Entertainment

เคยฟัง แต่ไม่เคยรู้! รวม 5 เรื่องราวเบื้องหลังบทเพลงดังที่รู้แล้วจะเปลี่ยนความรู้สึกไปตลอดกาล

By: Synthkid August 9, 2019

ทุกบทเพลงที่ยอดเยี่ยมล้วนมีเรื่องราวอยู่ในเบื้องลึกเบื้องหลัง บางเพลงฟังแล้วสามารถเข้าใจสิ่งที่ผู้แต่งจะสื่อได้ในทันที ส่วนบางเพลงก็อาจจะต้องอาศัยการตีความหรือค้นหาข้อมูลเพิ่มกันอีกสักนิดนึง หลาย ๆ เพลงจากศิลปินดังจะเรียกว่า ‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’ ก็ย่อมได้ บางเพลงฟังเผิน ๆ ทำนองสนุกดี แต่จริง ๆ แต่งมาจากเรื่องราวสุดสะพรึง หรือบางเพลงฟังแล้วโรแมนติก แต่ที่มาที่ไปชวนน้ำตาไหลกว่าที่คิด

วันนี้เราเลยจะหยิบยกเรื่องราวที่น่าสนใจของเพลงเหล่านี้ มาบอกต่อหนุ่ม ๆ UNLOCKMEN ทุกคน เผื่อตอนเปิดฟังครั้งหน้า ความรู้สึกของคุณอาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาลก็ได้ ใครจะรู้

 

1. One Way or Another – Blondie

Album: Parallel Lines

One Way or Another เป็นเพลงฮิตที่เชื่อว่าใครหลายคนก็เคยฟัง เพราะถูกนำไปประกอบหนัง ซีรีส์ และโฆษณามากมาย อีกทั้งยังมีเวอร์ชัน Cover เต็มไปหมด ใครจะไปเชื่อว่าเบื้องหลังเพลงฟังสนุกที่ร้องว่า “One way or another, I’m going to find ya I’m gonna get ya” นั้น Debbie Harry ฟรอนต์วูแมนของวงได้ออกมาเผยทีหลังว่า เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาจากประสบการณ์ที่เธอเกือบถูกลักพาตัวในช่วงยุคต้น 70

The Real Story: เช้าวันหนึ่งในขณะที่เธอเดินอยู่บนถนน มีรถคันหนึ่งขับมาเลียบตัวเธอ ชายคนขับรถเปิดกระจกลงมาเพื่ออาสาไปส่ง ซึ่งแน่นอนว่าเธอปฏิเสธเขาไปในทีแรก แต่เมื่อเธอเรียกแท็กซี่ไม่ได้สักคัน ทำให้เธอยอมขึ้นรถไปกับเขา ในที่สุด Debbie รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับชายคนนี้ และเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าภายในรถคันนั้นไม่มีที่เปิดประตูรถจากภายใน!

เธอรู้ในทันทีว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอจึงเปิดกระจกรถเพื่อยื่นแขนออกไปดึงประตูรถจากภายนอกให้เปิด (ถ้าเป็นสมัยนี้ทำไม่ได้แน่ ๆ เพราะที่นั่งคนขับมีระบบควบคุมกระจกรถทั้งคัน) ซึ่งคนขับรถก็พยายามห้ามเธอด้วยการบังคับรถให้หมุนคว้าง ปรากฏว่ามันช่วยให้เธอหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ภายหลัง Debbie Harry ได้เห็นชายคนนั้นอีกครั้งจากข่าวและพบว่าเขาคือ Ted Bundy ฆาตกรต่อเนื่องผู้โด่งดังในอเมริกาช่วงปี 70 นั่นเอง!

 

2. August 7, 4:15 – Jon Bon Jovi

Album: Destination Anywhere

Jon Bon Jovi เจ้าของฉายาสุภาพบุรุษแห่งวงการร็อกแอนด์โรลเคยแต่งเพลงสุดแสนสะเทือนใจเพลงหนึ่งที่ชื่อว่า August 7, 4:15 เพลงนี้ได้เล่าเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่หายตัวไป และถูกพบภายหลังว่าเสียชีวิตอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องอาศัยการตีความมากนัก “Tell me it was just a dream August 7, 4:15 God closed His eyes And the world got mean” (บอกผมทีว่านี่เป็นเพียงฝัน 7 สิงหาคม 4 โมง 15 นาที พระเจ้าทรงหลับตาลง และโลกใบนี้ช่างแสนโหดร้าย) ถึงทำนองจะเร่งเร้า แต่เนื้อเพลงเศร้าจวนเจียนขาดใจ และคงจะบาดลึกยิ่งขึ้นหากคุณได้ทราบเรื่องราวต่อไปนี้ เนื่องจากเพลงนี้ถูกแต่งมาจากเรื่องจริงของ Katherine Korzilius เด็กสาววัย 6 ขวบผู้เป็นลูกของ Paul Korzilius ผู้จัดการทัวร์ของ Jon Bon Jovi ในขณะนั้นนั่นเอง

The Real Story: เรื่องมันเกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งที่เด็กน้อย Katherine ขอให้แม่จอดรถปล่อยเธอลงที่ตู้จดหมายของหมู่บ้าน เพราะเธอมักจะเป็นคนอาสานำจดหมายกลับบ้านอยู่เสมอ เพื่อแวะเดินเล่นระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งตู้จดหมายกับบ้านเธอนั้น อยู่ห่างจากกันเพียง 4 หลังเท่านั้น ปรากฏว่าผ่านไปเป็นชั่วโมงเด็กน้อยก็ยังไม่กลับบ้าน แม่ของเธอเห็นว่าไม่ชอบมาพากล จึงขับรถตามหาลูกสาวรอบหมู่บ้านและเธอก็ต้องหัวใจแหลกสลาย เมื่อเธอพบร่างลูกสาวตัวเองนอนสิ้นลมหายใจอยู่บนฝั่งตรงข้ามทางที่ Katherine ใช้เดินกลับบ้านเป็นประจำทุกวัน

ตำรวจสันนิษฐานว่า Katherine อาจถูกลักพาตัวแล้วโยนลงจากรถ ส่วนทางฝ่ายพิสูจน์หลักฐานอ้างว่า Katherine ยังถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะด้วย จนทำให้แม่ของเธอเองตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย! แม้คดีจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1996 แต่ในปัจจุบันคดีนี้ก็ยังปิดไม่ลงเพราะหลักฐานไม่มากพอ ครอบครัว Korzilius ไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมจากใครได้เลยจนถึงทุกวันนี้ Jon Bon Jovi จึงนำเรื่องราวนี้มาแต่งเพลง เพื่ออุทิศให้แด่ Katherine Korzilius 7 สิงหาคม 4:15 นาฬิกา ในเพลงจึงน่าจะมาจากวันเวลาที่เธอเสียชีวิตลงนั่นเอง

 

3. Pictures of You – The Cure

Album: Disintegration

Pictures Of You ถูกใครหลายคนยกย่องให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดของ The Cure ก็ว่าได้ เพลงนี้เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่นั่งมองรูปคนรัก แล้วจึงได้ระลึกถึงคืนวันที่ดีเก่า จนเขาได้ทบทวนว่าตัวเองละเลยหรือหลงลืมอะไรไปบ้างในความสัมพันธ์นี้ “I’ve been looking so long at these pictures of you That I almost believe that they’re real” (ผมนั่งมองรูปคุณอยู่นานแสนนาน จนรูปนั้นแทบจะกลายเป็นจริงขึ้นมา) ลำพังเนื้อเพลงนี้ก็จัดว่าเป็นความหม่นผสมโรแมนติกที่ลงตัวมากอยู่แล้ว แต่หากคุณได้รู้ที่มาที่ไปที่ทำให้ Robert Smith ฟรอนต์แมนของวงแต่งเพลงนี้ขึ้นมา รับรองว่าอินมากขึ้นอย่างแน่นอน

The Real Story: เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นหลังจากที่บ้านของ Robert Smith เกิดเพลิงไหม้ เขาได้เข้าไปตรวจสอบความเสียหายและเก็บข้าวเครื่องใช้ในบ้านที่เหลือรอด ณ ตอนนั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับภาพถ่ายของ Mary Poole ภรรยาของเขาจำนวนมากอยู่ในซากปรักหักพัง Robert จึงย้อนรำลึกถึงความทรงจำดี ๆ และวันเวลาที่เขาเคยมีร่วมกับภรรยานั่นเอง อีกทั้ง Robert Smith ยังเคยเขียนที่มาของเพลงนี้เอาไว้ในอัลบั้ม Galore (อัลบั้มรวมเพลงฮิตของ The Cure) เอาไว้ว่า

“เพลงนี้ถูกอ้างอิงจากเรียงความของ Myra Poleo ที่ชื่อว่า The Dark Power of Ritual Pictures หลังจากผมได้อ่านมัน ผมทำลายรูปถ่ายที่มีตัวผมทุกรูป รวมถึงโฮมวิดีโอทุกชุดในบ้าน ผมพยายามจะลบล้างอดีตของตัวเอง ภายในวันนั้นเอง ผมก็ได้พบกับความผิดหวังอันแสนหนักหนา เพราะผมก็ยังเป็นตัวผมอยู่ดี!”

– Robert Smiths เขียนถึงเพลง Pictures Of You

แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็ดูออกว่า Myra Poleo คือคำที่ถูกสลับจากชื่อภรรยา Mary Poole และเรียงความเหล่านั้นก็ไม่มีอยู่จริง จนเมื่อปี 1985 Robert Smith ก็ออกมายอมรับด้วยตัวเองว่าเรื่องนี้เขาโกหก เนื่องจากวัน ๆ หนึ่งให้สัมภาษณ์สื่อเยอะมาก เลยแต่งเรื่องไว้อำคนแก้เบื่อไปงั้นแหละ (เป็นงั้นไป)

 

4. Panic – The Smiths

Single From Album: The World Won’t Listen

The Real Story: เป็นอีกหนึ่งเพลงที่แฟนเพลงไม่เข้าใจความหมายว่าทำไมต้องร้อง “Hang the DJ” (แขวนคอดีเจเสีย) ซ้ำไปซ้ำมา วันนี้เราจะมาแถลงไข เรื่องมันเกิดตอนที่ Morrissey (ฟรอนต์แมน) และ Johnny Marr (มือกีตาร์) นั่งฟังข่าว Chernobyl ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งรุนแรงที่สุดในโลกที่เกิดขึ้นในปี 1986 ผ่านวิทยุช่อง Newsbeat radio ด้วยกัน พอการรายงานข่าวจบลง คลื่นวิทยุก็ตัดเข้าเพลง I’m Your Man ของวง Wham! แบบฉับพลัน แน่นอนว่ามันทั้งขัดกับอารมณ์ และไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิตจากหายนะครั้งนั้นเลยสักนิด Jonny Marr ถึงกับพูดออกมาว่า “นี่มึงทำบ้าอะไรกับความเป็นความตายของผู้คนเนี่ย?” ด้วยเหตุนี้พวกเขาทั้งคู่จึงร่วมกันแต่งเพลง Panic ขึ้นมา เพื่ออุทิศแด่โศกนาฏกรรมในครั้งนั้น และด่าคลื่นวิทยุที่ไร้มารยาทไปด้วยในเพลงเดียว

 

5. Jeremy – Pearl Jam

Album: TEN

Jeremy ของ Pearl Jam ถูกสื่อหลายเจ้าและผู้คนมากมายยกย่องให้เป็นเพลงที่มีเนื้อหาและ Music Video ทรงพลังตลอดกาล เพราะแต่งมาจากเรื่องจริงแสนสลดของเด็กชายขี้อายอายุ 15 นามว่า Jeremy Delle ที่เคยเป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงหนึ่ง

The Real Story: Jeremy Delle เป็นเด็กชายพูดน้อยที่ดูเก็บกด แถมยังชอบทำหน้าเศร้าตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมักจะถูกเพื่อน ๆ กลั่นแกล้งอยู่เสมอ วันหนึ่ง Jeremy มาโรงเรียนสาย ครูของเขาจึงบอกให้เขาไปรายงานตัวที่ห้องปกครองเสีย ปรากฏว่าเขากลับมาอีกครั้งบนชั้นเรียนพร้อมปืนกระบอก Smith & Wesson .357 เขาเดินมาหยุดที่หน้าห้อง ในจุดที่เพื่อน ๆ ทุกคนจะมองเห็นเขาชัดที่สุดแล้วเอ่ยว่า “ครูครับ ผมเจอสิ่งที่ผมต้องการแล้ว” ทันใดนั้นเขาก็ยัดกระบอกปืนเข้าปาก แล้วลั่นไกปลิดชีวิตตัวเองต่อหน้าครูและเพื่อนกว่าอีก 30 ชีวิต เรื่องราวของเขาเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายคนจากรุ่นสู่รุ่น แต่ถึงกระนั้นการกลั่นแกล้ง (Bully) ในโรงเรียนมัธยมนั้น ก็ยังไม่เคยจางหายไปเลย…

นอกจาก 5 เพลงนี้แล้ว เราเชื่อว่ายังมีเพลงอีกมากมายที่มีเบื้องลึกเบื้องหลังน่าสนใจไม่แพ้เพลงเหล่านี้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในเสียงเพลง ว่าง ๆ ก็ลองค้นหาที่มาที่ไปของเพลงโปรดที่คุณชื่นชอบดู ไม่แน่เพลงที่คุณฟังแบบไม่คิดอะไรอยู่ทุกวัน อาจจะมีคุณค่ามากมายที่รอการค้นพบก็เป็นได้ครับ

 

Source: 1 / 2 / 3 / 4 / 5

 

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line