Entertainment

อะไรทำให้ STAR WARS เป็นมากกว่าภาพยนตร์ และกลายเป็น Sub-Culture ของคนทั่วโลก

By: Thada December 18, 2017

หลังจากรอคอยกันมาถึง 2 ปี ก็ได้ฤกษ์ที่ภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่อย่าง Star Wars ตอนที่ 8 ในชื่อ The Last Jedi ออกฉายสู่จอเงินอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวของ Star Wars คงไม่ต้องท้าวความใด ๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะทั้งหมดได้กลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของโลกภาพยนตร์บทหนึ่ง ซึ่งเราสามารถสืบหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

Star Wars ถือเป็นมหากาพย์ภาพยนตร์ที่มีความแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อย่างมาก เพราะมันเกิดขึ้นจากโปรเจ็คต์เล็ก ๆ ก่อนจะขยับขยายสร้างรายได้ให้กับตัวผู้กำกับ George Lucas อย่างมหาศาล  ซึ่งถ้าใครเป็นสาวก Star Wars ก็จะพอทราบว่า แต่เดิมแล้ว Star Wars IV : A New Hope เป็นเพียงหนังอินดี้ทดลองงานไซไฟที่ไม่มีใครการันตีได้เลยว่าจะประสบความสำเร็จ และมีภาคต่อมาได้ยาวนานขนาดนี้  แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของ George Lucas ทำให้ปัจจุบันจักรวาลของ Star Wars โลดแล่นไปสู่จักรวาลอันสุดไกลโพ้น กลายเป็น sub-culture ที่ยิ่งใหญ่ของโลกไม่ต่างจาก Hip hop  หรือวัฒนธรรมอื่น ๆ แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจบลงง่าย ๆ อีกด้วย  (หลังจาก Disney ซื้อลิขสิทธิ์ไป)

หลายคนที่ไม่ใช่แฟน Star Wars คงจะมีคำถามในใจว่าเพราะเหตุใด ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งถึงได้กลายเป็นเหมือนลัทธิทางศาสนาอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งไม่ได้มีแค่ชาวอเมริกันเท่านั้น เพราะทั่วโลกต่างมีแฟน Star Wars อาศัยอยู่มากมายเต็มไปหมด ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้พยายามไปสืบค้นข้อมูลว่าสาเหตุใด ภาพยนตร์ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี แล้วถึงสามารถครองใจแฟนทั้งทุกเพศทุกวัยชนิดไม่เคยตกยุคไปเลย

ประการที่ 1  Star Wars ถือเป็นจุดเปลี่ยนของหนังยุคใหม่ และปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมหนังเลยก็ว่าได้  เพราะก่อนที่ Star Wars  A New Hope จะเข้าโรงฉาย ในยุค 70 ภาพยนตร์ที่ฉายในเวลานั้นแทบจะยังไม่มี CG แบบอลังการงานสร้างเลย ดังนั้นคนที่เกิด และเติบโตในยุคดังกล่าว การได้เห็นเห็นดาบเลเซอร์ หุ่นยนต์หน้าตาแปลกตา ยานอวกาศ ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับพวกเขาอย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากพวกเขาจะเทิดทูนบูชา Star Wars เหมือนดั่งรักแรกที่ฝังใจ

ประการที่ 2 เนื้อเรื่องสุดแสนจะแฟนตาซี ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้คนทั่วโลกสมัครใจเข้ามาอยู่ลัทธิ Star Wars เพราะหากจะพูดกันตรง ๆ ว่า Star Wars แทบจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่พูดถึงอวกาศอย่างเข้าใจง่าย ในสมัยก่อนภาพยนตร์ไซไฟส่วนใหญ่ มักพูดถึงแต่โลกอนาคต ปรัชญาอวกาศ ไม่มีประเด็นอะไรที่อ้างอิงอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงคล้าย ๆ กับ Star Wars เลย

และอีกส่วนที่สำคัญจะขาดไม่ได้ คือบทละครที่สุดหักมุม และทิ้งปมให้คิดต่ออย่างไม่รู้จบ ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ เราที่เกิดในยุคนี้อาจจะไม่เข้าใจว่า Star Wars มันเจ๋งอย่างไร เนื่องจากบทภาพยนตร์ในปัจจุบันมีการหักมุมที่สลับซับซ้อนกว่าเดิมมาก แต่ในยุคนั้นการที่อยู่ดี ๆ ตัวร้ายมาเฉลยว่า I’m your father ให้กับพระเอก แล้วเรื่องราวทั้งหมดกลับกลายเป็นว่าปัญหาทั้งจักรวาลเกิดขึ้นเพราะครอบครัวเดียว มันเป็นอะไรที่พีคอารมณ์มาก ๆ

ประการที่ 3 Star Wars รวมทุกสิ่งที่ภาพยนตร์สักเรื่องควรจะมีไว้อย่างลงตัว เพราะคงไม่มีหนังเรื่องไหนที่สามารถสอดแทรกเรื่อง แฟนตาซี ผจญภัย ปรัชญา การเมือง สงคราม ความรัก ครอบครัว มิตรภาพ ดราม่า เวทมนตร์ ไว้ในหนังเรื่องเดียวแบบที่ Star Wars ทำได้  จึงไม่แปลกหากภาพยนตร์ไตรภาคแรกจะติดทำเนียบหนังยอดเยี่ยมตลอดกาลแทบทุกสำนัก

ประการสุดท้าย เราขอยกเครดิตให้กับ George Lucas ผู้เปรียบเสมือนศาสดาของชาว Star Wars ทั้งหลาย ซึ่งเขาแทบจะเป็นผู้กำกับที่รวยที่สุดจากการกำกับหนังน้อยที่สุด เพราะหากนับเฉพาะภาพยนตร์ที่เขากำกับเองมีเพียง 8 เรื่องเท่านั้น โดยแยกเป็น Star Wars ที่ปาไป 6 ภาค ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการวางแผนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี George Lucas มีโปรเจค Star Wars อยู่ในหัวนานมากแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มุทะลุที่คิดจะต้องสร้างมันออกมารวดเดียวทั้งหมด โดยเขาวางพล๊อตคร่าว ๆ เพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ซึ่งในเวลานั่นผู้กำกับที่เพิ่งมีผลงานระดับจอเงินเพียง 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งเป็นหนังวัยรุ่นที่ทำเงิน กับอีกเรื่องเป็นหนังไซไฟแต่เจ๊ง คิดว่าจะมีนายทุนคนไหนกล้าเสี่ยงที่จะปล่อยเงินให้เขาสร้างหนังไซไฟไตรภาคได้

ดังนั้นใน A New Hope เราจะเห็นได้ว่าบทค่อนข้างมีความยืดหยุ่นเพื่อที่จะสามารถนำเรื่องราวไปบิดต่อได้ รวมถึงหากลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าหนังไม่ทำเงินและไม่มีภาคต่อ การดูเฉพาะตอน A New Hope เรื่องราวก็สามารถจบได้ด้วยตัวมันเอง แต่หลังจากประสบความสำเร็จทั้งได้รายได้ เสียงวิจารณ์ และรางวัล สิ่งที่ชาญฉลาดอีกอย่างของ George Lucas คือการถือกรรมสิทธิ์ตัวละคร คาแรกเตอร์ไว้กับตัวเองทั้งหมด แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของค่ายหนัง โดยความตั้งใจแรกของเขามีเพียงต้องการใช้เพื่อโปรโมตหนังแบบไม่ต้องมานั่งขอจากทางค่าย แต่กลับกลายเป็นว่าความนิยมของตัวละคร Star Wars สามารถทำให้ผลิต หนังสือการ์ตูน ของเล่น ต่าง ๆ ออกมา สานต่อจักรวาลของหนังไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จากเหตุผลทั้งหมดที่ทีมงาน UNLOCKMEN ได้หยิบมานำเสนอนี้ น่าจะพอทำให้ทุกคนเห็นภาพได้ว่าเพราะอะไรภาพยนตร์ Star Wars ถึงเป็นได้มากกว่าหนังเรื่องหนึ่ง และกลายเป็นชีวิตจิตใจของใครบางคน ซึ่งนับวันแฟน ๆ ของ Star Wars ก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line