Entertainment
เจาะลึก 10 หนังโดดเด่นตัวเต็งเข้าชิงรางวัลยิ่งใหญ่ในโลกภาพยนตร์ OSCARS 2022
By: Chaipohn February 10, 2022 211677
เวียนกลับมาอีกครั้ง สำหรับงานประกาศผลผู้เข้าชิงรางวัลอันยิ่งใหญ่ในโลกภาพยนตร์ Academy Awards หรือ Oscars ครั้งที่ 94 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยหนังเต็งจ๋าอย่าง The Power of the Dog หนังคาวบอยสะท้อนเพศสภาพอันแสนสับสนได้เข้าชิงมากที่สุด ตามด้วยหนังไซไฟสุดทะเยอทะยาน DUNE ที่ได้เข้าชิงรองลงมา รวมไปถึงหนังขวัญใจนักดูหนังทั่วโลกและคนดูหนังชาวไทยอย่าง Drive My Car ก็ได้ฝ่าเข้ารอบลึกชิงหนังยอดเยี่ยมเช่นกัน
Unlockmen ได้รวบรวมหนังน่าสนใจ 10 เรื่อง ที่โดดเด่นแห่งปี 2021 ที่ผ่านมา ให้คุณได้ทำการบ้านก่อนประกาศผลในวันที่ 27 มีนาคมนี้ ให้ได้อ่านกัน มีเรื่องอะไรบ้าง อย่ารอช้า ไปอ่านกันได้เลย
หนังคาวบอยที่เล่าเรื่องได้ละมุนละไม สะท้อนโศกนาฏกรรมความผูกพันต้องห้ามระหว่าง Benedict Cumberbatch และ Kodi Smit-McPhee ท่ามกลางความเวิ้งว้างของเมืองเถื่อน โดย Jane Campion ผู้กำกับหญิงมากฝีมือที่เคยได้รับการเข้าชิงรางวัลจากหนัง The Piano (1993) และได้เข้าชิงเรื่องนี้ ทำให้เธอสามารถสร้างสถิติใหม่ในฐานะหญิงสาวคนแรกที่ได้เข้าชิงเป็นครั้งที่ 2 ได้ถ่ายทอดความอ่อนโยน การเรียนรู้ชีวิต และความสะเทือนใจท่ามกลางดินแดนอันแสนเถื่อนได้อย่างทรงพลัง
โดยนักวิจารณ์ต่างพากันคาดหวังว่า The Power of the Dog จะเป็นหนังที่มาล้างคำสาปหนังอย่าง Brokeback Mountain (2005) ที่หนังเล่าเรื่องราวชายรักชายที่พลาดรางวัลหนังยอดเยี่ยมอย่างเต็มไปด้วยข้อกังขา
การที่หนังพาตัวเองสู่การเข้าชิงถึง 12 รางวัล ทำให้ The Power of the Dog มีแต้มต่อในการเป็นผู้ชนะในรางวัลใหญ่ ซึ่งจะ Netflix ต้องโหมโปรโมทอย่างหนักเพื่อให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของค่ายสตรีมมิ่งที่คว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยมไปครองอย่างแน่นอน
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Director – Jane Campion
Best Actor in a Leading Role – Benedict Cumberbatch
Best Actor in a Supporting Role – Jesse Plemons
Best Actor in a Supporting Role – Kodi Smit-McPhee
Best Actress in a Supporting Role – Kirsten Dunst
Best Writing (Adapted Screenplay)
Best Cinematography
Best Film Editing
Best Music (Original Score)
Best Production Design
Best Sound
หนังมหากาพย์ไซไฟเรื่องยิ่งใหญ่ จากนิยายของ Frank Herbert ที่ใช้เวลายาวนานกว่า 50 ปี เนรมิตรนิยายไซไฟปรัชญาให้เป็นภาพที่สมจริงใกล้เคียงกับจินตนาการที่สุด โดยผู้กำกับจอมทะเยอทะยาน Denis Villeneuve สร้างตำนานบทใหม่ที่สุดแสนอลังการได้สัมฤทธิ์ผล ทั้งการทำเงินระดับปรากฏการณ์ และทะยานสู่เวทีรางวัลอย่างสมเกียรติ
ซึ่ง DUNE ได้เข้าชิงถึง 10 รางวัล แม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสายเทคนิค แต่หนังก็ทรงคุณค่าพอที่จะขึ้นแท่นเข้าชิงหนังยอดเยี่ยม แม้การคว้ารางวัลใหญ่สุดอย่างหนังยอดเยี่ยมจะริบหรี่ก็ตาม แต่หนังชุดนี้ยังมีโอกาสอีกหลายภาค เพราะขณะนี้ได้ประกาศทำภาค 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Writing (Adapted Screenplay)
Best Cinematography
Best Costume Design
Best Film Editing
Best Makeup and Hairstyling
Best Production Design
Best Sound
Best Visual Effects
Best Music (Original Score)
ความทรงจำในวัยเด็กของผู้กำกับ Kenneth Branagh ที่เติบโตในช่วงเปลี่ยนผ่านของวัฒนธรรม การเมือง และยุคสมัยที่เปลี่ยนไปในเมืองเบลฟาสต์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของไอร์แลนด์
หนังขาวดำที่สะท้อนความทรงจำ การพลัดพรากจากลา และการเติบโต สร้างความน่าทึ่งให้กับผู้ชมมากมาย โดยเฉพาะคอหนังที่มักจะคุ้นชินตัว Kenneth ในฐานะนักแสดงสายละครเวทีที่เล่นใหญ่เล่นโต แต่เรื่องนี้กลับเจือด้วยความละมุนละไมผ่านสายตาของเด็กน้อยในวัย 9 ขวบ Belfast จึงเป็นหนังบิ๊กเซอร์ไพรซ์แห่งปี 2021 ที่ผ่านมา น่าเสียดายที่จนถึงวินาทีนี้ คอหนังบ้านเรายังไม่มีวี่แววจะได้ชมในโรงภาพยนตร์เลย
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Director – Kenneth Branagh
Best Supporting Actor – Ciarán Hinds
Best Supporting Actress – Judi Dench
Best Original Screenplay
Best Original Song – Down to Joy
Best Sound
การรีเมคหนังขึ้นหิ้งระดับตำนาน และยิ่งเป็นตำนานระดับคว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยมมาครองแล้ว อย่าง West Side Story อาจจะเป็นความหวังอันแสนริบหรี่อีกครั้งที่ผู้กำกับ Steven Spielberg จะได้ขึ้นไปรับรางวัลใหญ่ แต่คุณภาพของหนังเพลงเรื่องนี้หาได้ด้อยกว่าต้นฉบับไม่ เพราะ Spielberg เลือกเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของ 2 เชื้อชาติได้ทรงพลัง โดยใช้ต้นฉบับที่เป็นละครเวทีมาสอดประสานความรัก และความทะเยอทะยานของวัยรุ่นวัยร้อน ด้วยเทคนิคทางภาพที่แสนแพรวพราวและงดงาม โดยเฉพาะการแสดงแบบน้อยแต่มากของ Ariana DeBose ที่มาแรงแซงโค้งคว้ารางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำมาแล้ว มาดูกันว่าเวทีออสการ์จะเป็นอีกครั้งที่แจ้งเกิดนักแสดงสาวสายคุณภาพคนนี้ได้หรือไม่
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Actress in a Supporting Role – Ariana DeBose
Best Cinematography
Best Costume Design
Best Director – Steven Spielberg
Best Production Design
Best Sound
หลังจากที่ช่วงหลัง ๆ Will Smith โซซัดโซเซในวงการมานานหลายปีเพราะไม่มีโปรเจกต์ดีๆในมือ ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะ Come Back กลับมาอย่างสง่างาม ในหนัง King Richard หนังชีวประวัติของ Richard Williams พ่อผู้ฝ่าฟันและสร้างฝันให้ลูกสาวทั้ง 2 ที่ชื่อ Venus และ Serena Williams จนเป็นนักเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลแห่งโลกคนผิวสี หลังพลาดการคว้ารางวัลจากบทที่ส่งเสริมตัวเขาอย่างมากๆใน Ali (2001) และ The Pursuit of Happyness (2006) ครั้งที่ 3 น่าจะเป็นปีของ Will Smith เสียทีในบทคุณพ่อผู้ทุ่มเทบทนี้
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Actor in a Leading Role – Will Smith
Best Actress in a Supporting Role – Aunjanue Ellis
Best Film Editing
Best Music (Original Song) – “Be Alive”
Best Writing (Original Screenplay)
แม้จะเป็นที่ชิงชังของนักวิจารณ์สหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุด หนังโลกแตกแซะสังคมอย่าง Don’t Look Up ก็ฝ่าทุกกระแสเข้าชิงรางวัลโดยเฉพาะรางวัลหนังยอดเยี่ยมได้อย่างสง่างามเหนือความคาดหมาย
เรื่องราวของ 2 วิชาการที่ค้นพบดาวหางกำลังพุ่งเข้าชนโลก ท่ามกลางเกมการเมืองอันสุดจะฟอนเฟะ และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ กลายเป็นประเด็นเผ็ดร้อนที่ถูกกล่าวขวัญถึงไปทั่วโลกในฐานะหนังตลกสุดจี้ที่ตบหน้าทุกวงการได้อย่างแสบสันต์และแยบยล
การได้เข้าชิงรางวัลออสการ์คงมาในฐานะไม้ประดับ แต่มันก็คือสัญญะที่บ่งบอกว่า คณะกรรมการแคร์สังคมไม่ใช่น้อย แม้หนังจะโดนด้อยค่าในสายตานักวิจารณ์ก็ตามที แต่หนังสนุกและเป็นที่ชื่นชอบของคนดูก็เพียงพอแล้ว
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Writing (Original Screenplay)
Best Film Editing
Best Music (Original Score)
นับตั้งแต่ Parasite กลายเป็นม้ามืดที่คว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยม หนังเอเชียก็กลายเป็นเป้าหลักที่คณะกรรมการจะต้องหามาลงประดับบารมีในทุกๆปี แต่ Drive My Car ก็หาได้เป็นเพียงไม้ประดับของวงการไม่ เพราะคุณภาพที่ได้รับการการันตีตั้งแต่ออกฉายและสร้างความเกรียวกราวมาตั้งแต่ตอนคว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเทศกาลหนังเมืองคานส์ ทำให้หนังที่สร้างจากเรื่องสั้นของ Hiruki Murakami นี้เป็นที่โจษจันกันมาแล้วทั้งปี
เรื่องราวของหนุ่มผู้จมทุกข์ที่ไม่สามารถมูฟออนจากความคาราคาซังของปมปัญหาหลังภรรยาจากไป แม้หนังจะมีความยาวระดับ 3 ชั่วโมง แต่เป็น 3 ชั่วโมงแห่งการดีท็อกซ์อารมณ์อันแสนอ่อนโยนและงดงามนี้ กลายเป็นหนังที่เข้ารอบลึกทั้งการเข้าชิงในสาขาหนังยอดเยี่ยมรวมไปถึงผู้กำกับยอดเยี่ยมได้อย่างสมภาคภูมิ และกระแสปากต่อปากนี้ก็ทำให้หนังได้ฉายอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ขนาดในไทยเองยังยืนโรงฉายมาแล้วกว่า 3 เดือน คือเครื่องการันตีว่า Drive My Car คือปรากฏการณ์หนังแห่งปีอย่างแท้จริง
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Director – Ryusuke Hamaguchi
Best International Feature Film – Japan
Best Writing (Adapted Screenplay)
เรื่องราวความรักต้องห้าม, การทรยศหักหลัง ท่ามกลางคาแรคเตอร์หญิงร้ายชายโฉด คือวัตถุดิบสำคัญของหนังฟิล์มนัวร์ที่เห็นจนชินตา แต่ Nightmare Alley กลับทะยานไกลไปกว่านั้น เมื่อหนังเลือกเล่าผ่านนักพลังจิตลวงโลกที่ใช้ศาสตร์ของจิตวิทยา นำพาให้เขาหลอกลวงคนรวยได้อย่างเก่งกาจ ท่ามกลางความน่าพิศวงของคณะละครสัตว์ที่เต็มไปด้วยคนประหลาดมากมาย
Guillermo del Toro ยังเก่งกาจที่สามารถเชื่อมโยงโลกอันน่าพิศวงเข้าไว้ด้วยกันอย่างยอดเยี่ยมกับความชั่วที่ฝังลึกในจิตใจคน ท่ามกลางการออกแบบดีไซน์อันน่าหลงใหลและน่ากลัวในคราวเดียวกัน
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Cinematography
Best Costume Design
Best Production Design
หนังฟีลกู๊ดที่รีเมคมาจากหนังฝรั่งเศส เรื่องราวของสาวน้อยเสียงดีที่อยู่ท่ามกลางครอบครัวชาวประมง ที่ทั้งพ่อ แม่ และพี่ชาย ล้วนสูญเสียการได้ยินทั้งครอบครัว
การอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่ไม่อาจจะยินดียินร้ายไปกับความสามารถและพรสวรรค์ของเธอได้ และการยืนอยู่บนฟากฝั่งทั้งความฝันและความจริงอันโหดร้าย กลายเป็นหนังที่ชุบชูใจคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม และส่งผลให้ Apple TV+ ที่ทุ่มหมดหน้าตักซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้ได้ยิ้มออกเมื่อหนังได้พาตัวเองเข้าชิงในสาขาใหญ่ๆได้ โดยเฉพาะการแสดงของ Troy Kotsur ในบทพ่อ ที่ในชีวิตจริงเขาเองก็พิการทางการได้ยิน ที่ได้เข้าชิงสาขาสมทบยอดเยี่ยมเช่นกัน
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Picture
Best Actor in a Supporting Role – Troy Kotsur
Best Writing (Adapted Screenplay)
หนังสารคดีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และเรื่องราวสุดสะเทือนใจ กลายเป็นหนังที่พาตัวเองไปไกลเกินขอบเขตของความเป็นสารคดี ด้วยการเล่าเรื่องราวความทรงจำของชายหนุ่มที่เกิดและเติบโตท่ามกลางไฟสงคราม ณ กรุงคาบูร์ ประเทศอัฟกานิสถาน
ไม่เพียงแค่สงครามที่เขาเห็นในวัยเด็กจนต้องลี้ภัยออกประเทศเท่านั้น แต่สงครามภายใน ความสับสนทางเพศสภาพก็เป็นสิ่งที่เขาเองต้องต่อสู้เช่นกัน หนังเล่าความทรงจำผ่านแอนนิเมชั่นทำให้หนังเรื่องนี้ได้เข้าชิงรางวัลแอนนิเมชั่นยอดเยี่ยม ที่แหวกและแตกต่างจากคู่แข่งทั่วๆไปที่เน้นย้ำเล่าแต่เรื่องแบบเด็กๆ
ขณะเดียวกันความโดดเด่นของเทคนิคอันแพรวพราวที่สอดรับกับเรื่องราวสุดรันทด ก็โดดเด่นจนได้เป็นตัวแทนของประเทศเดนมาร์คมาร่วมชิงชัยในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมอีก 1 รางวัล FLEE จึงเป็นหนังที่สามารถก้าวข้ามทุกขอบข่ายในการเล่าเรื่องได้อย่างเหนือชั้น
รางวัลที่ได้เข้าชิง
Best Animated Feature
Best Documentary Feature
Best International Feature Film