เจาะลึกตำนาน Alcatraz คุกที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา

คุกอัลคาทราซ คือคุกที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา คุกแห่งนี้ถูกเป็นคุกที่ขังอาชญากรชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น จอร์จ เคลลี่, โรเบิร์ต สเตราด์ หรือเจ้าพ่ออัลคาโปน ที่ทางเว็บเราเคยเขียนประวัติของเขากันไปแล้ว นอกจากนี้นักโทษที่ขึ้นชื่อลือชาและมีพฤติกรรมทำตัวไม่ค่อยดีในคุกอื่นๆ ทั่วอเมริกาจะถูกส่งตัวมาคุมขังที่นี่ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับความโหดร้ายของสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตการกินอยู่ที่ลำบาก เนื่องจากเป็นคุกที่มีความควบคุมแน่นหนาที่สุด อีกทั้งคุกแห่งนี้ยังเคยเป็นคุกที่เอาไว้คุมขังนักโทษทางการเมืองอีกด้วย ทำให้มีข่าวฉาวต่างๆ หลุดมาไม่หยุดหย่อนนั่นเอง

เกาะแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 1775 โดยนักสำรวจชาวสเปน ฮวน มานูเอล เดอ อยาลา โดยในยุคนั้นได้ถูกตั้งชื่อขึ้นตามขนาดของเกาะว่า “La Isla de los Alcatraces” หรือแปลเป็นไทยว่า “เกาะแห่งนกกระทุง” โดยในขณะนั้นนักสำรวจได้ลงความเห็นกันว่าเกาะนี้ไม่เหมาะสมที่มนุษย์จะอยู่อาศัย เพราะสภาพแวดล้อมบนเกาะมีความแห้งแล้งมาก

จนกระทั่งคุกอัลคาทราซถูกเปิดทำการขึ้นครั้งแรกในปี 1861 โดยสถานที่ที่ตั้งคุกแห่งนี้ขึ้นเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่กลางอ่าวซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เลือกทำเลแห่งนี้ เป็นเหตุมาจากการที่เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่กลางอ่าวธรรมชาติ มีคลื่นลมแรง ล้อมรอบด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำถึงขั้นเยือกแข็ง ซึ่งถูกวินิจฉัยแล้วว่ายากต่อการหลบหนี โดยเริ่มแรกได้ทำการขังเฉพาะบุคคลสำคัญๆเพียง 26 คนเท่านั้น

เริ่มต้นในปี 1898 คุกอัลคาทราซหรือชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่า ”เดอะ ร็อค”  ได้ถูกใช้เป็นที่คุมขังสำหรับนักโทษทางการเมือง จากกรณีสงครามกลางเมืองจากรัฐต่างๆ รวมไปถึงผลพวงจากสงครามกลางเมืองสเปน- อเมริกัน ทำให้นักโทษที่เคยมีอยู่แต่เดิม 26 คน เพิ่มขึ้นเป็น 450 คน อย่างรวดเร็ว

จากนั้นในปี 1906 ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้นในซานฟรานซิสโก ซึ่งเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายให้แก่เมืองนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้จำเป็นต้องทำการย้ายนักโทษเพื่อความปลอดภัย

ในปี 1912 โครงการสร้างตัวตึกบนเกาะแห่งนี้ก็ได้เริ่มขึ้น โดยได้ทำการสร้างเป็นตัวตึกแบบสามชั้น ซึ่งตัวตึกนั้นก็คือรูปร่างของตึกที่เราเห็นจากในรูปภาพทั่วไปในปัจจุบันนั่นเอง จนกระทั่งการก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายทศวรรษที่ 20

ในปี 1934 คุกอัลคาทราซก็ถูกได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็น “Federal Bureau of Prisons” หรือคุกที่เอาไว้คุมขังนักโทษที่มีพฤติกรรมเกเรและรุนแรงจากสถานกักกันอื่นทั่วสหรัฐ โดยนักโทษที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวจะถูกนำมาขังไว้ที่นี้

ในยุคนั้นคุกอัลคาทราซถูกควบคุมดูแลโดยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิเศษ FBI กว่า 60 คน และยังใช้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางกองทัพร่วมด้วย ทำให้คุกอัลคาทราซกลายเป็นคุกที่มีการควบคุมดูแลแน่นหนาที่สุดในโลก

แต่อย่างไรก็ตาม คุกแห่งนี้ก็เคยมีข่าวฉาวเกิดขึ้น โดยในคืนวันที่ 11 มิถุนายน ปี 1962 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจตามเตียงซึ่งเป็นระเบียบปฏิบัติประจำวัน กลับพบว่ามีนักโทษ 3 คน ได้หายไปจากเตียง จนกระทั่งในท้ายที่สุดจากการสอบสวนจึงพบว่า ทั้งสามได้ทำการหลบหนีออกไปจากคุกแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ข่าวนี้แพร่ไปทั่วอเมริกาอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการออกค้นหานักโทษหลบหนีกันให้วุ่น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพบเบาะแสอะไรที่จะหาพวกเขาเหล่านี้เจอ โดยจากการสันนิษฐานของทางเจ้าหน้าที่ ได้ลงความเห็นกันว่า ทั้ง 3 น่าจะเสียชีวิตไปแล้วจากการว่ายน้ำข้ามเกาะ เนื่องจากอ่าวมีกระแสน้ำเชี่ยวและมีคลื่นลมแรง นอกจากนี้หลังจากการค้นห้องขังของทั้ง 3 ยังพบหน้ากากอันน่าสยดสยองของพวกเขาทิ้งไว้อีกด้วย โดย 3 คนที่พูดถึงนั้นก็คือ แฟรงค์ มอร์ริส และพี่น้อง คลาเรนซ์ และ จอล์น อิงกลิน นั่นเอง

คุกอัลคาทราซ ถูกควบคุมภายใต้การดูแลของกองทัพสหรัฐเป็นเวลาถึง 83 ปี คือปี 1850 – 1933 จนกระทั่งถูกโอนไปให้กระทรวงยุติธรรมทำการดูแลต่อ ซึ่งความจริงที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ก็คือ คุกแห่งนี้ไม่ได้โหดร้ายมากมายเหมือนอย่างภาพลักษณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกไป เพราะชีวิตการเป็นอยู่ของบรรดานักโทษในคุกแห่งนี้ เรียกได้ว่ายังมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านักโทษจากในคุกอื่นๆ เสียอีก เช่น การแยกที่พักอาศัยของนักโทษหนึ่งคนต่อห้องขังหนึ่งห้อง โดยคุกแห่งนี้ถูกนักโทษจากหลายๆ แห่งยื่นเรื่องเพื่อจะมาขอถูกควบคุมตัวที่นี่ด้วยซ้ำ

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันคุกอัลคาทราซก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์

โดยเรื่องราวของคุก Alcatraz ได้ถูกนำมาดัดแปลงและสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรี่ย์ชื่อดังมากมาย เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Escape from Alcatraz หรือ ซีรีย์ของทางช่อง Fox อย่าง Alcatraz นั่นเอง