Work

ปีใหม่ อยากเปลี่ยนงานใหม่! ลองตอบ 5 คำถามนี้ แล้วชีวิตการทำงานปี 2020 จะเปลี่ยนไป

By: anonymK January 2, 2020

เลขบนปฏิทินคือตัวเลขสมมติ ความแก่ชราคือเรื่องจริง และการหายใจทิ้งมันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดไปหน่อย

ดังนั้น พอเริ่มต้นปีทีไร เราทุกคนจะรู้สึกว่า มันต้องเปลี่ยนอะไรสักอย่างในชีวิตบ้าง ไม่อยากเป็นเหมือนปีที่แล้ว พรุ่งนี้มันต้องดีขึ้นกว่าเมื่อวาน พร้อมอินโทรเพลงของพี่ป้าง “ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว…” จากนั้นเราก็จะเริ่มจรดปากกาไล่เขียนว่า ปีนี้อยากเปลี่ยนอะไรบ้าง

แน่นอนว่าหนึ่งใน Top List เรื่องที่อยากเปลี่ยนก็ไม่พ้นเรื่อง “งาน” ใครที่คิดเรื่องนี้ไม่ต้องคิดว่าตัวเองประหลาดที่อยาก เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่คนทำงานอีกซีกโลกเขาก็ให้ความสนใจ อย่างล่าสุด ผลสำรวจคนทำงานชาวอเมริกันจาก Fiverr และ YouGov เผยว่า 6 ใน 10 ของคนทำงานอยากเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในปี 2020

ข้อมูลที่น่าสนใจจากผลวิจัยประกอบด้วยเรื่องประเด็นหลัก ๆ เหล่านี้

  • คนทำงานอายุน้อยมองหาการเติบโตกับความเป็นมืออาชีพมากที่สุด
  • มากกว่า 67% ของชาวมิลเลเนียลอยากได้ความแตกต่างเพิ่มจากวันนี้
  • ผู้ชายมีแนวโน้มต้องการความเปลี่ยนแปลงด้านหน้าที่การงานมากกว่าผู้หญิง

แต่ก่อนคุณจะติดกับดักความเปลี่ยนแปลง ที่มันพยายามดันให้คุณเดินหน้าไปแบบงง ๆ อยากเปลี่ยนแปลง อยากออกจากงาน อยากไปสัมผัสชีวิตใหม่ ๆ ในการทำงาน เราอยากให้คุณถามตัวเองด้วย 5 คำถามเหล่านี้ก่อนตัดสินใจยื่นซองขาวแล้วไปนั่งเสียใจทีหลัง

แพสชันของคุณคืออะไร อะไรที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงาน

คำถามเหมือนง่าย แต่บางคนก็ยังตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำงานวันนี้ทำไปเพื่ออะไร นอกจากเพื่อเงินที่เข้าบัญชีทุกเดือน ถ้าคุณไม่ได้มีแพสชันพิเศษและคิดว่า “เงิน” นี่แหละแพสชัน ก็มองดูว่า “เงินเดือนกับความสามารถ” ที่ได้รับมาวันนี้บาลานซ์กันได้ไหมเพื่อตัดสินใจ

แต่สำหรับคนที่รู้ว่าเงินซื้อคุณไม่ได้ทั้งหมด ก่อนจะบอกตัวเองว่าอยากไปโลดแล่นที่อื่นปีนี้ ลองถามตัวเองก่อนว่า “สิ่งที่สำคัญนอกจากเงินสำหรับเรามันคืออะไรกันแน่”

Facts you have to know

  • จำไว้ว่าปัญหาบางเรื่องที่คุณเจอวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องสังคมการทำงาน ต่อให้ย้ายบริษัทมันก็การันตีไม่ได้ว่าจะเจอสิ่งที่ดีกว่า เพราะที่อื่นก็มีการเมืองไม่ต่างกัน เวลาเลือกงานจึงต้องเลือกจากรูปแบบและวัฒนธรรมองค์กรการทำงานที่ชอบไว้ก่อน
  • งานที่ตอบโจทย์คืองานที่รัก ฟังแล้วอาจรู้สึกว่าน้ำเน่า แต่เชื่อเหอะว่า 366 วันมันจะมีวัน bad day วันที่คุณรู้สึกแย่กับงานที่ทำ เว้นเสียว่าถ้าคุณยังเหลือความรักให้มัน สุดท้ายคุณจะสู้และผ่านมันไปได้ดีกว่างานที่คุณไม่ได้ให้ค่ามันนัก

แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าต้องการอะไร เรื่องนี้แค่ลองตั้งหลักง่าย ๆ เช่น ถ้าไม่ชอบทำงานในออฟฟิศ ให้กลับมาเช็กตัวเองว่างานที่ทำอยู่มีโอกาสเดินทางไปข้างนอกบ้างไหม หรือถ้าอยากมีตัวตน ให้ดูว่างานที่ทำอยู่วันนี้มันพอมีชื่อให้เราฉายแสงหรือเกิดบ้างหรือเปล่า เมื่อได้คำตอบแล้วเอามันไปหักลบกับเหตุผลที่ทำให้อยากลาออก ถ้าปัญหาที่เจอมันเล็กพอจะมองข้ามได้ แสดงว่างานที่ทำอยู่มันยังตอบโจทย์อยู่ เก็บซองไว้ก่อนจะดีกว่า

 

อยากไปแล้วมีคอนเนกชันให้ไปถึงไหม ?

ถ้าผ่านข้อแรกไปแล้วตอบได้ว่า ตรงนี้ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี อย่าเพิ่งกระวนกระวายใจจนรีบไปล่าฝัน บางคนมุทะลุทุบหม้อข้าวแล้วลืมคิดต่อเลยว่า ยื่นซองวันนี้ มีผล 1 เดือนข้างหน้า เราจะได้งานที่ฝันไว้ตามที่อยากได้จริงไหม ปีนี้เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเหมือนเดิมและมีแนวโน้มลดพนักงานต่อเนื่อง ดังนั้น คุณต้องหาเส้นทางที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายงานในฝันนั้นก่อน

คนที่เส้นสายไม่หนา ไม่รู้ว่าจะได้ไปทำในออฟฟิศหรือสายงานที่ชอบที่อื่นได้ยังไง ลองเริ่มต้นสร้างเน็ตเวิร์กด้วยการส่งข้อความหรือทำความรู้จักคนในแวดวงนั้นก่อน จะผ่าน IG เพจสาธารณะ หรือ LinkedIn ดูเพื่อแนะนำตัวเอง  ถ้าคุณสร้างความประทับใจจากช่องทางออนไลน์ให้เขาเห็นว่าตัวคุณก็เจ๋ง เมื่อตำแหน่งว่าง เขาอาจจะคิดถึงคุณก่อนคนอื่น อาจจะให้คำปรึกษาเป็นค่าความพยายาม และวันดีคืนดีอาจจะเรียกสัมภาษณ์หรือจ่ายงานฟรีแลนซ์ให้พิสูจน์ตัวเองดูก่อนก็ได้

ส่วนคนที่มีเพื่อนในวงการนี้ แนะนำให้ลองนัดเจอเพื่อน ๆ รุ่นพี่หลังปีใหม่นี้ แล้วเปรย ๆ บอกเขาว่าผมว่างนะครับ สนใจเรียกได้เสมอ วิธีนี้เร็วกว่าคลำทางด้วยการร่อน Resume ตามเว็บฯ แน่นอน

 

เป้าหมายระยะสั้นเพื่อตัวเองปีนี้คืออะไร ?

ผมอยากเปลี่ยนแปลง! ชีวิตมันไม่เร้าใจ งั้นลองถามคำถามข้อ 3 กับตัวเองหน่อยว่าเป้าระยะสั้นที่อยากทำในปีนี้คืออะไรกันแน่ เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีปณิธานต้นปีที่อยากทำให้ได้

แต่ถ้างานที่ทำได้ มันไม่ได้ไปทางเดียวกันกับแพสชันที่ต้องการล่ะ เช่น อยากเป็น Travel Blogger อยากดังแบบว่านไฉ หรือ สิงห์ วรรณสิงห์ แต่ผมยังไม่ดังเลย ผมไม่มีสกิลพวกนี้เลย เริ่มไปก็ขาดทุนแล้ว เรื่องนี้ขอแนะนำว่า “ทำไป แล้วตั้งเป้าให้รางวัลตัวเองเสีย คุณจะได้ลองทำเรื่องใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน นั่นล่ะมันคือเชื้อไฟที่ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องลาออกด้วยซ้ำ”

ลองเปลี่ยนมาพยายามทดลองทำสิ่งที่ตัวเองชอบในวันเสาร์ – อาทิตย์ดู (อย่าไปทำทับเวลางานเพราะมันไม่ช่วย มันจะทำให้ทำได้ไม่เต็มที่ ไม่ดีสักอย่าง เผลอ ๆ ก็โดนไล่ออกด้วย) แล้วตั้งเป้าหมาย ตั้งรางวัลเพื่อกระตุ้นกิเลสสักหน่อย เช่น สร้างคลิปท่องเที่ยวได้ 6 คลิปในปีนี้แล้วจะไปซื้อนาฬิกาเรือนใหม่เพื่อให้รางวัลตัวเอง สุดท้ายการตั้งเป้าหมายแบบนี้มันก็ดีกับเราทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งของ แถมได้ทำสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง งานก็ยังอยู่ ไม่มีอะไรเสียหาย

 

ทุกวันนี้เป้าหมายที่เราตั้งไว้ เรากำลังทำ หรือกำลังพยายาม ?

คนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยขีดฆ่าลิสต์ที่เขียนไว้ต้นปีเลยยันวันที่ 31 ของเดือนธันวาคม เพราะเป็นคนที่แยกคำตอบไม่ออกว่า วันนี้สิ่งที่ตัวเองอยากเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ตั้งใจจะทำ มันยังเป็นแค่ “ความพยายาม” หรือเรา “ลงมือ” ทำไปแล้ว

ลองถามตัวเองว่าเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งใจไว้อยู่ในขั้นตอนไหน “พยายาม” หรือ “ลงมือทำ” ถ้าคุณลงมือเมื่อไหร่ นั่นแหละคือจุดที่คุณเริ่มเปลี่ยนแปลงมันแล้วจริง ๆ เรื่องนี้มันใช้ได้กับทุกเรื่องนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว

 

ทำไมถึงเลือกอยากเปลี่ยนไปทางนี้ หรือเริ่มต้นเส้นทางนี้ ?​

คำถามนี้ คือคำถามที่เราต้องย้ำตัวเองอีกหน คนบางคนไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้ ก็เลยหลักลอยทำตัวเรื่อยเปื่อย งานก็วัน ๆ ชีวิตก็วัน ๆ เงินก็…หมุนเข้าหมุนออกไปวัน ๆ ไม่มีเก็บ จนสรุป จบปีไปแบบเศร้า ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนสักอย่างเพราะมีแค่ความหวังลม ๆ

ถ้าถามตัวเองว่า “ทำงานวันนี้เพื่ออะไร” “ทำงานเพราะอะไร” “ทำไมเราอยากจะเปลี่ยนไปทำอีกอย่าง”

พอเริ่มได้คำตอบของตัวเอง เช่น ทำเพื่อให้สบายตอนเกษียณ ทำเพื่อเกษียณก่อนอายุ 60 ปี ทำเพราะอยากได้เงินไปขอสาวแต่งงาน ทำเพราะมีลูกต้องวางแผนเพื่อลูก เราจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าต้องทำแค่ไหนและต้องหาวิธีไปถึงเป้าหมาย จนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองได้สำเร็จ ภาพที่เคยเบลอ ๆ จะชัดขึ้น ไม่หลงทาง และถ้าลงมือทำ รับรองว่ามันจะถึงเร็วหรือช้า มันจะถึงที่หมายอย่างแน่นอน

2020 ปีนี้น่าจะเป็นปีที่หลายคนได้เจอความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ถ้ารู้ว่าความต้องการของตัวเองคืออะไรจริง ๆ และลงมือทำมันเสีย แต่ถ้าคุณยังทำ ๆ หยุด ๆ ไม่ต่อเนื่อง เปอร์เซ็นต์โอกาสล่มแพลนกลางคันคงกลับมาอีกเหมือนเดิม และถ้ารู้สึกว่ามันยากเหลือเกินจนมองไม่เห็นปลายทาง ลองให้เวลาตัวเองทำความรู้จักเรื่องใหม่ ๆ นั้นและลงมือทำต่อเนื่องสัก 100 วันก่อน โดยเริ่มจากการอ่านบทความนี้ 100 DAYS CHALLENGE ทำไม่เป็นก็โปรได้ แค่ทำให้ต่อเนื่องครบ 100 วัน รับประกัน ไม่เชื่อต้องลอง

 

หลังจากนี้ คุณจะพบตัวเองในเวอร์ชันใหม่อย่างแน่นอน

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line