World

UNLOCKMEN วิเคราะห์ ทำนายผล WORLD CUP 2018 รอบแบ่งกลุ่ม PART 1

By: PERLE June 16, 2018

เวลานี้จะมองไปทางไหนก็เจอแต่อะไรเกี่ยวกับฟุตบอลโลกเต็มไปหมด เพราะนี่คือมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติก็ว่าได้ กระแสอย่างอื่นในโลกเหมือนโดนสตาฟไว้ให้หยุดนิ่ง มีเพียงฟุตบอลโลกเท่านั้นที่เคลื่อนไหว ดังนั้นบทความนี้จึงจะขอเขียนถึงฟุตบอลโลกอีกสักบทความ และในวันที่เขียนนี้นัดเปิดสนามได้เตะกันไปเรียบร้อยร้อยแล้ว แต่คิดว่าคงยังไม่สายเกินไปที่จะมาวิเคราะห์เจาะลึกเกี่ยวกับรอบแบ่งกลุ่ม นอกจากข้อมูลที่นำมาบอกเล่าแล้ว ทางทีมงาน UNLOCKMEN จะใส่ความคิดเห็นและทรรศนะส่วนตัวลงไปด้วย ดังนั้นเลื่อนลงไปอ่านความแม่น (หรืออาจจะมั่ว) กันได้เลย

Group A

ทีมในกลุ่ม

– ‘หมีขาว’ ทีมชาติรัสเซียเจ้าภาพการแข่งขันครั้งนี้ อันดับ 70 ของโลก ที่เมื่อคืนเพิ่งโชว์ฟอร์มร้อนแรงถล่มทีมชาติซาอุดิอาราเบียไปถึง 5-0 เป็นการปลดล็อกฟอร์มอุ่นเครื่องอันย่ำแย่ของพวกเขาได้ในที่สุด เพราะพวกเขาไม่ชนะใครเลยถึง 7 นัดติดต่อกัน จนแฟนบอลเริ่มออกอาการเป็นห่วงว่าทีมรักจะขายหน้าคาบ้านหรือเปล่า แต่ผลการแข่งขันเมื่อคืนคงพอทำให้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง

ในเรื่องตัวผู้เล่น ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอลเป็นประจำคงไม่ค่อยคุ้นชื่อเท่าไรนัก เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในลีกบ้านเกิดแทบทั้งหมด มีแค่ Denis Cheryshev จาก Villarreal และ Vladimir Gabulov จาก Club Brugge เท่านั้นที่ไม่ใช่ ถึงอย่างนั้นก็ตามฝีเท้าแต่ละคนก็ถือว่าไม่ธรรมดา

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Igor Akinfeev – นายทวารจากสโมสร CSKA Moscow ซึ่งถ้าย้อนไปประมาณ 8 ปีก่อนนี่คือผู้รักษาประตูฝีมืออันดับต้น ๆ ของยุโรปเลยก็ว่าได้ บรรดาสโมสรใหญ่ต่างจ้องกันตาเป็นมัน แต่ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ เวลาล่วงเลย Igor Akinfeev จากนายทวารดาวรุ่ง จนปัจจุบันกลายเป็นนายทวารรุ่นใหญ่วัย 32 กะรัตแล้วเขาก็ยังค้าแข้งให้กับ CSKA Moscow ไม่ได้ย้ายทีมไปไหนแต่อย่างไร ถึงฟอร์มการเล่นในปัจจุบันจะไม่ใช่จุดพีคของเขาแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าชื่อของ Igor Akinfeev  ยังขู่กองหน้าฝ่ายตรงข้ามได้เสมอ แถมยังมีความเก๋าประสบการณ์อีกด้วย

Aleksandr Golovin – ถ้าเป็นก่อนหน้าที่ทีมชาติรัสเซียจะเตะกับทีมชาติซาอุดิอาราเบีย ผมคงเลือกชื่อของ Alan Dzagoev แทน แต่ด้วยอาการบาดเจ็บชื่อของมิดฟิลด์จาก CSKA Moscow จึงโดนตัดไปโดยปริยาย ประจวบกับที่การแข่งขันเมื่อคืน Aleksandr Golovin โชว์ฟอร์มเข้าขั้นมหัศจรรย์ด้วยการยิง 1 ประตู 2 แอสซิสต์ จึงทำให้ผมเชื่อเหลือเกินว่า World Cup 2018 จะเป็นเวทีแจ้งเกิดของมิดฟิลด์วัย 22 ปีผู้นี้อย่างแน่นอน

Fyodor Smolov – Krasnodar สโมสรระดับกลาง ๆ ของศึก Russian Premier League แต่ฤดูกาลล่าสุดสามารถขึ้นมาจบอันดับ 4 ของตารางได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักเตะผู้นี้นี่แหละ Fyodor Smolov โชว์ฟอร์มซัดไป 14 ประตู จนกลายเป็นรองดาวซัลโวของลีก และคาดว่าดาวเตะวัย 28 คงจะเป็นอาวุธหลักในการทำประตูของเจ้าภาพแน่นอน

 

– ‘สิงห์ทะเลทราย’ ทีมชาติซาอุดิอาราเบีย ตัวแทนจากทวีปเอเชียที่เมื่อวานเพิ่งโดนเจ้าภาพถล่มแบบไม่ไว้หน้าไปถึง 5-0 ถึงแม้ว่าตามทฤษฏีจะยังมีลุ้นเข้ารอบอยู่ แต่ในทางปฏิบัตินั้นเป็นไปได้ยากเหลือเกินเพราะผลการแข่งขันในนัดนี้น่าจะบ่งบอกได้ว่าถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งพอสมควรในทวีเอเชีย แต่สำหรับเวทีระดับโลกยังดูห่างชั้นกันพอสมควร

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Mohammad Al-Sahlawi – นักเตะที่โดดเด่นที่สุดของทัพสิงห์ทะเลทรายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดาวยิงวัย 31 จากสโมสร Al-Nassr เพราะนี่คืออาวุธหลักในการทำประตูของทีมชาติซาอุดิอาราเบีย ด้วยสถิติลงสนาม 41 นัด ยิง 28 ประตู ถึงแม้ว่าในรอบคัดเลือกที่ผ่านมาฟอร์มจะดรอปยิงไปแค่ 2 ประตู แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นตัวความหวังสูงสุดของทีมแน่นอน

Yehya Al Shehri – ปีกจอมพริ้วจากสโมสร  Al-Nassr ที่ถึงแม้ในเกมเมื่อคืนเขาจะทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก แต่ไม่แน่ว่าหลังจากปรับตัวกับสภาพอากาศ ตื่นสนามน้อยลง เขาอาจจะงัดทีเด็ดมาโชว์ในนัดที่เหลือก็เป็นได้

Osama Hawsawi – ปราการหลังจอมเก๋าจาก Al-Hilal ที่ติดทีมชาติมาแล้วกว่า 136 นัด ถึงแม้ว่านัดเมื่อวานจะโดนเผาไม่มีชิ้นดี แต่ยังไงประสบการณ์ของเขาก็เป็นสิ่งที่พลพรรคสิงห์ทะเลทรายจะขาดเสียไม่ได้

 

– ‘มัมมี่’ ทีมชาติอียิปต์ที่ได้เข้าร่วมรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ซึ่งนอกจาก Mohamed Salah ซุปเปอร์สตาร์ประจำทีมแล้ว นักเตะคนอื่นก็ไม่ได้โนเนมเสียทีเดียว มีนักเตะเล่นอยู่ในลีกยุโรป โดยเฉพาะลีกอังกฤษหลายคน ดังนั้นถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ขาประจำฟุตบอลโลก แต่ก็คงไม่ใช่หมูให้ทีมอื่นเคี้ยวอย่างแน่นอน

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Mohamed Salah – จริง ๆ ไม่ต้องแนะนำเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่คือนักเตะผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมชาติอียิปต์ก็ว่าได้ นอกจากฟอร์มอันร้อนแรงกับต้นสังกัด Liverpool แล้ว ในนามทีมชาติเขาก็เป็นดาวเด่นเช่นกันด้วยผลงานลงสนาม 57 นัด ยิงไปถึง 33 ประตู แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืออาการบาดเจ็บจากตั้งแต่นัดชิง UEFA Champions League ถ้าความฟิตของเขาไม่เต็มร้อย ศักยภาพและกำลังใจของทีมมัมมี่ลดลงเยอะแน่นอน

Ramadan Sobhi – มิดฟิลด์จอมลีลาจากสโมสร Huddersfield Town แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาเขาค้าแข้งให้ Stoke City ถึงแม้ว่าทีมช่างปั้นหม้อจะตกชั้นสู่ EFL Championship แต่ถ้านับเฉพาะฟอร์มส่วนตัวเขาทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว

Mohamed Elneny – มิดฟิลด์ตัวรับจาก Arsenal สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งลีกเมืองผู้ดี ถึงแม้ว่าในสโมสรเขาจะไม่ใช่ตัวหลักเสียทีเดียว ออกแนวตัว Rotation มากกว่า แต่สำหรับทีมชาติอียิปต์เขาเป็นคีย์แมนสำคัญที่ทีมจะขาดเสียไม่ได้ จุดเด่นของ  Mohamed Elneny คือการยืดหยุ่นเล่นได้หลายตำแหน่งทั้งมิดฟิลด์ตัวรับและกองหลัง

 

– ‘จอมโหด’ ทีมชาติอุรุกวัย เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย (ถึงแม้ว่าครั้งล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 1950 เลยก็ตาม) ที่ผ่านรอบคัดเลือกมาแบบสบาย ๆ ด้วยตำแหน่งรองแชมป์โซนอเมริกาใต้ เป็นรองแค่ทีมชาติบราซิลทีมเดียวเท่านั้น และถ้ามองจากชื่อชั้นผู้เล่น ทีมเต็ง 1 ประจำกลุ่ม A คงหนีไม่พ้นทีมจอมโหดนี่แหละ

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Edinson Cavani – เพชฌฆาตผมสลวยแห่งสโมสร Paris Saint-Germain ผู้มาพร้อมสถิติติดทีมชาติ 101 นัด ยิง 42 ประตู ถึงแม้อายุจะล่วงเข้าสู่เลข 3 แล้ว แต่ยังไงก็ตามนี่คืออาวุธหนักของทีมจอมโหดอย่างแน่นอน

Luis Suárez – ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม กองหน้าจอมกัดจาก Barcelona ควบด้วยตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอุรุกวัย ถึงแม้ว่าปีนี้ฟอร์มจะดรอปลงพอสมควร แต่เชื่อว่าการคอมโบกันระหว่าง Luis Suárez กับ Edinson Cavani จะเป็นฝันร้ายของกองหลังฝั่งตรงข้ามแน่นอน

Diego Godín – การที่สโมสร Atlético Madrid กลายเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในยุโรป ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กองหลังวัย 32 ผู้นี้เลย เป็นกองหลังที่ครบเครื่องทั้งลูกกลางอากาศ การอ่านเกม การเข้าปะทะ นี่คือปราการเหล็กของทีมจอมโหดที่กองหน้าฝ่ายตรงข้ามเห็นแล้วต้องครั่นคร้าม

บทวิเคราะห์

อย่างที่กล่าวไปว่าทีมชาติอุรุกวัยคือเต็ง 1 ประจำกลุ่มเนื่องจากศักยภาพนักเตะดูดีกว่าทีมอื่นอย่างเห็นได้ชัด และการโดนถล่มถึง 5-0 ช่วยตอกย้ำความเป็นไม้ประดับของทีมชาติซาอุดิอาราเบียให้ชัดเจน UNLOCKMEN จึงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านในเร็ว ๆ นี้แน่นอน ปัญหาอยู่ที่ทีมใดจะเป็นอันดับ  2 ระหว่างเจ้าภาพรัสเซียและทีมชาติอียิปต์ ซึ่งถ้าดูจากศักยภาพนักเตะต้องบอกเลยว่าสูสี ตัดสินใจเลือกยาก แต่ความเป็นเจ้าภาพมีอานุภาพเสมอ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการออกมายอมรับของ Michel Platini ว่าทีมชาติฝรั่งเศสได้รับประโยชน์กว่าทีมอื่น ๆ ในศึกฟุตบอลโลกปี 1998 ขนาด Michel Platini ยังมีอำนาจทำได้ แล้วคุณคิดว่า Vladimir Putin จะทำไม่ได้เหรอ ดังนั้นรัสเซียน่าจะเบียดอียิปต์เข้ารอบเป็นอันดับ  2 Mohamed Salah คงต้องกลับบ้านเร็วกว่าที่คิด

ทีมที่คาดว่าจะเข้ารอบ: อุรุกวัย, รัสเซีย

Group B

ทีมในกลุ่ม

– ‘กระทิงดุ’ ทีมชาติสเปน เรื่องที่ต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกสำหรับทีมนี้คงเป็นเรื่องไปไม่ได้นอกจากการปลด Julen Lopetegui กุนซือของทีมออกแบบฟ้าผ่าช็อคคนทั้งโลก โดยสาเหตุมาจากการที่เขาไม่ให้เกียรติทีมชาติโดยโดดไปเปิดตัวเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม Real Madrid ทั้ง ๆ ที่ควรจะโฟกัสอยู่กับฟุตบอลโลกที่กำลังจะถึง เผือกร้อนจี๋จึงตกไปอยู่ในมือของ Fernando Hierro อดีตกองหลังระดับตำนานของทีมราชันชุดขาว เรื่องนี้ส่งผลให้ภาพลักษณ์การเป็นตัวเต็งของทีมตกลงทันที เพราะบรรดากูรูและบ่อนพนันทั้งหลายคิดว่าการที่แทบไม่มีการเตรียมทีมเลยของ Fernando Hierro น่าจะส่งผลอย่างมากเลยทีเดียว ต้องมารอดูกันว่าอดีตแชมป์โลกเมื่อปี 2010 จะทำได้ดีแค่ไหนในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

David de Gea – บางคนบอกว่านี่คือผู้รักษาประตูมือ 1 ของโลก บางคนบอกว่าเขายังเป็นรอง Manuel Neuer อยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม David de Gea คือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีเขา Manchester United อาจจะไปไม่ถึงตำแหน่งรองแชมป์ Premier League ก็เป็นได้ และในฟุตโลกครั้งนี้สเปนจะไปได้ไกลแค่ไหนก็ต้องอยู่ที่ฟอร์มของเขาด้วยส่วนหนึ่ง

Sergio Ramos – ปราการหลังจอมดุดันจากค่ายราชันชุดขาว ผู้มีส่วนสำคัญกับแชมป์ UEFA Champions League 3 สมัยซ้อนของ Real Madrid นอกจากการอ่านเกมขั้นเซียน ลูกกลางอากาศเขาก็เป็นระดับสุดยอดของโลก อีกทั้งประสบการณ์ในทีมชาติกว่า 152 นัด Sergio Ramos จึงเป็นคีย์แมนคนสำคัญของทัพกระทิงดุแน่นอน

David Silva – มิดฟิลด์เชิงสูงผู้เด่นเรื่องการผ่านบอลและสร้างสรรค์เกมจาก Manchester City แชมป์  Premier League ฤดูกาลที่ผ่านมา ถึงแม้อายุอานามจะเข้าสู่ปลายอาชีพแล้ว แต่จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ยังไงกระบี่ก็ยังคมเสมอ

 

-‘ฝอยทอง’ ทีมชาติโปรตุเกส พกดีกรีแชมป์ยูโร 2016 บันไดขั้นต่อไปคือแชมป์ฟุตบอลโลก แต่โอกาสอาจจะเป็นไปได้ยากสักหน่อยเพราะถึงแม้จะมีตัวชูโรงอย่าง Cristiano Ronaldo อย่างไรก็ตามขุมกำลังโดยรวมยังดูเป็นรองชาติมหาอำนาจลูกหนังชาติอื่นอยู่พอสมควร ต้องมารอลุ้นกันว่า Fernando Santos จะโชว์กึ๋นสร้างปาฏิหารย์ได้อีกรอบหรือไม่

 

 

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Cristiano Ronaldo – คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เอาเป็นว่าเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของโปรตุเกส ถึงขั้นมีรูปปั้นเป็นของตัวเอง เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ และนี่อาจจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว

William Carvalho – มิดฟิลด์ไดนาโมจอมอึด-ถึก-ทน  แต่ก็มีการผ่านบอลที่โดดเด่น เรียกได้ว่านี่คือตัวขับเคลื่อนเกมแดนกลางของทีมฝอยทอง

Ricardo Quaresma – ปีกจอมไซร้ก้อยวัย 34 กะรัต ถึงแม้ว่าความเร็วจะลดลงไปเยอะ แต่เรื่องเทคนิคยังไว้ใจได้ และเขาเป็นผู้เล่นประเภทที่มักจะทำผลงานได้ดีในเกมใหญ่ ๆ ยิงประตูสำคัญ ๆ ได้เสมอ

 

-‘เสือร้ายจากกาฬทวีป’ ทีมชาติโมร็อคโก ที่ห่างหายจากฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไปนานกว่า 20 ปี แต่ครั้งนี้กลับมาพร้อมขุมกำลังนักเตะที่ไม่ธรรมดา พวกเขาผ่านรอบคัดเลือกมาแบบไม่ยากเย็นนัก สไตล์การเล่นจะเน้นไปที่ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะที่บอกได้พริ้วกันแทบทุกคน สำหรับ UNLOCKMEN นี่คือทีมจากแอฟริกาที่น่ากลัวที่สุด แต่ดันโชคร้ายจับฉลากมาอยู่ในกลุ่มแข็ง

 

 

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Medhi Benatia – ปราการหลังดีกรีแชมป์ Serie A ผู้มีจุดเด่นอยู่ที่การเข้าสกัดและลูกกลางอากาศ และในทีมชาติเขายังสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่โมร็อคโกจะขาดเสียไม่ได้เลย

Hakim Ziyech – มิดฟิลด์จอมพริ้วจาก Ajax เป็นผู้เล่นที่ครบเครื่องในแทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยง การผ่านบอล การยิงประตู เชื่อได้เลยว่าเขาจะสามารถสร้างความแตกต่างได้แน่นอนยามอยู่ในสนาม

Amine Harit – ปีกดาวโรจน์จากสโมสร Schalke 04 ถึงแม้ว่าอายุจะเพิ่งย่างเข้าสู่เลข 2 แต่ทักษะความสามารถเกินอายุไปมาก ความเร็วและทักษะของเขาพร้อมจะเผาเครื่องกองหลังฝั่งตรงข้ามจนมอดไหม้

 

-‘นักรบเปอร์เซีย’ ทีมชาติอิหร่าน ยอดทีมจากทวีปเอเชีย ผ่านรอบคัดเลือกมาแบบสบาย ๆ แต่เมื่อมาถึงรอบสุดท้ายดันมาเจอกับภูผาหินในกลุ่ม B ถึงแม้ว่าทีมชาติอิหร่านจะแข็งแกร่งกว่าทีมชาติซาอุดิอาราเบียพอสมควร แต่จะเพียงพอหรือไม่สำหรับเวทีระดับโลก พวกเราคงได้แต่เอาใจช่วยว่าอย่าให้เจอสถานการณ์แบบทีมเพื่อนบ้านเลย

 

 

3 ผู้เล่นน่าจับตามอง

Sardar Azmoun – เจ้าของฉายา Messi แห่งอิหร่านผู้มาพร้อมสถิติการถล่มประตูอันน่าสะพรึงกลัวด้วยการติดทีมชาติ 33 นัด ยิง 23 ประตู ถ้าเขาโชว์ฟอร์มได้ดีในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้แล้วล่ะก็ เหล่าสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปเข้ามารุมทึ้งดึงตัวไปร่วมทีมอย่างแน่นอน

Alireza Jahanbakhsh – การที่นักเตะจากเอเชียจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวในลีกยักษ์ใหญ่ทวีปยุโรปดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ปีกวัย 24 ผู้นี้ทำให้เกิดขึ้นแล้ว เพราะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงไป 21 ประตูให้กับ AZ Alkmaar ต้นสังกัด ผงาดขึ้นเป็นดาวซัลโวลีกฮอลแลนด์ได้สำเร็จ และในฟุตบอลโลกครั้งนี้เขาคงผนึกกำลังกับ Sardar Azmoun เป็นตัวหลักในการผลิตสกอร์ให้กับนักรบเปอร์เซีย

Ashkan Dejagah – พูดถึงเหล่าดาวรุ่งไปแล้ว มาพูดถึงตัวเก๋ากันบ้าง Ashkan Dejagah เป็นชื่อที่แฟน Premier League รุ่นเก่าคงคุ้นเป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยค้าแข้งให้กับ Fulham ถึงแม้ว่าปัจจุบันต้นสังกัดเขาคือ  Nottingham Forest ทีมระดับ Championship ก็ตาม แต่ความเก๋าความนิ่งความดุดันของเขาก็ยังสำคัญกับทีมชาติอิหร่านแน่นอน

บทวิเคราะห์

กลุ่มนี้ค่อนข้างเห็นภาพชัดว่าสเปนและโปรตุเกสแข็งแกร่งกว่าอีก 2 ทีม และคงไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้ง 2 ทีมน่าจะพาเหรดกันเข้ารอบ แต่คงไม่มีการยิงกันถล่มทลายกันให้เห็น เชื่อว่ากว่าจะผ่านไปแต่ละนัดคงหืดขึ้นคอพอสมควร เนื่องจากโมร็อคโกและอิหร่านไม่ใช่หมูให้เชือดง่ายๆ แต่ในท้ายที่สุดคงไม่มีการพลิกล็อกเกิดขึ้นในกลุ่มนี้

ทีมที่จะเข้ารอบ: สเปน, โปรตุเกส

นี่คือบทวิเคราะห์ของ 2 กลุ่มแรกสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ ถ้าอ่านแล้วชอบช่วยกันแชร์เยอะ ๆ แล้วรับรองว่าตอนต่อไปจะมาเร็ว ๆ นี้แน่นอน

 

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line