Work

Why So Serious ? 3 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเครียดเรื่องงานมากไป ปล่อยวางมันลงซะ !

By: unlockmen January 25, 2018

บางคนบอกว่าคนที่ตื่นเช้ากว่ามักจะประสบความสำเร็จ”,  ทำมาก ได้มากและจงเป็นคนแรกที่มาถึงออฟฟิศและเป็นคนสุดท้ายที่กลับบ้าน ประโยคเหล่านี้ช่วยปลุกใจผู้ชายอย่างเรา ให้สู้งานแบบลืมตาย และสร้างแรงบันดาลใจได้ดี แต่บางอย่างถ้ามันตึงเกินไปก็อาจทำให้เราสูญเสียความสุขด้านอื่นในชีวิตได้

นักวิจัยจากหลายสถาบันเห็นพ้องต้องกันว่า ด้วยความที่มีการปลูกฝังมาหลายยุคสมัยว่าผู้ชายต้องสตรองกว่าผู้หญิง ทำให้ผู้ชายมักจะซ่อนความู้สึกอ่อนแอเอาไว้ ไม่ค่อยระบายความในใจออกมา ส่งผลให้หนุ่ม บางคนไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองต้องผ่อนคลายแล้วนะ รวมถึงไม่ค่อยรู้สาเหตุของความเครียด ยิ่งเป็นคนในเมืองใหญ่ยิ่งมีความกดดันแฝงอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องงาน

เคยถามตัวเองบ้างไหม ว่าจริงจังกับการทำงานมากไปหรือเปล่า ? บางทีเราอาจไม่รู้ตัวว่าเราโคตรซีเรียสกับการทำงานจนเป็นชีวิตจิตใจ กว่าจะมองเห็นก็สายไปแล้ว ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีสำรวจตัวเองว่าทุ่มเทกับงานมากไปหรือไม่แบบง่าย และมีวิธีปล่อยวางที่ทำได้สบาย มาให้ลองนำไปปรับใช้กันดูครับ


ปิดตัวเองจากสังคม

ถ้าในวันหยุดคุณไม่ได้ออกไปไหนกับใครเลย วัน นั่งมอนิเตอร์งานอยู่หน้าคอมพ์ตลอด ส่วนวันทำงานก็มักจะปฏิเสธคำชวนออกไปทานข้าวเที่ยงจากเพื่อนร่วมงานเพราะคิดว่าภาระตรงหน้าสำคัญกว่า หรือแม้กระทั่งเทเพื่อนที่ชวนไปดื่มหลังเลิกงานบ่อย ด้วยความรู้สึกว่ามีเรื่องสำคัญกว่านี้ที่ต้องทำอีกเยอะ แบบนี้ คุณกำลังจริงจังเกินไปแล้วครับ

ทางออก :

คำพูดที่ว่าแค่ออกไปแฮงเอาท์กับคนอื่น ซะอาจพูดง่ายแต่ทำยากในความเป็นจริงของคนบ้างาน ยิ่งหักดิบด้วยวิธีนี้ยิ่งทำให้กังวลไปใหญ่ ลองดูวิธีง่าย แบบนี้ดูครับ เวลาเพื่อนร่วมงานชวนไปทานข้าว ลองเริ่มจากการตอบว่าไปครับก่อน เดี๋ยวสถานการณ์ก็จะพาตัวคุณลุกจากโต๊ะได้เอง พอตกเย็นเพื่อน เริ่มชวนกันออกไปชิล ก็ลองถามไปว่าจะไปกินกันกี่โมง ? ที่ไหน ? พอได้ข้อมูลแล้วก็เอามาเป็นอีกหนึ่งแผนในชีวิตวันนี้เลย พักบ้าง แล้วจะรู้ว่าคุณจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


เพื่อนร่วมงานไม่อยากร่วมทีมด้วย  

บางทีการทำงานในสภาวะการแข่งขันสูงอาจทำให้คุณมีทัศนคติที่ว่า ยิ่งงานยุ่งยิ่งดูน่าภาคภูมิใจ การที่เพื่อนร่วมงานแซวว่าคุณคือคนที่บ้างานที่สุดในแผนกมันช่างรู้สึกเหมือนได้โล่ แบบนี้ซีเรียสเกินแล้วครับ ลองสังเกตดูดี ตอนนี้บรรดาเพื่อนร่วมงานของคุณไม่มีใครเต็มใจร่วมทีมกับคุณเพราะว่าคุณจริงจังกับงานตลอดเวลา แบบนี้ควรทบทวนตัวเอง จัดตารางชีวิตใหม่ ลองดูแบบอย่างจากคนที่เขามี work-life-balance ดี ก็ได้

ทางแก้ :

ถ้าเหตุการณนี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อย ลองปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานและทำแบบที่ทุกคนทำ ดีกว่าบังคับให้คนอื่นตามแนวทางของคุณ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะชอบอยู่ดึกเพื่อลุยโปรเจ็คต์ใหม่ แต่เพื่อนร่วมทีมอาจไม่ได้คิดแบบเดียวกัน คุณต้องเข้าใจว่างานทุกงานมีขอบเขตของมัน และถ้าคนส่วนใหญ่ในทีมคุณเห็นต่างจากคุณในเรื่องการใช้เวลากับงาน ผลที่ตามมาคือความหงุดหงิด ไม่พอใจ หรือทำงานหนักจนน็อคไปเลยก็ได้ มันโอเคนะถ้าขอให้ทุกคนอยู่ดึกในคืนก่อนเดธไลน์งานสำคัญ แต่การที่ขอเพื่อนร่วมทีมอยู่ทำงานดึกในคืนวันวันศุกร์มันก็เกินไป ที่สำคัญควรรู้ว่ากรณีไหนที่ควรจะโทรไปคุยเรื่องงานกลางดึก


ร่างกายเริ่มพัง

สำรวจดูว่าร่างกายของคุณที่พยายามบอกใบ้ว่าลูกพี่เครียดจะแย่แล้วนะหรือไม่ อาจมาในรูปแบบผมร่วงผิดปกติ น้ำหนักขึ้นลงเร็วกว่าปกติ มีปัญหากับการหลับ ปวดท้อง ปวดหัว หรืออาการอื่น พอเจอแบบนี้หลายคนอาจแก้ด้วยการซื้อยามากินตามอาการ หรือนอนชดเชยในวันถัดไป แต่ก็ไม่ใช้ทางแก้ที่ยั่งยืน

ทางไป :

พอเลย ปิดสวิตช์แล้วทบทวนตัวเอง ลุกไปล้างหน้าล้างตาซะ หาอะไรเย็น ดื่ม ทำอะไรเพื่อสุขภาพจิตตัวเองเยอะ อย่าหักดิบความบ้างาน แต่ค่อย ทำสิ่งที่ดีต่อใจมากขึ้นเรื่อย วันหนึ่งถ้ารู้สึกดีขึ้น แปลว่ามาถูกทางแล้ว ส่วนเรื่องสุขภาพร่างกายแนะนำให้ปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

การทำงานหนักมากเกินไปจะทำให้คุณหลงลืมที่จะแคร์ความรู้สึกตัวเองและคนรอบข้าง ทีมงาน UNLOCKMEN อยากให้ผู้ชายทุกคนมีความสุขกับชีวิต มีสุขภาพที่ดี มีสังคมที่อยู่แล้วสบายใจ อย่ามัวแต่ทำงานหาเงิน แล้วสุดท้ายต้องเอาเงินที่ได้มารักษาตัวเอง ลองมาใช้ชีวิตแบบ “Work Smart – Play Smart” ด้วยกันดีกว่าครับ 

   

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line