Life

ไม่เข้าใจตัวเอง! “ทำไมสายตลอดเวลา” นักวิจัยเผยไม่ใช่แค่คนอื่นรู้สึก แต่ตัวเองก็เอือมเช่นกัน

By: HYENA August 8, 2017

เชื่อว่าทุกคนต้องมีเพื่อน หรือคนรู้จักที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสายกันอย่างแน่นอน  เรียกได้ว่าไม่ว่าจะนัดตอนกี่โมง จะเผื่อเวลานัดให้ขนาดไหน คนเหล่านั้นก็เหมือนจะพลังพิเศษหยั่งรู้ เพราะไม่ว่าเราจะหลอกล่อ จะเผื่อ จะทำวิธีไหนก็ตาม คนเหล่านั้นก็ยังคงความสายเอาไว้ได้อย่างมีมาตรฐาน

บางคนสายจนเจ้าตัวเองก็เริ่มสงสัยว่า แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกันแน่ เพราะถึงแม้ว่า จะตั้งใจจะตื่นให้เช้าขึ้น ทำอะไรให้เร็วขึ้น แต่สุดท้ายพอมองดูนาฬิกาก็พบว่า มันเลยเวลาที่ตัวเองกำหนดเอาไว้ในตอนแรกไปอีกแล้ว โดนเฉพาะทุก ๆ วันที่ต้องไปทำงาน ที่แหกขี้ตาตื่นมาพร้อมกับความตั้งใจว่า วันนี้กูจะไม่สายแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็เข้าฟอร์มเดิมตามระเบียบ

การมาสายกลายเป็นปัญหาของใครหลาย ๆ จนเกือบทำเอาชีวิตล้มเหลว เพราะสายเป็นประจำจนคนรอบข้างเริ่มจะหมดปัญญาในการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็น เจ้านาย, เพื่อนร่วมงาน, แฟน หรือแม้แต่คนในครอบครัวต่างก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วทั้งสิ้น แล้วเพราะอะไรกันล่ะ ที่ยังทำให้ความสายมันอยู่คงทนขนาดนี้

วันนี้เราจึงได้นำเอางานวิจัยชิ้นหนึ่งที่พูดเกี่ยวกับเรื่องอาการสายเป็นประจำจนกลายเป็นสไตล์ประจำตัวนี้ มาให้กับชาว UNLOCKMEN ที่สงสัยเช่นเดียวกันกับที่เรากำลังสงสัยอยู่ว่า มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับตัวเองถึงได้เป็นคนแบบนี้ได้ดูกัน

นักเขียน และวิทยากรจาก Alfie Kohn ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาพฤติกรรมนี้เอาไว้ว่า “คนเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สนใจในเรื่องเวลาในสายตาคนอื่น พวกเขาคือคนที่ไม่สนใจเวลานัดหมายสำหรับคนที่มาก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เหตุผลของความล่าช้า”

ก่อนอื่นคุณต้องแบ่งคนพวกสายเสมอออกเป็น 2 ประเภท แบบแรกคือ คนที่ไปสายเพื่ออยากจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่น่าสนใจ ทุกคนมองเห็นเมื่อ เข้า-ออก คนเหล่านี้จะมั่นใจในตัวเองมาก แต่อีกประเภทคือ คนที่ไม่มีความมั่นใจตัวเองเลย พวกเขาเหล่านี้ ใช้เวลานานมากอยู่กับตัวเองเพื่อทำอะไรอย่างช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้น คนเหล่านี้จึงทำให้คนอื่นต้องรอเพราะเขาต้องการไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น

อย่างไรก็ตามเราสามารถตั้งข้อสังเกตคนเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ว่า คนรู้จักของคุณที่มาสายเป็นประจำนั้นเป็นแบบที่ 1 หรือ 2 คนที่สายโดยธรรมชาติ ทำทุกอย่างช้าโดยปกติ และไม่มีความคิดในเรื่องของการอยากจะโดดเด่นจึงทำตัวไปสายก็คือ คนแบบนี้จะพลาดเวลานัดเป็นประจำ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องสำคัญใด ๆ ทั้งนั้น

ยกตัวเองอย่างเช่น ตกเครื่องบินเป็นประจำ, ไปไม่ทันกิจกรรมอะไรก็ตาม ทั้ง ๆ ที่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะส่งผลเสียต่อตัวเองอย่างชัดเจน, ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่มีการเตรียมความพร้อมจนกลายเป็นคนไม่กระตือรือร้น และที่สำคัญคนพวกนี้จะไม่ค่อยใส่นาฬิกา ไม่รู้เวล่ำเวลา และไม่ค่อยแม้กระทั่งรู้วันที่ของวันปัจจุบันด้วยซ้ำ

ในขณะที่คนอีกประเภทที่มาสายอย่างตั้งใจนั้น จะแต่งตัวเนี๊ยบเป๊ะ ทำทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพ ไม่ค่อยมีการพลาดนัด เพียงแต่จะสายเป็นประจำเท่านั้น และจะสายแบบมีเชิงคือ ไม่สายเกิน 20 นาที นอกจากนี้คนเหล่านี้มักจะชอบดูนาฬิกา เพื่อวางแผน และคำนวณเวลาว่า ต่อไปจะทำอะไรยังไงต่อดี คนเหล่านี้แหละที่คุณต้องควรระวัง

Alfie Kohn ยังบอกอีกว่า “บางทีคนที่คุณกำลังเห็นว่าเขาเป็นปัญหาเพราะมาสายนั้น พวกเขาอาจจะกำลังเผชิญกับการสูญเสียความเป็นตัวเอง หรือความมั่นใจอะไรบางอย่างไป และที่แย่ไปกว่านั้นพวกเขาไม่รู้ว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ทำให้ทุกอย่างมันสายเกินไป”

The way we are wired to manage time could be to blame.

ผลการศึกษาของนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย Washington University ในปี 2016 โดย Emily Waldun และ Mark McDaniel ได้พิจารณาหาความจริงของกรณีดังกล่าว และอธิบายออกมาเป็น Time-Based Prospective Memory (TBPM) โดยใช้วิธีการนำเอาคน 2 ประเภทนี้มาต่อจิ๊กซอว์ และทำการจับเวลาดูว่า ใครจะเสร็จทันก่อนกัน

ผลปรากฎว่า คนที่มีความไม่มั่นใจในตัวเอง จะมัวหมกมุ่นอยู่กับการงมหาตัวต่อต่าง ๆ โดยที่ไม่สนใจเวลาที่ผ่านไป เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา แต่สุดท้ายความหมกมุ่น และความกลัว ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้หรือไม่นั้นทำให้พวกเขาช้า และบางคนมัวแต่โกยหาจิ๊กซอว์มาเก็บไว้แต่ยังไม่ได้เริ่มต่อ

ส่วนคนที่มั่นใจในตัวเอง จะทำมันอย่างรวดเร็ว ทำไปมองนาฬิกาไปแต่กลับไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด คนเหล่านี้จะสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้มากกว่า อีกทั้งยังสามารถทำเสร็จได้ก่อนกำหนดด้วยซ้ำ เพื่อที่จะมีเวลายืดอกชื่นชมผมงานที่ตัวเองต่อก่อนที่จะหมดเวลา

ศาสตราจารย์ Susan Krauss Whitbourne ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา และสมองมนุษย์ของมหาวิทยาลัย University of Massachusetts ได้เขียนใน Blog ส่วนตัวเกี่ยวกับผลวิจัยนี้ว่า “คนที่สายเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นแบบนั้น ต่อให้คนเหล่านี้จะให้ Google ช่วยเตือนเวลา กะระยะทางพร้อมทั้งคำนวณตารางเวลาการเดินทาง หรือวางแผนเอาไว้ยังไงก็ตาม คนเหล่านี้มักจะล้มเหลวเนื่องจากความล้าช้าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว”

Or it could just be your personality.

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากการอ้างอิงของ ศาสาตราจารย์ Susan Krauss Whitbourne ก็คือ เขาเชื่อว่า คนเหล่านี้มักจะรู้สึกว่า ตัวเองมักทำอะไรผิดพลาดซ้ำซ้อน  รู้สึกว่าคนอื่นมองว่าเขาเป็นตัวเกียจคร้าน ทำให้คนสายธรรมชาติเหล่านี้ยิ่งตำหนิ และลงโทษตัวเอง โดยการติดอยู่กับวงจรที่ตึงเครียดในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ตลอดเวลา อาจถึงขั้นจดจ่อมากเกินไป

เมื่อคนเหล่านี้ทำอะไรจึงมักจะรู้สึกว่าต้องทำสิ่งนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนถึงจะเริ่มเงยหน้าไปมองหาอะไรอย่างอื่นทำต่อได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันส่งผลให้ยิ่งสาย และคนอื่นยิ่งไม่เข้าใจพร้อมกับมองว่า สายชนิดที่ไร้ซึ่งการปรับปรุงจนเป็นที่เอือมระอา

นอกจากนี้ นักจิตวิทยา และนักเขียนอย่าง Adoree Durayappah-Harrison ยังเคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ด้วยว่าในเว็บไซต์หนึ่งว่า “บางคนสายแบบไม่รู้ว่าจะน่าสงสาร หรือน่าตำหนิดี เพราะคนเหล่านี้มักจดจ่อกับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งจนไม่รู้วันเวลาที่แน่นอน มันเป็นบุคลิกธรรมชาติของพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาอาจจะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยกับงานเลี้ยงที่กำลังจะมีขึ้นอีก 2 ชั่วโมง เนื่องจากจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ รวมไปถึงคนเหล่านี้อาจจะมีความผิดพลาดทางด้านการกะเวลา อย่าง คิดว่าวันนี้เป็นวันทำงานทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุด คิดว่า จะต้องไปงานเลี้ยงตอนหนึ่งทุ่ม ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันเป็นเวลา 7 โมงเช้า”

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล หรือ วิธีการคิดอะไรก็ตามที่ส่งผลต้องไปสาย แน่นอนว่า มันย่อมส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง และสร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ๆ ที่ต้องรอเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าหากคุณลองสำรวจตัวเองดูแล้วพบว่า คุณเป็นพวกสายโดยธรรมชาติ คุณก็ต้องพยายามคิด และปรับเปลี่ยนมุมมองคุณซะใหม่ อาจจะเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น ส่วนคนที่สายเพราะดึงเช็ง เดินเกร็งหน้าเกร็งตาสง่าผ่าเผยแม้ว่าจะสาย บอกเลยว่า ถ้าอยากให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ ลองเปลี่ยนเป็นวิธีใหม่จะดีกว่า เพราะที่คนอื่น ๆ เขาหันมามองนั้น ไม่ได้มองด้วยความสง่า แต่เป็นความเอือมระอากับความลีลาชักช้าของคุณเท่านั้นเอง

SOURCE

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line