CARS

2021 BMW M3 M4 เผยโฉมหน้าและข้อมูลตำนานความแรงบทใหม่อย่างเป็นทางการ

By: Chaipohn September 23, 2020

หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนาน พร้อมภาพหลุดนับร้อยนับพันภาพ กระจังหน้าที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในที่สุดก็ถึงเวลาเผยโฉมและข้อมูลสเปกทั้งหมดของ 2021 BMW M3 generation ที่ 6 และ M4 Coupe generation ที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับปรุงจนกลายเป็น M ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน all-wheel-drive และสมรรถนะระดับ 500 แรงม้าจากโรงงาน

BMW M3 M4 ทั้งสองโมเดลใช้เครื่องยนต์ S58 twin-turbo 3.0-liter 6 สูบเรียง 473 horsepower at 6,250 rpm แรงบิด 550 Nm of toque มีให้ใช้ยาว ๆ ตั้งแต่ 2,650 – 6,130 rpm เทียบกับรุ่นก่อนหน้านับว่ามีแรงม้าเพิ่มขึ้นถึง 48 ตัว ทำเวลา 0-100 km/h ได้ใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคเอาไว้ที่ 250 km/h ซึ่งสามารถปลดล็อคได้ด้วย M Driver Package

ในรุ่น Competition model ขยับแรงม้าเพิ่มเป็น 503 horsepower at 6,250 rpm และแรงบิดพุ่งสะใจมากถึง 650 Nm รอบเครื่องจัดจ้านมี redline ที่ 7,200 rpm ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.8 วินาที มีตัวเลือกเกียร์ระหว่าง 6-speed manual และ 8-speed M Steptronic automatic ให้เลือกสับกันตามความชอบ แต่ถ้านักขับที่ถนัดสับเอง การเลือกเกียร์ manual จะสามารถลดน้ำหนักลงได้อีก 22 กิโลกรัม และยังได้ประโยชน์จากการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้นอีกด้วย

การขับขี่ของ M3 M4 จะมากับเทคโนโลยี xDrive สำหรับ Competition models สามารถปรับการกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังและหน้าได้ด้วยระบบไฟฟ้า และ Active M differential ทำงานร่วมกันกับระบบ Dynamic Stability Control System เลือกขับแบบ 4WD, 4WD Sport หรือ 2WD ได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังได้ช่วงล่าง Adaptive M suspension, M Traction Control System และ M Servotronic steering ที่จะทำงานอย่างรวดเร็ว พร้อมรับมือทุกสภาพพื้นถนนเพื่อการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ในด้านความสวยงาม BMW M3 M4 จะได้ล้อ forged M น้ำหนักเบาลวดลายใหม่ขนาด 18 นิ้วในด้านหน้า และ 19 นิ้วในด้านหลัง ส่วนรุ่น Competition จะได้ล้อใหญ่ขึ้นอีกอย่างละ 1 นิ้ว

หลังจากเผยโฉม หลายคนที่เคยบ่นด่ากระจังหน้าลายแบบใหม่ก็เริ่มมองมันในมุมที่สวยขึ้น ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีของการออกแบบที่กล้าหาญและไม่ยึดติดกับรูปแบบเก่า ๆ ซึ่งนอกจากดีไซน์ มันยังมีประโยชน์ในการดูดอากาศระบายความร้อนได้มากขึ้น เช่นเดียวกับช่องดักอากาศต่าง ๆ บนกันชนหน้าที่ล้วนมีหน้าที่สำคัญในการลดความร้อนของเบรคและช่วยเพิ่ม downforce ในการทรงตัว ไฟหน้า Full-LED มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน หรือจะจ่ายเงินเพิ่มเพื่ออัพเกรดเป็น BMW Laserlight ก็ยังได้

เชื่อว่าเมื่อถึงช่วงส่งมอบรถอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีหน้า ถ้า BMW M จะทำราคาลงมาแข่งกับอีกสองค่ายบ้าง คงจะดีสำหรับแฟน BMW มากเลยทีเดียว เพราะปัจจุบันมีกลุ่มผู้ชื่นชอบรถยนต์ตระกูล M เพิ่มมากขึ้น และทิศทางการทำตลาดรถสมรรถนะสูงที่หลายแบรนด์ต่างนำเข้ามาสู้กันอย่างดุเดือด เริ่มจาก Mercedes-AMG, Audi RS และ BMW M โดยเฉพาะ M2 และ M5 ที่เราพบเห็นบนท้องถนนได้ง่ายกว่าในยุคก่อน น่าเสียดายที่ราคาของรถตระกูล M มักจะถูกตั้งไว้สูงกว่าคู่แข่งอีกสองค่ายในระดับที่ห่างไกลกันพอสมควร

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line