เพลง” ของเขา

เป็นภาพคุ้นตาของพวกเราดีอยู่แล้ว ที่จะได้เห็น Ed กับกีต้าร์หนึ่งตัวบนโชว์ของเขา บนเวทีของเขา มักจะไม่ได้มีอะไรหวือหวามากมายนัก ไม่ต้องไปโฟกัสกับการเต้น แดนเซอร์ หรือเสื้อผ้าอลังการดาวล้านดวง เขาก็ยังแต่งตัวธรรมดาเหมือนที่เคยแต่งขึ้นคอนเสิร์ตทั้งอย่างงั้นนั่นแหละ เพราะสิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้คนดูคือ “เพลง” ของเขา เขายืนอยู่บนเวที ร้องเพลงให้พวกเราฟัง พูดคุยกับคนฟัง นั่นแหละทำให้เขาเอาคนดูอยู่หมัด ในทุกครั้งเขามักจะกระตุ้นให้คนดูสนุกไปกับเขามากกว่า

Never Gives Up

ใครจะรู้ว่าศิลปินเบอร์ใหญ่ของโลกอย่าง Ed นั้นเคยพูดติดอ่างมาก่อน ย้อนกลับไปสมัยที่ Ed ยังเป็นหนุ่มน้อย เขาเป็นคนที่พูดติดอ่างจนเป็นอุปสรรคต่อการร้องเพลงของเขา ทางแก้ของเขาแม่งเหนือชั้นมาก ติดอ่างหรอ พูดไม่ทันหรอ ฝึกแร็ปด้วยเพลง Eminem แม่งเลย หรือจะเป็นภาพที่เราคุ้นตาของเขาในสมัยก่อนก็คงเป็นภาพของ Ed สมัยยังร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ที่ถนนแห่งไหนสักที่ แต่ตอนนี้เขามีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง มีแฟน ๆ ทั่วโลกแบบนับไม่ถ้วน

ทั้งหมดนี้มันไม่ได้เป็นเพราะโชคหล่นใส่เขาแต่อย่างใด นอกจากพรสวรรค์ที่เป็นต้นทุนมาให้เขาแล้ว เขายังเติมเต็มมันด้วยพรแสวงที่มาในรูปแบบของ “ความพยายาม” แบบเต็มเปี่ยม นั่นทำให้เขาเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ และทุกวันนี้เขาเองก็ยังตั้งใจพัฒนาตัวเองตลอดในทุกอัลบั้มที่ปล่อยออกมา

ครึ่งโหลกับ BILLBOARD 2018

Ed Sheeran มีชื่อเข้าชิงในสาขาไหน รางวัลก็แทบจะตกอยู่ในมือเขาแบบแน่นอนเกือบทุกครั้งไป ในปีนี้สำหรับเวที BILLBOARD 2018 เขากวาดรางวัลไปถึงหกรางวัล เท่ากับ Kendrick Lamar แร็ปเปอร์ที่มาแรงในปีนี้ โดยรางวัลที่ ED กวาดไปนั้นได้แก่ Top Artist, Top Male Artist, Top Hot 100 Artist, Top Song Sales Artist, Top Radio Songs Artist และ Top Radio Song ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายอะไร เพราะเขาไม่ได้เพิ่งกวาดรางวัลจากเวทีนี้เป็นเวทีแรก ไม่ใช่แค่เวที Billboard เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Grammys, NME หรือเวทีอื่น ๆ เขาก็กวาดเรียบไม่แพ้กัน หรือจะเป็นเพลงฮิตติดชาร์จ ยอดขาย ยอดดาวน์โหลด เขาเองก็เกาะอันดับต้น ๆ มาตลอด

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงไม่มีข้อกังขาอะไรถึงรางวัลที่เขาได้ เพราะกุญแจแห่งความสำเร็จที่บอกมานั้นมันเป็นเหมือนเครื่องยืนยันถึงความเหมาะสมของเขากับความสำเร็จในจุดที่เขายืนอยู่นี้ หนุ่ม ๆ เองก็ลองเอาไปปรับใช้กับตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้เดินในเส้นทางสายดนตรี แต่ความ Positive ของผู้ชายคนนี้ คงทำให้เราได้แง่คิดอะไรดี ๆ กลับไปบ้าง

SOURCE 1/2/3/4

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line