5 Facts ที่น้อยคนจะรู้เกี่ยวกับ Johnny Depp ผู้ชายอบอุ่นใจดีที่ทำให้ทุกคนหลงรัก

ในช่วงเวลานี้ คงไม่มีอะไรที่ Talk of the Town มากไปกว่าการไต่สวนคดีที่ดังกระฉ่อนโลกระหว่าง Johnny Depp ที่ถูกอดีตคู่รัก Amber Heard นักแสดงสาวฟ้องหย่า พร้อมกับแฉพฤติกรรมแย่ๆในความสัมพันธ์ของทั้งสอง ที่ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปี 2017

ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่ Depp ต้องผจญความทรมานมิใช่น้อย จากที่เขาสูญเสียโอกาสทางการงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการโดนถอดออกจากบทบาทการแสดงในหนังหลายต่อหลายเรื่อง รวมไปถึงการเป็นจำเลยทางสังคมที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายไปโดยปริยาย

จนถึงตอนนี้ ที่ใกล้จะถึงข้อสรุปกันแล้ว และดูเหมือนยิ่งนานวัน ดูเหมือนสังคมจะเริ่มตีกลับ ทั้งเข้าใจและเห็นใจในตัว Johnny Depp มากยิ่งขึ้น Unlockmen จึงขอเสนออีกด้านหนึ่งของตัวตนของเขาที่คุณอาจจะไม่รู้มาก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่า ผู้ชายคนนี้ยังคงจะเป็นที่รักของคนดูหนังอยู่หรือไม่

จากครอบครัวที่แตกแยกและรุนแรง ที่ทดแทนด้วยความรัก 

ด.ช. Johnny Depp หรือในชื่อเต็มของเขา John Christopher Depp II แม้ว่าตระกูลของเขาจะเกี่ยวดองกับราชวงศ์อังกฤษในฐานะลูกพี่ลูกน้องคนที่ 20 ของ Queen Elizabeth ที่ 2 แต่ครอบครัวของเขาก็หาได้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นไม่ เขาต้องเจ็บปวดทางใจกับการเห็นพ่อและแม่ทะเลาะกันตั้งแต่เด็กจนนำไปสู่การหย่าร้าง และต้องเจ็บปวดทางใจเมื่อผู้เป็นแม่ใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์อยู่เสมอ

‘ในบ้านของเรา เราไม่เคยรู้จักกับความปลอดภัยหรือความรักใดๆ เลย สิ่งเดียวที่ต้องทำคืออยู่ให้ห่างจากกองไฟ เพราะไม่รู้ว่าแม่ของเรานั้นอารมณ์จะแปรปรวนขึ้นมาตอนไหน เธอสามารถจำทำสิ่งที่โหดร้ายกับพวกเราได้อยู่เสมอ’

ไม่เพียงแต่ความบอบช้ำทางกาย แต่ทางจิตใจ Depp ก็โดนไม่ต่างกัน เมื่อเธอทั้งด่าและดูถูกเขาว่าจะเป็นคนไม่มีอนาคต และล้อเลียนเขาที่กระจกตาด้านซ้ายของเขามีปัญหาตั้งแต่กำเนิดด้วยการว่าเขาเป็นตาไก่อีกด้วย

แต่ถึงวัยเด็กจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังคงรักและดูแลแม่ของเขาเสมอ โดยเฉพาะพ่อของเขาที่แม้จะเลิกรา แต่ก็ยังไปมาหาสู่ครอบครัวอยู่เสมอ เขาเคยเอ่ยปากถามพ่อเขาว่า “ทำไมพ่อถึงไม่ยอมทิ้งแม่จริง ๆ จัง ๆ เสียที” พ่อของเขาได้แต่บอกว่า “เพราะแม่ของลูกนั้นโดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนดี” และนี่คือสิ่งที่เขายึดมั่นมาโดย จนมีชื่อเสียงโด่งดัง เขาก็ยังคงดูแลแม่ของเขาเสมอมา

รักและศรัทธาในความเป็นร็อคสตาร์ขั้นสุด

เราอาจจะรู้จักกับ Depp ในฐานะนักแสดงเจ้าบทบาท แต่จุดเริ่มต้นของการเข้างวงการบันเทิงอย่างแท้จริงของเขานั่นคือการตั้งวงดนตรีร็อค โดยตอนที่เขาเรียนไฮสคูลเขาตั้งวงดนตรีร็อคกับเพื่อนของเขา และทำมันอย่างจริงจังโดยยอมลาออกจากโรงเรียน (ซึ่งอาจารย์ใหญ่เป็นคนแนะนำให้เขาออกเองเพื่อออกตามหาความฝัน) จนเป็นเจ้าแห่งโปรเจกต์ที่ทำดนตรีร็อคอันหลากหลาย ภายใต้ชื่อ The Kids, Rock City Angels, Hollywood Vampires ไปจนถึงเป็นแขกรับเชิญเล่นให้กับวงดนตรีชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Oasis, Marilyn Manson, Ryan Adams, Patti Smith ไปจนถึง Aerosmith เลยทีเดียว

รวมไปถึงผลงานการแสดงในหลายๆเรื่อง เขาก็ฝากฝีมือทางดนตรีโดยเฉพาะการเล่นกีตาร์ให้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Chocolate, Once Upon a Time in Mexico The Rum Diary, The Lone Ranger และ Into the Woods จึงถือเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีความสามารถอันหลากหลาย และมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในดนตรีร็อคอย่างสุดใจอีกด้วย

กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งโลกฮอลลีวู้ด

ตอนเริ่มต้นเข้าวงการ Depp ก็เล่นหนังในฐานะขวัญใจวัยรุ่นตามปกติ (ใครเลยจะรู้ว่าหนังเรื่องแรกของเขาคือการรับบทเป็นตัวประกอบในหนังนิ้วเขมือบ A Nightmare on Elm Street) แต่เมื่อเขาได้รับบทเป็นอมนุษย์สุดเหงามือกรรไกร ชีวิตของ Johnny Depp ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ด้วยฝีมือการแสดงที่สร้างจุดเด่นให้ฉายแสงได้อย่างชัดเจน Depp จึงเริ่มได้รับบทบาทที่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความแปลก ความแหวก และความเพี้ยนอยู่เต็มพิกัด และไม่เพียงเขารับบทเพี้ยนในจอเท่านั้น แต่เขายังพยายามเข้าถึงบทบาทการแสดง

เร่ิมจากความพยายามในการคว้าบทสุดเกรียน Jack Sparrow เขาถึงกับขอให้หมอฟันฝังฟันทองให้เต็มปาก เพื่อมัดใจผู้บริหารดิสนีย์ให้ตกลงรับเขาเล่นหนังเรื่องนี้ จนกลายเป็นคาแรคเตอร์ที่ติดตัวและเป็นเครื่องหมายการค้าของหนังชุด Pirates of the Caribbean ไปเลย

หรือความพยายามเข้าถึงบทบาทเจ้าพ่อในหนัง Black Mass ถึงขนาดไปคลุกวงในวงการอาชญากรรมใต้ดินเพื่อไปเจอตัวจริงของ James “Whitey” Bulger หัวหน้าแก๊ง โดยไปตื้ออยู่นานเพื่อให้ได้เจอตัวจริงเสียงจริงโดยไม่เกรงกลัวความอันตรายใดๆ

ดังนั้นไม่แปลกใจเลยว่า หากต้องการคาแรคเตอร์กวนๆ บุคลิกหลุดโลก ผู้กำกับส่วนใหญ่จะนึกถึงเขาเป็นคนแรก เพราะ Depp ถือได้ว่าเป็นดาราที่จ้าง 5 เล่นให้ 10 จ้างร้อย เล่นให้ล้าน ถือเป็นกิ่งก่าเปลี่ยนสีที่ตีบทบาทได้เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกฮอลลีวู้ดเลย

ไม่มี Cage ก็ไม่มี Depp 

แรกเริ่มเดิมที Depp ไม่ได้สนใจจะเป็นนักแสดงเลย เขาสนใจที่จะเล่นดนตรีมากกว่า จนกระทั่ง ภรรยาคนแรกของเขา Lori Allison ได้แนะนำให้เขารู้จักกับ Nicolas Cage ในช่วงยุค 80s และ Cage เห็นแววว่า Depp น่าจะไปได้ดีทางการแสดง เขาจึงพา Depp ไปทำความรู้จักกับเอเยนต์ของเขา จนในที่สุด Depp ก็ได้แสดงหนังครั้งแรกในหนังนิ้วเขมือบ A Nightmare on Elm Street นั่นเอง

และเมื่อ Depp ประสบความสำเร็จ เขาไม่เคยลืมก้าวแรกที่พาเขาเข้าสู่วงการบันเทิงเลย กระทั่งปี 2007 ที่ Cage มีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก Depp ก็พยายามที่จะติดต่อเพื่อช่วยเคลียร์หนี้ให้กับ Cage เพื่อแสดงความขอบคุณที่ช่วยเหลือเขา ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ไม่เคยลืมบุญคุณเลย แม้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม

เป็นที่รักของเด็กๆ

แม้ว่าคาแรคเตอร์ของ Depp จะเต็มไปด้วยความเพี้ยน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เขารักเด็กและทำกิจกรรมกับเด็กหลากหลายรูปแบบมากๆ มีเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวข้องกับตัวเขาและเด็กน้อย

ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่เขากำลังถ่ายทำหนังเรื่องหนึ่งที่รัฐวิสคอนซิล Jack Taylor เด็กหนุ่มวัย 12 ปี เฝ้าดูการถ่ายทำหนังอยู่ เห็น Depp สวมหมวก เด็กหนุ่มเดินไปบอก Depp ว่าหมวกสวยดี เขาจึงบอกเด็กว่า “ไว้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้จบเขาจะมอบหมวกใบนี้ให้” เด็กหนุ่มคิดว่า Depp พูดเล่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป Depp ก็ส่งหมวกใบนั้นให้จริงๆ พร้อมของที่ระลึกจากหนัง Charlie and the Chocolate Factory ชุดใหญ่

รวมไปถึงการแสดงสปิริต อันยอดเยี่ยม เมื่อเขาตัดสินใจมอบเงินทั้งหมดจำนวน 20 ล้านเหรียญที่เป็นค่าเหนื่อยในการแสดงหนังเรื่อง The Imaginarium of Doctor Parnassus ให้กับ Matilda Ledger ลูกสาวของ Heath Ledger ผู้ล่วงลับ ในหนังเรื่องสุดท้ายที่ Ledger ได้แสดง

และบริจาคเงิน 2 ล้านเหรียญให้กับโรงพยาบาล Great Ormond Street ในลอนดอน หลังจากที่โรงพยาบาลได้ทำการรักษา Lily-Rose Melody Depp ลูกสาวของเขา จากความทรมานของเชื้ออีโคไรที่ส่งผลให้ไตหยุดทำงานได้สำเร็จอีกด้วย

มาถึงตอนนี้ แน่นอนว่าใครผิดใครถูก คงต้องดูในชั้นศาล แต่ถ้าความอบอุ่นและความดีงามในอดีตของเขา ก็คงทำให้เราได้รู้กันว่าผู้ชายที่มักจะได้รับบทบาทสุดเพี้ยนคนนี้ ก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ที่อบอุ่นโอบอ้อมและน่ารักมาก ๆ คนหนึ่งเหมือนกัน