World

5 เหตุผลที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้ดูเหมือนจะเงียบเหงา ซึ่งผู้ชายอย่างเราไม่ได้แค่คิดไปเอง!

By: PSYCAT June 15, 2018

แม้มหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่อย่างบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว UNLOCKMEN เชื่อว่าผู้ชายหลาย ๆ คนคงแอบคิดอยู่ในใจว่าทำไมฟุตบอลโลกครั้งนี้มันดูเงียบเหงาแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตจากสื่อที่ดูไม่ถึงพริกถึงขิงอย่างครั้งที่ผ่านมา ช่องหลัก ๆ ก็ดูเงียบ ๆ ไปไม่คึกคักเท่าไหร่ แม้แต่ไปรษณียบัตรทายผลบอลโลกที่เคยดังเป็นพลุแตกก็ดูจะกริบ ๆ ไป จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทำไมบอลโลกมันเงียบเหงาเบอร์นี้วะ!? บอกเลยว่าเราไม่ได้คิดไปเองหรอก แต่มันมีเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่ทำให้บอลโลกครั้งนี้เงียบแสนเงียบกว่าที่เคย

ฟีฟ่ามีรายได้ลดลง!

เราอาจจะคิดว่า เฮ้ย มันเงียบ ๆ แค่ในไทยหรือเปล่า ต่างประเทศเขาก็อาจจะคึกคักก็ได้มั้ง UNLOCKMEN อยากบอกว่าหนึ่งในสาเหตุที่มันเงียบเหงาขนาดนี้ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็ไม่ได้อินเหมือนครั้งก่อน ๆ เป็นเพราะรายได้จากผู้สนับสนุนของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าลดลง! สปอนเซอร์หลายรายที่เคยสนับสนุนอย่าง จอห์นสัน & จอห์นสัน, น้ำมันคาสตรอล, โซนี่ และเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ก็ขอถอนตัวเนื่องจากเรื่องฉาวในฟีฟ่าเมื่อ 4 ปีก่อน โดยเงินสนับสนุนลดลงราว 2 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว สถานการณ์บอลโลกครั้งนี้มันเลยออกจะเหงา ๆ หน่อย

ค่าลิขสิทธิ์แพง หลายช่องไม่ร่วมประมูล ช่องทางเข้าถึงจึงน้อยตาม

ปกติเราก็จะชินกับการที่ช่องทีวีหลาย ๆ ช่องหลักผลัดกันถ่ายทอดฟุตบอลโลกนัดนั้น นัดนี้ กระจายกันไป แต่ละช่องจึงแห่โฆษณาให้คนเข้ามาดูบอลนัดสำคัญ ๆ ที่ช่องตัวเอง แต่บอลโลก 2018 ครั้งนี้มีเพียง 3 ช่องทีวีดิจิทัลอย่าง ช่อง ททบ. 5 , ช่องทรูโฟร์ยู และช่องอมรินทร์ทีวี เท่านั้นที่ลงขันกันซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก เนื่องจากค่าลิขสิทธิ์ครั้งนี้ที่แพงระดับพันล้านบาทจนแม้แต่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยก็ไม่กล้าร่วมประมูล (เพราะเคยประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโอลิมปิคแล้วขาดทุนไม่เป็นท่ากว่า 40 ล้านบาทมาแล้ว) เนื่องจากกลัวขาดทุน จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีวีช่องอื่น ๆ ที่ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์จะไม่พูดถึงบอลโลกครั้งนี้มากนัก เพราะนอกจากช่องตัวเองจะไม่ได้ฉายแล้ว ยังติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์อีกด้วย

ข้อบังคับ “Must Have” จาก กสทช. สร้างเงื่อนไขที่ส่งผลเป็นทอด ๆ

ย้อนกลับไปบอลโลกครั้งก่อนที่บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 ในประเทศไทย แต่ดันเกิดข้อพิพาทกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เนื่องจากมีข้อบังคับ “Must Have” ที่กำหนดว่าถ้ากีฬานั้นเป็นกีฬาสำคัญที่ได้รับความสนใจจากคนในประเทศ (1.ซีเกมส์ 2.อาเซียนพาราเกมส์ 3.เอเชี่ยนเกมส์ 4.เอเชี่ยนพาราเกมส์ 5.โอลิมปิกเกมส์ 6.พาราลิมปิกเกมส์ และ 7.ฟุตบอลโลก) จะต้องถ่ายทอดสดในช่องฟรีทีวี

อย่างนี้เป็นใครก็ต้องหัวร้อนสิครับ เพราะเสียเงินซื้อลิขสิทธิ์มาก็แพง แต่ต้องมาฉายฟรี ๆ จนเกิดการฟ้องร้องเกิดขึ้น แม้อาร์เอสจะเป็นฝ่ายชนะคดี แต่หลังจากข้อบังคับนี้ออกมาก็ทำให้เอกชนหลายรายขยาด จนไม่กล้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดครั้งนี้ โดยปกติจะตัดสินใจกันว่าใครเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์หลายเดือนล่วงหน้า แต่คราวนี้เพิ่งมีผู้ได้ลิขสิทธิ์ล่วงหน้าเพียงเดือนเดียวก่อนบอลโลกจะเริ่มเท่านั้น ซึ่งทำให้เจ้าของแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ไม่สามารถวางแผนงบการโฆษณาได้ทัน รวมถึงข้อจำกัดเรื่องลิขสิทธิ์ที่จะมีเพียงผู้ร่วมซื้อลิขสิทธิ์เท่านั้นที่จะได้เวลาโฆษณาระหว่างถ่ายทอดสด ทีนี้พอจะนึกภาพออกไหมว่าทำไมมันเงียบเบอร์นี้ ?

นักเตะไม่ปัง ทีมดังไม่มา

PHOTO : The Rio Times

เหตุผลหนึ่งที่ผู้ชายหลาย ๆ คนเกาะติดจอทีวีเชียร์บอลโลก นอกจากเชียร์ทีมที่รักแล้ว การมีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ให้เราลุ้นก็เป็นปัจจัยสำคัญ แต่บอลโลก 2018 ครั้งนี้นักเตะเบอร์ใหญ่อย่างลิโอเนล เมสซี แม้ฟอร์มยังดีอยู่แต่สภาพทีมอาร์เจนตินาก็ดูฟอร์มน่าเป็นห่วง ในขณะที่อังกฤษก็ดูเหมือนจะเป็นช่วงถ่ายเลือด นักฟุตบอลครั้งนี้จึงเป็นนักฟุตบอลเลือดใหม่ ๆ ที่รอวันจะได้เฉิดฉายเป็นซูเปอร์สตาร์ มากกว่าจะมีซูเปอร์สตาร์เบอร์แข็งมาให้เราตามเชียร์

ไหนจะแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยอย่างอิตาลีตกรอบ และสหรัฐอเมริกาที่ในฟุตบอลโลกที่บราซิล 2014 ที่ผ่านมา สหรัฐได้เข้ารอบ 36 ทีม จนกระแสฟุตบอลในสหรัฐได้รับความสนใจขึ้นมา แต่ปีนี้เมื่อ Fox Sport ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดในสหรัฐอเมริกาไว้กว่า 500 ชั่วโมง แต่ทีมตัวเองดันคว้าน้ำเหลว ก็ไม่รู้ว่าจะทำกำไรมากน้อยแค่ไหน จนต้องหาแพลนอื่นมาอุดรอยรั่วหรือไม่

การเมืองเรื่องอำนาจ เขาว่ากันว่า รัสเซีย ไม่เหมาะเป็นเจ้าภาพ!

ดราม่ามาตั้งแต่แรก เมื่อโลกรับรู้ว่ารัสเซียจะได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2018 และรัสเซียก็ไม่ใช่เคสแรกที่ถูกต่อต้านว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาขนาดใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องความพร้อมหรือไม่พร้อมเท่านั้นแต่ถูกมองไปถึงเรื่องมาตรฐานทางการเมืองในด้านต่าง ๆ ตัวอย่างของประเทศเจ้าภาพที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ (ที่เราจะขอยกมาแบบหอมปากหอมคอ) ก็ได้แก่ อาร์เจนตินา ที่เป็นเจ้าภาพ Argentina World Cup ในปี 1978 เนื่องจากขณะนั้นอาร์เจนตินาอยู่ภายใต้การปกครองของคณะทหารที่ทำรัฐประหารเข้ามา (เรื่องนี้พี่ไทยอาจไม่ซีเรียส แต่ทั่วโลกเขาไม่โอเคเอามาก ๆ ) หรือจะเป็นจีน ที่เป็นเจ้าภาพ Beijing Olympics ในปี 2008 ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนและกรณีความขัดแย้งในทิเบตอย่างหนัก

รัสเซียจึงถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม ทั้งการใช้กองกำลังทหารช่วงต้นปี 2014 ในวิกฤตการณ์ไครเมียจนหลายประเทศขอให้ถอดรัสเซียออกจากการเป็นเจ้าภาพ รวมถึงกรณีลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียและลูกสาว ด้วยการใช้ยาพิษเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ประเทศอังกฤษ ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรประกาศกร้าวว่าจะไม่มีรัฐมนตรีคนไหน และราชวงศ์พระองค์ใดที่จะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น 6 ชาติอย่าง โปแลนด์, ไอซ์แลนด์, เดนมาร์ก, สวีเดน, ออสเตรเลีย และ ญี่ปุ่น ที่ได้สิทธิ์ไปบอลโลกครั้งนี้ถึงกับแสดงจุดยืนว่าพร้อมบอยคอตฟุตบอลโลกครั้งนี้เลยทีเดียว

การเมืองระหว่างประเทศที่สัมพันธ์กับฟุตบอลขนาดนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าส่งผลต่อความคึกคักของบอลโลกครั้งนี้เช่นกัน

ฟุตบอลโลกครั้งนี้จึงมีเหตุผลมารองรับแบบแน่น ๆ ว่าทำไมมันช่างเหงาหงอยได้ขนาดนี้ เราไม่ได้คิดไปเองแน่นอน แต่ UNLOCKMEN เชื่อว่าคนที่ยังตามเชียร์ทีมโปรดแบบไม่แคร์กระแสว่าจะฮิตไม่ฮิตก็คงมีจำนวนไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดเราก็มีเหตุผลแน่น ๆ ไว้ไปคุยกับคนอื่นได้ว่าทำไมฟุตบอลโลกครั้งนี้มันถึงไม่พีคอย่างที่เคยเอาซะเลย

SOURCE1SOURCE2SOURCE3SOURCE4

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line