CARS
แค่เปิดไฟเลี้ยวจะตายไหม? เปิดเหตุผลคน…อะไร ขับรถยังไงไม่ใช้ไฟบอกสัญญาณ
By: NTman March 11, 2020 178372
นอกจากจอมปาด จอมแทรก, หลอดไฟจ้าแยงตาสว่างไกลยันชาติหน้า, ขับช้าแช่ขวาไม่สนสี่สนแปดใด ๆ อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถจุดชนวนอารมณ์ สร้างอาการหัวร้อนขณะใช้รถใช้ถนนได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ คงหนีไม่พ้นเหล่าพลขับที่ไม่ยอมขยับก้านไฟเลี้ยว จะออกซ้าย ย้ายไปขวา หรือนึกจะเปลี่ยนเลน หักเลี้ยวเข้าซอยใด ๆ พี่แกก็แถเข้าไปดื้อ ๆ ยัดเยียดความเสี่ยงให้กับเพื่อนร่วมท้องถนนโดยไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ
สำหรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น ขั้นเบาะ ๆ ก็แค่ใจหายใจคว่ำ หนักหน่อยก็ถึงขนาดชนโครมเข้าไป ทำให้เสียเวลา เสียทรัพย์ อาจลุกลามถึงขั้นเสียชีวิต หรือเลวร้ายที่สุดคือเคสต่อเนื่องของอาการตกใจจากรถไร้มารยาทจนต้องหักหลบไปชนเข้ากับผู้ขับขี่ดวงตกรายอื่นที่ขับตาม ๆ กันมา จนเกิดความบรรลัยสร้างความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นวงกว้าง
ในขณะที่รถคันต้นเหตุมารยาททรามยังขับต่อไปได้แบบชิลล์ ๆ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เรื่องคงไม่เกิดแค่พี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซึ่งใช้เวลาสั้นกว่าตอนที่พวกเราออกเสียงสรรเสริญว่า…่องตาย เสียด้วยซ้ำ
สุดท้ายก็วนมาที่เรื่องเดิม อย่างที่รู้กันดีว่าไฟเลี้ยวนั้นใช้งานได้ง่ายดายโคตร ๆ แต่ทำไมไม่ค่อยใช้กัน และสิ่งนี้ได้กลายเป็นปริศนาลึกลับดำมืดคาใจหลายคนกับคำถามที่ว่า “จะเปลี่ยนเลน จะเลี้ยวรถแล้วทำไมไม่เปิดไฟเลี้ยวกันวะ?” ซึ่งข้อสงสัยนี้ไม่ได้มีเฉพาะชาวไทยแลนด์แดนสยามเท่านั้น เพราะอีกซีกโลก ประชาชนชาวฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาก็สงสัยเรื่องความชุ่ยของคนที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวเช่นเดียวกัน
เรื่องมันเริ่มต้นที่นายแพทย์ John Golia จากเมือง Fort Lauderdale ตอนใต้ของรัฐฟลอริดา ได้เข้ามาฝากคำถามไว้บนเว็บไซต์ของ Sun-Sentinal สื่อท้องถิ่นชื่อดังของฟลอริดา กับความสงสัยที่ว่าทำไมผู้ขับขี่ชาวฟลอริดาจึงไม่ค่อยให้สัญญาณไฟเลี้ยวกันเลย
แม้ตัวผมจะย้ายมาอยู่ฟลอริดาเป็นเวลา 2 ปี ก็ยังอกสั่นขวัญแขวนทำใจให้ชินไม่ได้สักที “นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายเลยนะ ผมคิดว่ามันอันตรายมาก ๆ เวลาที่ต้องไปเจอคนที่ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว อย่าลืมว่าเรากำลังอยู่ในรถยนต์ที่มีหน้าต่างปิดรอบด้าน เราไม่มีทางเห็นสีหน้าท่าทางของคุณเพื่อคาดเดาได้ว่าแม่งจะเลี้ยวซ้าย หรือ เลี้ยวขวาหรอก” นาย Glolia กล่าวเสริม
แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ คำถามของนาย Glolia กลับกลายเป็นเหมือนตัวเปิด ให้ชาวฟลอริดาคนอื่น ๆ เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์ความเซ็งที่ได้รับจากความมักง่ายอันสุดแสนจะไร้เหตุผลเอาไว้อย่างมากมาย แต่ที่สรุปใจความได้แสบสันต์ที่สุดต้องยกให้ความเห็นจากแอคเค้าท์ทวิตเตอร์ @allyburnn ที่ได้ทวีตเหน็บแนมพฤติกรรมของเพื่อนร่วมรัฐฟลอริดา เอาไว้ว่า
“What’s a Turn Signal?” -South Florida drivers, probably
โควตสั้น ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปวดใจ สะท้อนภาพปัญหาความไม่แยแสต่อการเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวของชาวฟลอริดาได้แบบเจ็บจี๊ด
แม้ว่าผู้คนจะเข้ามาลงขันแบ่งปันความรวดร้าวที่พบเจอจากผู้ขับขี่มักง่ายกันล้นหลาม และดูเหมือนว่าปริศนาการหาเหตุผลของคนไม่เปิดไฟเลี้ยวจะไม่ได้รับความกระจ่าง แต่สุดท้ายคำถามตั้งต้นของนาย Glolia ที่เราเชื่อว่าเป็นที่ข้องใจของผู้คนทั่วโลกก็ได้รับการแถลงไข เพราะเว็บ Sun-Sentinal เจ้าเก่า เจ้าเดิม ได้นำเอาผลวิจัยถึงสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้คนไม่เปิดไฟเลี้ยวมาเปิดเผยให้รู้ดำรู้แดงกันไป
เริ่มจากการกางผลสำรวจโดย Response Insurance เมื่อปี 2006 ที่พบว่าพลเมืองสหรัฐกว่า 57% ไม่เปิดไฟเลี้ยวขณะเปลี่ยนเลน ก่อนสมทบด้วยผลการสำรวจจากสมาคมวิศวกรยานยนต์ในปี 2012 ที่ศึกษาข้อมูลจากรถยนต์กว่า 12,000 คันบนทางหลวงในโอไฮโอ พบว่ามีผู้ที่ไม่เปิดไฟเลี้ยวขณะเปลี่ยนเลนเป็นจำนวนกว่า 48% แถมยังได้มีการสอบถามเพื่อเค้นหาคำตอบที่หลายคนรอคอยว่าทำไมพวกพี่ถึงไม่เปิดไฟเลี้ยวกันจ๊ะ?
จากยอดรวมที่บวกกันไปมาแล้วเกิน 100% ต้องบอกว่าการสำรวจนี้เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่แสดงตอบได้มากกว่าหนึ่งสาเหตุผลเลยออกมาอย่างที่เห็น แต่ที่จำเป็นกว่าเรื่องยอดรวมคือเรื่องคำตอบ ที่รู้แล้วก็ได้แต่บอกว่า โถพี่ ถ้าเกิดท้าทายคนเดียว พลาดคนเดียว เจ็บคนเดียวได้ แบบนั้นคงไม่มีใครห้ามอย่างแน่แท้ แต่ในเมื่อเรายังต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกัน ความปลอดภัยสำหรับส่วนรวมถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่เพียงเฉพาะเหตุผลเรื่องต้องการความท้าทายเท่านั้น
เพราะเหตุผลอื่น ๆ ที่กล่าวอ้างมา ก็ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างให้ใครสามารถเพิกเฉยกับการเปิดไฟเลี้ยวได้ และถึงแม้สาเหตุหลัก ๆ อาจจะฟังดูแล้วน่าเหนื่อยใจ จนดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ไร้ทางออก แต่จริง ๆ แล้วเราอยากบอกว่าอาจไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังจากใคร แค่เริ่มต้นจากตัวเองก่อน ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ว่าไฟเลี้ยวมีไว้ให้ใช้ ไม่ต้องประหยัด จะเลี้ยว จะเปลี่ยนเลนก็เปิดให้รู้กันไปชัด ๆ แค่ต่างคนต่างรักษากฎพื้นฐานให้เคร่งครัด น่าจะช่วยลดอุบัติเหตุ และเรื่องหัวร้อนบนท้องถนนลงไปได้สักหน่อยก็ยังดี