Girls

SHE’S THE ONE: 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าสาวที่คุณเดทอยู่คือคนที่ใช่ แบบนี้ต้องอย่าปล่อยให้หลุดมือ!

By: PEERAWIT March 26, 2018

ต่อให้ผู้ชายอย่างเราจะเป็น ‘นักล่า’ ผู้ชำนาญการ จะเป็น ‘เสือ’ ที่กินดุ หรือจะเป็น ‘คนเจ้าชู้’ เลเวลไหน สุดท้ายเราก็พร้อมจะหยุดทันทีที่เจอคนที่ ‘ใช่’ และอยากจะใช้ชีวิตกับเธอคนนั้นจนวันสุดท้าย แต่ปัญหาก็คือเรามักจะไม่ค่อยรู้ว่าความใช่คืออะไรในแบบรูปธรรม บ้างก็เชื่อว่าคือลักษณะภายนอกที่ตรงสเปค นิสัยดี หรือใช้ความรู้สึกล้วน ๆ ในการตัดสินใจ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เราอยากให้ลองคิดดี ๆ ก่อน เพราะการจะอยู่กับใครคนเดียวทั้งชีวิตมันต้องดูทั้งตัวเขาและตัวเราว่าจะไปกันได้จริงไหม

โดยจากข้อมูลโครงสร้างครัวเรือน อัตราการจดทะเบียนสมรสและอัตราการจดทะเบียนการหย่า ปี พ.ศ. 2523 – 2558 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2556 มีอัตราการหย่าร้างประมาณ 5.3 คู่ต่อกันครัวเรือน, ปี 2557 ราว 5.4 คู่ต่อพันครัวเรือน และ ปี 2558 เพิ่มเป็นประมาณ 5.7 คู่ต่อพันครัวเรือน ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมาตัวเลขก็ไม่ต่ำกว่า 5 คู่ต่อพันครัวเรือนอีกเลย จากข้อมูลที่ดังกล่าวที่ได้รับก็ทำให้เราพอจะสรุปได้คร่าว ๆ ได้ว่าอัตราการแยกทางกันของคู่สมรสในไทยค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดในทุก ๆ ปี และมันไม่น่ายินดีเลย

ด้วยความที่ทีมงาน UNLOCKMEN ไม่อยากให้เกิดเรื่องเศร้าเช่นนี้กับใครอีก เลยขอมีส่วนช่วยในการแนะนำวิธีการดูว่าสาวที่คุณเดทอยู่ คบอยู่ หรือเป็นแฟนอยู่ ว่ามีสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอคือคนที่ใช่สำหรับการเป็นภรรยาของคุณในอนาคตหรือไม่อย่างเป็นรูปธรรม ก่อนจะทุ่มเทใจแบบ “โลกทั้งใบให้เธอคนเดียว”

 

ความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาตั้งแต่เริ่มจีบกัน

ม่มีอะไรจะดีไปกว่าความราบรื่นตั้งแต่แรกพบ ถ้าคุณกับเธอรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างเป็นธรรมชาติตั้งแต่การเจอกันครั้งแรก คุยกันถูกคอ ออกไปเดทกันก็รู้สึกไหลลื่น คบเป็นแฟนกันก็สมูธ แม้จะมีปัญหากันบ้างแต่ก็เคลียร์ได้แบบไร้กังวล หรือถ้าคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคุณกับเธอนั้นเป็นไปด้วยดีแม้ไม่ต้องมานิยามกันว่าเราคบกันแบบไหน แบบนี้ก็เข้าข่ายใช่แล้วครับ

ในทางตรงกันข้าม บางคู่ก็คบ ๆ เลิก ๆ กันหลายรอบ มีวงจรความสัมพันธ์แบบ ทะเลาะ-เลิก-ง้อ-คบ วนไป แบบนี้คงต้องพิจารณาดี ๆ ว่าชีวิตคู่จะวน loop แบบนี้ต่อไปอีกนานไหม จิตใจคุณกับเธอจะไหวมั้ย กับการเตรียมใจพบกับความไม่แน่นอนนี้

เอาเป็นหากโดยรวมแล้วคุณเธอรู้สึกเป็นธรรมชาติในการคบกันแม้จะเจออุปสรรคหรือความเห็นไม่ตรงกันบ้างก็ควรจะหยุดตรงนี้ที่เธอแล้วครับ

 

เธอเข้ากันได้ดีกับครอบครัวและเพื่อนของคุณ

การเข้ากันไม่ได้ระหว่างแฟนคุณกับครอบครัวและมิตรสหายของคุณมันคือปัญหาระดับจักรวาลก็ว่าได้

ก่อนอื่นต้องบอกว่าทฤษฎีนี้ในทางปฏิบัติอาจจะมีบ้างที่บางคนอาจไม่ถูกชะตาหรืออคติกับคนรักของคุณก็ได้ แต่ถ้ามองกันในภาพรวมหากแฟนคุณไม่สามารถจูนเข้าครอบครัวและบรรดาเพื่อน ๆ ของคุณได้ แบบนี้ก็ควรพิจารณาหน่อย อย่าลืมว่าครอบครัวนั้นเลี้ยงดูเรามา หล่อหลอมเราให้เป็นเราในวันนี้ ส่วนเพื่อน ๆ ของคุณก็คือความผูกพันธ์ที่แนบแน่นที่สุดแม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ถ้าเธอไม่ชอบคนรอบข้างในชีวิตคุณ หรือคนรอบข้างคุณไม่ปลื้มเธอก็ดูจะเป็นงานยากละสำหรับอนาคต

เวลาเรารักมันก็รักแหละครับ ดั่งประโยคสุดคลาสสิคที่ว่า “ความรักทำให้ตาบอด” ซึ่งในที่นี่เราขอเพิ่มเติมเป็น “ความรักทำให้หูหนวกตาบอด” เพราะเวลาที่เราหลง เราจะมองเห็นอะไรดีงามไปหมด มองไม่เห็นความจริง และไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้าง จริงอยู่ว่าความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน เราไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเลิกกับแฟนเพียงเพราะเหตุผลที่ว่าเข้ากับคนรอบข้างของคุณไม่ได้ แต่ก็ต้องรับฟังเสียงของคนรอบข้างที่รักคุณบ้าง

ถ้าเธอแฮปปี้ที่จะเจอครอบครัวคุณ หรือร่วมวงแฮงเอาท์กับเพื่อน ๆ คุณได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่คนรอบข้างของคุณก็มีฟีดแบคดี ๆ กับเธอ แบบนี้มีแนวโน้มที่ดีในระยะยาวครับ ใช่เลย

 

ไม่สูญเสียตัวตนทั้งคู่

การมีคู่ที่ใช่มันควรจะ “เป็นตัวของตัวเองในขณะที่ใจเป็นของอีกคน” 

ในความเป็นจริงคนเราไม่เหมือนกันหรอกครับ มันต้องมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ถ้าคุณรู้สึกว่ามีตัวตนบางอย่างของเธอที่คุณอยากจะให้เปลี่ยนเหลือเกิน หรือตัวตนของคุณมันช่างไม่ถูกใจเธอเสียเลย จนเป็นประเด็นที่ถูกยกขึ้นมางัดคำกันบ่อย ๆ แบบนี้คงต้องพิจารณาแล้วครับ

เวลาที่สมองของเราเต็มไปด้วยสารเคมีแห่งความรักแบบข้าวใหม่ปลามัน เรามักจะมองข้ามข้อเสียของอีกคนไป แต่พอหลังจากนั้นปีสองปี เวลาที่สารเคมีดังกล่าวเริ่มลดปริมาณลง เข้าสู่ภาวะการใช้จิตวิญญาณร่วมกัน หากถึงจุดนี้แล้วคุณอยากเปลี่ยนเธอ หรือเธออยากเปลี่ยนคุณจากการมองเห็นอะไรบางอย่างลึก ๆ ที่ทำให้รับไม่ได้ แบบนี้อาจต้องปล่อยให้ทั้งคู่ได้ก้าวต่อไปในทางอื่น ดีกว่าการที่คุณและเธอจะต้องมาเสียเวลากับรักที่ไม่ใช่

ดังนั้นถ้าคุณและเธอสามารถเป็นตัวของตัวเอง ยอมรับข้อเสียซึ่งกันและกันได้ อะไรที่ไม่ถูกใจก็สามารถปรับกันได้อย่างไม่ลำบากใจ แบบนี้ก็น่าจะใช่แล้วครับ

 

เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุด

เสน่ห์ทางกายและเคมีที่ตรงกันเป็นสิ่งสำคัญของความสัมพันธ์ แต่แก่นของการคบกันควรจะมีมิตรภาพที่หยั่งรากลึก

สังขารย่อมไม่เที่ยงครับ พอคุณและแฟนอายุมากขึ้นเสน่ห์ทางกายก็จะลดลงไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่เสมอและมีส่วนสำคัญในความยั่งยืนนี้คือมิตรภาพความเป็นเพื่อนคู่ชีวิต

ถ้าคุณรู้สึกว่าแฟนของคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกนี้ ก็พอจะพิสูจน์ได้ว่าเธอคือคนที่ใช่ ลองถามตัวเองดูว่าอยากอยู่กับเธอตลอดเวลามั้ย ? การมีเธออยู่ด้วยในทุกกิจกรรมทำให้คุณแฮปปี้ขึ้นมั้ย ? คุณรู้สึกอยากบอกทุกเรื่องให้เธอฟังมั้ย ? เธอรู้จักคุณดีกว่าคนอื่นในโลกนี้หรือไม่ ?

ถ้าคำตอบคือ ‘ใช่’ ก็ใช่ครับ

 

คุณรู้สึกไม่ลังเลถ้าจะต้องแต่งงานกับเธอ

การจะอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งชีวิตเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และใหญ่ยิ่ง

ลองจินตนาการตามนี้ดู: คุณกำลังวางแผนเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงาน > คุณทำตามแผนนี้และได้รับคำตอบว่า “แต่งค่ะ” > คุณพาพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ไปสู่ขอที่บ้านว่าที่เจ้าสาว > คุณกับเธอพากันไปลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว > ถ่ายภาพ pre wedding > แจกการ์ด > เตรียมงานแต่ง > จูงมือกันเดินเข้างาน > กล่าวคำมั่นสัญญาต่อพยานทุกคนในงาน > after party > นับซอง (อันนี้แล้วแต่) > ใช้ชีวิตคู่

แม้ที่ให้ลองจินตนาการอาจจะดูฝันเฟื่องไปก่อนไข้บ้าง แต่ถ้าเห็นภาพพวกนี้ชัดเจนและรู้สึกดีมีความสุข แสดงว่าคนนี้น่าจะใช่เลย

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้บอกว่าคุณควรกังวลล่วงหน้านะ แต่ถ้าคุณมองภาพอนาคตของคุณและเธอไม่ชัดเจนหรือไม่เห็นเลย อาจจะต้องพักความรักของคุณและเธอไว้เท่านี้ ดีกว่าต้องแยกทางกันหลังวิวาห์

 

แม้ว่าทั้ง 5 ข้อที่เรายกตัวอย่างมาอาจจะไม่สามารถฟันธงว่าสาวข้าง ๆ คุณคือเนื้อคู่ของคุณได้ 100% แต่ก็เป็นแนวทางรูปธรรมที่ทำให้เราสามารถหาคำตอบได้แบบไม่ยากเย็น ที่เหลือก็คงต้องถามใจตัวเองและแฟนของคุณว่าอยากจะก้าวไปด้วยกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานไม่ได้หมายถึงแค่การหาคนที่คุณสามารถอยู่ด้วยได้ทั้งชีวิต แต่ยังเป็นการหาคนที่คุณขาดไม่ได้ในชีวิต

จนกว่าจะถึงวันสุดท้าย…

SOURCE

PEERAWIT
WRITER: PEERAWIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line