Life

ทำตามจังหวะชีวิต รู้จัก Work Life Flow แนวคิดที่จะทำให้ทุกคนวินทั้งชีวิตและการทำงาน

By: unlockmen May 10, 2021

เมื่อก่อนคนทำงานคงได้ยินกันบ่อยเรื่อง Work-Life Balance หรือ การรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิต ซึ่งช่วยประคับประคองความสุขในชีวิตให้คงอยู่ไปได้ยาวนาน แต่ในความเป็นจริง Work-Life Balance อาจเกิดได้ยากเกินไป เพราะการทำงาน Overtime (OT) เกิดขึ้นได้เสมอ แถมคนส่วนใหญ่ก็หมดเวลาไปกับการทำงานมากกว่าการใช้ชีวิตอยู่แล้ว ดังนั้น การแบ่งเวลาให้งานและชีวิตอย่างสมดุลจึงเป็นเรื่องที่โหดหิน และทำให้หลายตนเครียดมากกว่าเดิมได้ UNLOCKMEN เลยอยากให้ทุกคนลืมเรื่อง Work-Life Balance ไปสักพัก และมาทำความรู้จักกับ Work-Life Flow ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่ Work-Life Balance

อะไร คือ Work-Life Flow

Work-Life Flow คือ คอนเซ็ปท์ที่แนะนำให้เราทำทุกกิจกรรมโดยไม่ต้องเคร่งเรื่องตารางเวลามาก แต่ให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่น หรือ ความสามารถในการปรับวิธีการใช้ชีวิตของตัวเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวันไหนเรารู้ว่าต้องทำงานล่วงเวลาจนดึก เราก็อาจตื่นเช้าขึ้น เพื่อให้มีเวลาทำสิ่งอื่นมากขึ้น เป็นต้น

หากเรารับคอนเซ็ปท์นี้มาใช้ในชีวิตจะส่งผลดีต่อตัวเราหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดความเครียดในการทำงาน ช่วยให้เราทำงานได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น และช่วยให้เราสามารถจัดการชีวิตได้ดีขึ้นด้วย ถือเป็นแนวคิดที่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างมาก

เราจะสร้าง Work-Life Flow ได้อย่างไรบ้าง

Work-Life Flow คือ แนวคิดที่สนับสนุนให้เราไหลไปตามจังหวะของชีวิต ซึ่งสำคัญมากในช่วงเวลาที่เรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแบบนี้ เราเลยอยากมาแนะนำวิธีการสร้าง Work-Life Flow เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกัน

สร้างกิจกรรมในตอนเช้า

หากเราตื่นสาย ทุกอย่างหลังจากนั้นจะดูเร่งรีบไปหมด และถ้าเราใช้ชีวิตเร่งรีบมาอย่างยาวนาน เราอาจรู้สึกเครียดสะสมทุกวันและจะจัดการชีวิตได้แย่ลงกว่าเดิม ดังนั้น เราควรหันมาสนใจเรื่องการติ่นเช้ามากขึ้น โดยการหากิจกรรมยามเช้า เพื่อบังคับให้ตัวเองตื่นเช้า และมันจะทำให้เรามีเวลาส่วนตัวหรือเวลาผ่อนคลายมากขึ้นด้วย เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือ พาหมาไปเดินเล่น

หาวิธีผ่อนคลายตัวเองในระหว่างวัน

เมื่อเราทำงานติดกันหลายชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพัก สิ่งที่เกิดขึ้นได้ คือ ความเหนื่อยล้าสะสม ที่จะส่งผลเสียต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของเราอย่างหนักหน่วง เราจึงควรหาเวลาพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายและลดความเครียดของตัวเองระหว่างวัน เช่น การงีบ 15 นาที เป็นต้น

โฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่าเวลาในการทำงาน

หลายคนอาจสนใจเรื่องเวลาทำงานมากเกินไป จนเอาเวลางานทั้งหมดมาใช้ในการทำงานชิ้นเดียว  บางทีสมองของเราอาจทำงานได้ดีในเวลาที่แตกต่างกัน เช่น บางคนอาจจะคิดสร้างสรรค์ได้ดีในตอนบ่าย หรือ บางคนอาจจะรู้สึกโปรดักทีฟในตอนเช้า เป็นต้น การทำงานตลอดเวลาจึงไม่ได้ส่งผลดีต่องานเสมอไป และการคำนึงถึงความสามารถของตัวเอง พร้อมจัดสรรเวลาให้สอดคล้องกับความสามารถที่แตกต่างกัน จึงดูเป็นเรื่องที่เข้าท่ามากกว่า

มองโลกตามความเป็นจริง

มันเป็นเรื่องยากที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน 100% เพราะในหนึ่งวันสามารถเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ตลอดเวลา และปัจจัยเหล่านี้ก็ทำให้เราผิดแผนได้ง่ายเหมือนกัน ดังนั้น เราควรจะรู้สึกโอเคหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน พร้อมเรียนรู้ ปรับตัว และหาวิธีการรับมือกับมันในอนาคตต่อไป

ใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่าที่สุด

ในหนึ่งสัปดาห์ควรมีสักหนึ่งวันที่เราไม่คิดถึงเรื่องงานเลย และเอาเวลาไปทำกิจกรรมที่เราชอบ เช่น ดูซีรีส์ อ่านหนังสือ หรือ ไปเที่ยว การให้เวลากับตัวเองจะช่วยให้เราฟื้นฟูจากความเครียดเรื่องงาน และมีแรงในวันทำงานมากขึ้น

หากรู้สึกว่า 5 เรื่องที่เรากล่าวไปเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในที่ทำงานของคุณ บางทีการหางานใหม่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้าง Work-Life Flow ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน เพราะนอกจากมันจะทำให้เรามีความสุขกับชีวิตในทุกด้านแล้ว มันยังทำให้เรามีโอกาสได้เจอคนใหม่ ๆ มากขึ้นด้วย


Appendix: 1 / 2 

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line