Entertainment

“FERNWEH” กะเทาะศัพท์เยอรมันผ่าน 5 หนังที่เล่าเรื่องความโหยหา ธรรมชาติ และการเดินทางไกล

By: unlockmen March 24, 2020

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ ทำให้ใครหลายคนวิตกจริตและใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุขไปตาม ๆ กัน ไหนจะต้องหมั่นขัดถูมือจนแทบถลอก ใส่หน้ากากอนามัยจนปวดใบหู หรือกักเก็บตัวอยู่ในบ้านหลายสิบวันอย่างหดหู่โดยที่ไม่ได้ออกไปไหน

ความรู้สึกที่ต้องหมกตัวอุดอู้อยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ทุกวี่วันไม่ได้ทำให้คุ้นชินแต่อย่างใด หากทำให้ผู้คนเริ่มโหยหาการออกไปข้างนอก การเดินทางไกล และอยากหนีห่างจากบ้านที่ผูกพันธนาการพวกเขาเอาไว้ในช่วงที่ไวรัสระบาดหนักเช่นนี้

แม้แต่ประเทศเยอรมนีที่ดูจะจัดการวิกฤติโคโรนาไวรัสครั้งนี้ได้ดีกว่าบ้านเราและนานาประเทศ ก็ไม่อาจละความรู้สึกโหยหาที่จะออกเดินทางไปไหนไกล ๆ ได้ แถมชาวเยอรมันยังรู้สึกว่าตนติดอยู่ในบ้านนานและอาจนานเกินไป

ยิ่งมาตรการกักตัวเข้มข้นรุนแรงมากเท่าไร ยิ่งทำให้ความปรารถนาที่จะออกไปไหนไกล ๆ ทวีขึ้นมากเท่านั้น พลังแห่งความโหยหาของชาวเยอรมันจึงเริ่มแทรกซึมไปในแทบทุกแคว้นของประเทศ จนคำศัพท์ “Fernweh” ซึ่งนิยามถึงความโหยหาที่จะเดินทางไกลถูกนำกลับมาพูดใหม่ในยุคนี้อีกครั้ง

ความโหยหาที่จะเดินทางไปให้ไกลสุดลูกหูลูกตา

Fernweh (แฟรน-เวฮ์) เป็นคำนามภาษาเยอรมันที่เคยปรากฏในหนังสือภาษาอังกฤษ ‘The Basis of Social Relation’ ของ Daniel Garrison Brinton ผู้เขียนอธิบายคำนี้ว่าเป็นความปรารถนาสุดลึกซึ้งหรือความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวอันเนื่องมาจากระยะทางไกล ในภาษาอังกฤษจึงถอดความหมายออกมาเป็น “Distance Sickening” หรือ “Far Woe”

ทว่า Christiane Alsop อธิบายถึง Fernweh ในบทความวิชาการเรื่อง Home and Away: Self-Reflexive Auto- / Ethnography ว่าคำนี้ไม่ใช่แค่ความปรารถนาที่จะออกไปท่องเที่ยวผจญภัยต่างแดนเท่านั้น หากเป็นเส้นขอบฟ้าที่ลดระดับลงมาใกล้ตัวเรามากเกินไป ทำให้เรารู้สึกอึดอัดราวถูกกักขังจองจำ และอยากหนีออกไปให้ไกลจากจุดเดิมที่เคยอยู่

en.wikipedia.org

Fernweh’ เอกลักษณ์ของยุคโรแมนติกช่วงศตวรรษที่ 19

หากย้อนไปในอดีตจะรู้ว่า Fernweh’ หรือ ‘Sehnsucht nach der Ferne’ เป็นแก่นแท้ของศิลปะยุคโรแมนติกช่วงศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1800-1900) ซึ่งเป็นยุคที่เกิดการเคลื่อนไหวทางศิลปะ วรรณกรรม และดนตรีในยุโรป

ผู้คนหาได้เชื่อเรื่องเหตุผลและระเบียบแบบแผนตามที่ยุคคลาสสิกเลื่อมใสศรัทธา แต่หันกลับมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ความรู้สึกอิสระ ปัจเจกบุคคล และการแสดงออกทางอารมณ์มากกว่า

บทกวีส่วนใหญ่จึงใช้ภาษาอ่อนหวานนุ่มนวล สรรเสริญความงดงามของธรรมชาติ และจินตนาการถึงโลกแห่งความฝัน ขณะที่งานศิลปะขับเน้นอารมณ์ความรู้สึกเมื่อได้ออกเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกล เดินทางเข้าไปในธรรมชาติ หรือสัมผัสดินแดนแห่งใหม่ที่ไม่เคยมีผู้ใดเหยียบมาก่อน

5 ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยธรรมชาติ การเดินทางไกล และความโหยหาอันทรงพลัง

ตลอดระยะเวลาที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้านยี่สิบสี่ชั่วโมงเช่นนี้ คงไม่แปลกถ้าความรู้สึกโหยหาที่จะไปไหนไกล ๆ รันโรมโจมตีชาวเยอรมันรวมทั้งชาวไทยอย่างเราเข้าอย่างจัง ถ้าจะให้แหกกฎออกไปเสี่ยงไวรัสข้างนอกก็คงไม่คุ้ม แต่จะให้ทนอยู่บ้านเฉย ๆ ก็คงไม่ได้

UNLOCKMEN เข้าใจความรู้สึกของหนุ่ม ๆ ที่อยากออกไปข้างนอกเต็มทน วันนี้เราเลยเลือก 5 ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความโหยหาในการทางเดินไกลมาฝากคุณ ขอใช้โอกาสนี้พาหนุ่ม ๆ ออกไปท่องเที่ยว ผ่อนคลายจิตใจ และสูดความสุขให้เต็มปอดระหว่างที่รอให้สถานการณ์โคโรนาไวรัสพ้นวิกฤต

Into the Wild (2007)

ผลงานการกำกับของ Sean Penn ที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของ Christopher McCandless ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวชายหนุ่มผู้กล้าหาญที่ยอมทิ้งข้าวของ ทรัพย์สมบัติ และชีวิตก่อนหน้าไว้เบื้องหลัง เพื่อเดินทางไปยังดินแดนที่ห่างไกล เขยิบใกล้ธรรมชาติ และค้นหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต

นอกจากภูมิทัศน์ที่น่าทึ่งของดินแดนภูเขาน้ำแข็งและธรรมชาติในรัฐอลาสก้า คุณยังได้เห็นสัตว์ป่าที่น่าตื่นเต้นและวิถีชีวิตแสนทุรกันดารของคนนอกเมือง ตลอดระยะเวลาเกือบ 150 นาทีนี้อาจทำให้คุณหลงรักธรรมชาติมากขึ้น หรือกระตุ้นให้นักผจญภัยหลายคนเดินตามรอย Christopher McCandless ผู้นี้และจัดทริปตามสถานที่ที่ปรากฏในภาพยนตร์ก็ได้

ชมภาพยนตร์ได้ที่: Netflix และ Amazon Prime Video

Lost in Translation (2003)

นักแสดงหนุ่มชาวเยอรมัน Bob Harris ต้องมาทำงานในกรุงโตเกียวและพักอยู่ในโรงแรมหรูเพียงลำพัง เขาไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเดียวดายที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียว คืนหนึ่งเขานอนไม่หลับจึงมานั่งจิบวิสกี้ที่บาร์ชั้น 52 ของโรงแรม แล้วชีวิตเหงา ๆ ของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อได้เจอกับ Charlotte

Charlotte เป็นหญิงสาวเยอรมันที่ไม่เพียงพูดภาษาเดียวกันกับเขา แต่เธอดันรู้สึกเหมือนกำลังหลงทางในเมืองใหญ่แห่งนี้ไม่ต่างจาก Bob Harris ตั้งแต่พวกเขาทั้งคู่เจอกันความสัมพันธ์และการเดินทางครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นในต่างแดน

นอกจาก Lost in Translation จะเป็นภาพยนตร์เรื่องดังของ Sofia Coppola ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่ไปพักโรงแรม Park Hyatt Tokyo และนั่งชมวิวที่บาร์ชั้น 52 เหมือนฉากในหนัง ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณอยากเดินทางไปเมืองใหญ่อันไกลโพ้นที่ไร้ซึ่งคนรู้จัก

ชมภาพยนตร์ได้ที่: Netflix และ Amazon Prime Video

Expedition Happiness (2017)

ภาพยนตร์สารคดีของ Felix Starck ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และออกเดินทางกับแฟนสาวพร้อมหมาของเขาด้วยรถโรงเรียนคันเก่า ๆ พวกเขาเดินทางจากรัฐอลาสก้าที่อยู่เหนือสุดของอเมริกาไปยังเม็กซิโก

การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หลายคนคิด Felix Starck ต้องดัดแปลงรถโรงเรียนให้กลายเป็นรถบ้าน ต้องต่อสู้กับอุณหภูมิติดลบ และเหตุไม่คาดฝันอีกมากมาย แม้กระนั้นตลอดสองข้างทางก็เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทั้งภูเขาน้ำแข็ง แม่น้ำ และท้องทะเล คุณจะได้ชมความงดงามของธรรมชาติอีกมากที่ซ่อนอยู่บนโลกใบนี้จาก Expedition Happiness เรื่องนี้

ชมภาพยนตร์ได้ที่: Netflix และ Amazon Prime Video

Outlaw King (2018)

ภาพยนตร์แอ็กชันดราม่าอ้างอิงประวัติศาสตร์ที่เล่าถึงมหากาพย์การต่อสู้ของสกอตแลนด์กับอังกฤษ เมื่อ Robert the Bruce กษัตริย์สกอตแลนด์ช่วงศตวรรษที่ 14 เปิดสงครามกองโจรต่อต้านอำนาจของประเทศแม่อย่างอังกฤษ

ฉากสู้รบฟาดฟันกันอย่างดุเดือดของทัพทหารนับพันที่ว่าอลังการ ยังต้องหลีกทางให้กับฉากธรรมชาติแสนงดงามในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งภูมิประเทศ ภูเขา และชายหาดของสกอตแลนด์ที่น้อยคนจะได้เห็น บอกเลยว่านอกจากวิสกี้ ประเทศแห่งนี้ยังมีธรรมชาติเจ๋ง ๆ ที่ไม่เป็นสองรองใครเลย

ชมภาพยนตร์ได้ที่: Netflix

The Secret Life of Walter Mitty (2013)

บางครั้งสิ่งดี ๆ ที่ได้จากการเดินทางไกล ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้เท่านั้น เพราะระหว่างการเดินทางก็ให้อะไรกับเราได้เหมือนกัน และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถ่ายทอดความโหยหาที่จะเดินทางไกลออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

The Secret Life of Walter Mitty เป็นผลงานการกำกับของ Ben Stiller เล่าเรื่องราวของพนักงานออฟฟิศ Walter Mitty ที่ออกเดินทางไปยังไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์ และเทือกเขาหิมาลัย เพียงเพื่อค้นหาช่างภาพลึกลับและแผ่นฟิล์มที่หายไป

ไม่รู้ว่าเขาจะเจอกับคนหรือของที่ตามหาหรือไม่ แต่การเดินทางไกลครั้งนี้ทำให้ชีวิตพนักงานที่น่าเบื่อจำเจของเขาเปลี่ยนไป กระโดดออกจากคอมฟอร์ตโซน และมุ่งหน้าสู่โลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

ชมภาพยนตร์ได้ที่: Netflix และ Amazon Prime Video

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่ได้ลอยตัวอย่างไรจุดหมายในท้องทะเล ยืนชมพระอาทิตย์​ตกจากยอดเขาสูง หรือชะโงกหัวออกไปมองวิวบนดาดฟ้าของโรงแรม แต่ความรู้สึกนั้นคงไม่ต่างอะไรจากฉากในภาพยนตร์เรื่องใดเรื่องหนึ่งในนี้

เราหวังว่าการรับชมภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความโหยหาและการเดินทางไกลทั้ง 5 เรื่อง จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเตรียมเก็บกระเป๋าเดินทาง หนีห่างจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่รอคุณอยู่ (หลังจากจบปัญหากับโคโรนาไวรัส)

 

COVER SOURCE , SOURCES: 12

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line