เปิดกรุงานเพลงปี 1989 กับอัลบั้มในตำนานที่โลกต้องจารึก

หากนับจากปีค.ศ. 1989 ไล่มาจนถึง 2019 ก็จะเท่ากับว่าตอนนี้ครบรอบ 30 ปีพอดีเป๊ะ สำหรับความพิเศษของโลกแห่งดนตรี ทุก ๆ ปีที่ ค.ศ. ลงท้ายด้วย ‘9’ มักน่าสนใจเสมอ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากยุคหนึ่งไปสู่ยุคหนึ่ง และซีนดนตรีในช่วงปีนั้น ๆ มักส่งอิทธิพลต่อยุคถัดไปไม่มากก็น้อย แถมปี 1989 นี้ยังเป็นปีแห่งการกำเนิดศิลปินระดับตำนานหลายวงเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าในปี 1989 นี้ มีอัลบั้มอะไรที่น่าสนใจออกมาบ้าง

Bleach – Nirvana

ไม่มีใครไม่รู้จักกรันจ์ร็อกในตำนานอย่าง Nirvana เพราะคณะดนตรีกลุ่มนี้คือตัวจริงเสียงจริงแห่งยุค 90 แต่รู้หรือไม่ว่า ‘Bleach’ อัลบั้มแรกของพวกเขา ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 1989 ก่อนจะย่างเข้ายุค 90 โดยสมบูรณ์เสียอีก ซึ่งตอนที่ผลงานชุดนี้ถูกปล่อยออกมา แทบไม่มีใครบนโลกใส่ใจกับวงดนตรี 3 ชิ้นที่ชื่อ Nirvana นี้เลย เพลงก็ไม่ติดชาร์ต ไม่ประสบความสำเร็จแบบอัลบั้ม Nevermind (ที่มีเพลงชาติชาวร็อกอย่าง Smells Like Teen Spirit) แต่เมื่อเวลาล่วงเลยแล้วมองย้อนกลับไปนั้น ปี 1989 ถือว่าเป็นจุดกำเนิดที่แท้จริงของพวกเขา ด้วยดนตรีกรันจ์ดิบ ๆ ดุดัน จนแฟนเพลงหลายคนยกย่องว่านี่คืออัลบั้มที่สะท้อนตัวตนของ Kurt Cobain มากที่สุดเลยทีเดียว

Doolittle – Pixies

Pixies วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากอเมริกันวงนี้ คือหนึ่งในศิลปินที่ถูกยกให้เป็น Proto-Grunge หรือผู้มาก่อนกาลที่กรุยทางดนตรีมาสู่แนวกรันจ์ พวกเขาเดบิวต์กันตั้งแต่ปี 1986 ด้วยการนำดนตรีพังค์ร็อกมาผสมผสานเข้ากับเซิร์ฟร็อก จนเกิดเป็นดนตรีแบบใหม่ แตกต่างไม่เหมือนใครในช่วงเวลานั้น และในปี 1989 เมื่อพวกเขาปล่อยอัลบั้มที่ชื่อ Doolittle ออกมา ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นติดชาร์ตอันดับ Top 3 (ติดอันดับ 8 บน UK Albums Chart) แต่เพลง Tame จากอัลบั้มชุดนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงอัลเทอร์เนทีฟรุ่นหลังอีกหลายวง ซึ่งการใช้เทคนิคแบบ Loud to Quiet (ดังสลับเบา กระซิบสลับว๊าก) กลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เพลง Smells Like Teen Spirit ของ Nirvana ในเวลาต่อมา อีกทั้งอัลบั้มนี้ยังได้รับคำยกย่องชื่นชมจากศิลปินแถวหน้าอย่าง David Bowie และ Thom Yorke จากคณะ Radiohead อีกด้วย

The Stone Roses – The Stone Roses

ฝั่งอเมริกามี Pixies เป็นผู้กรุยทาง ทีนี้ก็ถึงตาฝั่งอังกฤษกันบ้าง หากคุณเป็นหนึ่งในสาวก Britpop เชื่อว่าไม่มีทางที่จะไม่เคยได้ยินชื่อของ The Stone Roses วงร็อกจากอังกฤษวงนี้ พวกเขาคือศิลปินต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้วงร็อกอังกฤษยุค 90 มากมาย รวมไปถึงวงระดับเป้งอย่าง Blur และ Oasis อีกด้วย แม้ว่าจะมีเพียง 2 อัลบั้มถ้วนเท่านั้น!!! ด้วยการนำดนตรีสไตล์ Jangle-Pop ยุค 60 มาผสมผสานเข้ากับแดนซ์บีทและซาวด์อันซับซ้อนแบบไซคีเดลิค ทำให้พวกเขากวาดฐานแฟนเพลงได้ทั้ง 2 ทาง ทั้งฝั่ง Rock และฝั่ง Rave ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในยุคนั้น สื่อหลายเจ้าถึงกับยกให้ The Stone Roses เป็นดั่ง ‘ผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้เพลงร็อกยุค 90’ แถมวงนี้ยังมาจาก Manchester เมืองเดียวกับ Oasis ด้วยนะ

Pretty Hate Machine – Nine Inch Nails

หากพูดถึงสาย Industrial Rock เชื่อว่าชื่อของ Nine Inch Nails (NIN) จะเป็นอันดับต้น ๆ ที่แฟนเพลงหลายคนนึกถึง ในปี 1989 นี้เองที่พวกเขาได้ปล่อยผลงานชุดแรก Pretty Hate Machine ออกมากระแทกหูประชาชนทั่วโลก ถึงแม้ว่าอัลบั้มนี้จะไม่ได้ถูกยกย่องเท่า The Downward Spiral (1994) ที่ตามมาในภายหลัง แต่ก็เรียกว่าเป็นอัลบั้มเปิดตัวที่ดีมากสำหรับวงดนตรีวงหนึ่ง แม้ในยุคนั้นดนตรีแนวนี้จะยังค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่ต่อมาในปี 1990 เป็นต้นไป Nine Inch Nails ก็กลายเป็นแกนนำผู้ส่ง Industrial Rock ให้กลายเป็นเพลงเมนสตรีมได้ในที่สุด เคียงคู่มากับ Marilyn Manson ซึ่งก็ได้ Trent Reznor สมาชิกหลักของ Nine Inch Nails นั่นแหละเป็นผู้ช่วยโปรดิวซ์อัลบั้ม ‘Portrait of an American Family’ และ ‘Antichrist Superstar’ ให้ เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่เป็นตัวกรุยทางสู่ความยิ่งใหญ่ในยุคต่อมาอย่างแท้จริง

Disintegration – The Cure

นี่แหละไฮไลต์เด็ดแห่งปี 1989 ! อัลบั้ม Disintegration จากเจ้าพ่อเพลงเศร้าอย่าง The Cure วง Goth-Rock ระดับตำนานจากอังกฤษ ซึ่งอัลบั้มนี้ถูกย่องว่าเป็นผลงานดีที่สุดตลอดกาลของ The Cure เลย แน่นอนว่าอัดแน่นไปด้วยเพลงฮิตมากมายทั้ง Love Song, Lullaby, Fascination Street และ Pictures Of You หลังจากที่อัลบั้มปล่อยออกมาก็ทะยานขึ้นสู่ UK Albums Chart สูงถึงอันดับ 3 อย่างรวดเร็ว (ส่วนในอเมริกาอยู่ที่อันดับ 14 ซึ่งก็ถือว่าสูงมากแล้ว) เนื้อเพลงโศกเศร้าเหล่านี้ถูกเขียนโดย Robert Smith ฟรอนต์แมนของวงแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเขาได้ไอเดียในการเขียนเพลงเหล่านี้ (จะเรียกว่าแรงบันดาลใจก็เรียกได้ไม่เต็มปาก) มาจากความหดหู่ในจิตใจของเขาล้วน ๆ เพราะก่อนหน้านี้อัลบั้ม Kiss Me, Kiss Me, Kiss Me (1987) นั้นประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน แต่ที่ฮิตนักหนาก็เพราะว่ามัน ‘ป๊อป’ ทำให้ Robert Smith เกิดความไม่พอใจในชื่อเสียงของตัวเอง รวมไปถึงวงที่ทัวร์หนักมากจนสภาพจิตใจสมาชิกแต่ละคนไม่สู้ดีนัก แถมยังเกือบโดนเลื่อนปล่อยเพราะผู้บริหารค่ายไม่ชอบ แต่สุดท้ายแล้ว ความหม่นหมอง ละเมียดละไม และเนื้อเพลงอันแสนปวดร้าวจากปลายปากกาของ Robert Smith ก็ส่งให้อัลบั้มครองหัวใจแฟนเพลงกว่าครึ่งค่อนโลก รวมถึงสารพัดคำวิจารณ์เชิงบวกของสื่อในยุคนั้นอย่างถ้วนหน้า

สำหรับอัลบั้มอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่ออกในปี 1989 นี้ก็ยังมีอีกมากมาย ทั้ง Technique จาก New Order, Paul’s Boutique จาก Beastie Boys, Automatic จาก The Jesus and Mary Chain และ Cosmic Thing จาก The B-52s เป็นต้น แต่เราก็ต้องขออนุญาตหยิบยกมาแค่ 5 อัลบั้มนี้ หากไม่ตรงใจแฟนเพลงคนไหนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่แน่ๆ ไม่น่าเชื่อว่าแม้อัลบั้มเหล่านี้จะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงทรงอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังมาจนถึงยุคปัจจุบัน สมกับที่ Noel Gallagher แห่งคณะ Oasis เคยกล่าวไว้ว่า “เพลงฮิตจะอยู่บนชาร์ต แต่เพลงดีๆ จะอยู่ในใจแฟนเพลงไปตลอดกาล”

Source: 1

Written By Synthkid