DESIGN

ดำสนิทสุดเร้าใจ Adidas เปิดตัวรองเท้า “3D Runner” ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3D printed

By: myfifthday December 15, 2016

ตลอดปีนี้ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ถ้าพูดกันถึงเรื่องแฟชั่นของรองเท้า เราก็ต้องยกให้เป็นปีทองของ Adidas เลยก็ว่าได้ ที่ขนเอารองเท้ารุ่นใหม่หลากหลายแบบ หลายสี ออกสู่ตลาดเป็นกองทัพ ตั้งแต่ Ultra Boost ไปจนถึง YEEZY ที่ได้ คานเย เวสต์ ศิลปินแร๊ปเปอร์ชื่อดัง มาออกแบบให้จนได้รับความนิยมมากมาย และถึงแม้ปีนี้ Adidas จะครองใจเหล่า Sneaker heads ไปขนาดไหนก็ตาม ทาง Adidas ก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะพัฒนาและออกรุ่นใหม่ๆ เพื่อผู้สวมใส่ และล่าสุดกับการเปิดตัวรองเท้า  Adidas 3D Runner  ที่ดึงเอาเทคโนโลยีมาผสานเข้ากับการผลิตรองเท้า เพื่อเป็นการส่งท้ายปีนี้แบบเจ๋งๆ

161215-adidas-launches-frist-3d-printed-3

โดยล่าสุดทาง Adidas ได้ประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ สำหรับรองเท้า 3D Runner ที่ได้ขนเอาเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง 3D Web Structure เป็นตัวผลิต เพื่อออกแบบให้ได้รองเท้าที่เหมาะสมและสวมใส่ได้สบายที่สุด ด้วยรูปทรงรองเท้าเป็นสีดำและดูโฉบเฉี่ยว

161215-adidas-launches-frist-3d-printed-6

ไม่ใช่แค่ดูสวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังได้คิดคำนึงถึงพื้นที่ที่รองเท้าต้องรับแรงกดหนัก-เบา เมื่อตอนสวมใส่เป็นพิเศษ และยังได้ผสานวัสดุที่ใช้จาก 3D printed เพื่อนำมาเป็นส่วนประกอบของ heel counter ที่จะช่วยรับน้ำหนักบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดี และหลีกเลี่ยงการใช้กาวหรือการเย็บ จึงทำให้ตัวรองเท้ามีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้เป็นพิเศษ

161215-adidas-launches-frist-3d-printed-1

161215-adidas-launches-frist-3d-printed-2

โดย Mikal Peveto ผู้อำนวยการอาวุโสของทีม (Future) อาดิดาส ก็ยังได้กล่าวไว้อีกว่า “นี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น” เพราะต่อไปการสร้างหรือผลิตรองเท้าสักคู่ เราจะสามารถกำหนดขึ้นมาเองได้ ตามแบบของเท้าแต่ละคน อีกทั้งรูปแบบการทำงานและรูปร่างของตัวรองเท้าจะให้ประสิทธิภาพได้ดีกว่าแบบเก่าที่เคยมีมา อีกทั้งยังเป็นการออกแบบส่วนตัวและทำเพื่อผู้สวมใส่เพียงคนเดียวเท่านั้น เรียกว่าในอนาคตเราอาจมีรองเท้าเป็นของใครของมัน ตามแบบเท้าของเราไปเลย

161215-adidas-launches-frist-3d-printed-4

โดยรวมเราคิดว่าจากนี้ไปในอนาคต Adidas คงมีอะไรที่ตื่นเต้นและดีขึ้นเพื่อผู้สวมใส่อีกเพียบ โดยรองเท้า Adidas 3D Runner จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ และมีจำนวนจำกัด (แต่ไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่) และมีจำหน่ายเฉพาะแค่ในนิวยอร์ก, ลอนดอน และ โตเกียว ส่วนราคาอยู่ที่ $333 (11,850 บาท) เท่านั้น ใครที่สนใจเป็นเจ้าของ ก็ต้องติดต่อหาคนหิ้ว (Resell) แล้วงานนี้

Source

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line