Entertainment

มีหรือไม่มีมีคู่ก็ดูได้ ‘รวม 8 ภาพยนตร์โรแมนติก’ ที่แทรกความเป็นจริงเรื่องความสัมพันธ์

By: myfifthday July 13, 2017

ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ แม้จะมีคนออกมาพูดถึงวิธีการครองรักให้ถึงฝั่งมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าวิธีการเหล่านั้นจะได้ผล เพราะความรักไม่มีสูตรตายตัวและไม่มีทางลัด นอกจากการทำความเข้าใจ เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันอยู่เสมอ ดังเช่นภาพยนตร์โรแมนติค 8 เรื่องนี้ที่ UNLOCKMEN ตั้งใจคัดมาให้เพื่อน ๆ ลองดูกันสักหน แม้อาจไม่ใช่หนังรักที่ดีที่สุด แต่หนังเหล่านี้จะแทรกบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ลองไปดูกัน

Love Actually (2003)

หนึ่งในภาพยนตร์รักโรแมนติกตลอดกาลที่มีเรื่องราวของหลายชีวิตและหลากหลายความสัมพันธ์ภายในเรื่อง แยกเป็นตอน ๆ

แนวความคิดในเรื่องที่เน้นเตือนว่าทุก ๆ คน มีโอกาสที่จะค้นหาความรัก ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ทำอะไร แค่เพียงอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมและช่วงเวลาอันเหมาะสม ทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะรักได้ แม้ความรักจะปะปนกับความสุขและความผิดหวังบ้างก็ตาม ซึ่งมันก็คือรสชาติของชีวิต

 

10 Things I Hate About You (1999)

การปรับตัวเข้าหากันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ควรทำในการรักษาความสัมพันธ์และชีวิตคู่ แต่ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนตัวของคุณเองเพื่อใครสักคน

เรื่องนี้มีแนวคิดที่จะบอกว่าอย่าเปลี่ยนตัวของคุณให้เป็นตามสิ่งที่ใครชอบหรืออยากได้เพื่อให้เขาคนนั้นมีความสุข เพราะมันจะไม่เป็นตัวของคุณเองสักนิด มันจะเป็นสุขแค่ครั้งคราว และการที่ใครจะรักคุณ เขาควรจะรักคุณในแบบที่คุณเป็น รักในข้อบกพร่องบางอย่างที่เป็นตัวคุณไปพร้อม ๆ กัน

 

About Time (2013)

หนังรักโรแมนติกสอดแทรกทุกบทเรียนไว้อยู่ภายในเรื่อง ไม่ว่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่แม้จะมีความสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อดีตได้ แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าทุก ๆ อย่างจะลงตัวง่ายดายไปซะหมด

ความรักที่มีตั้งแต่พี่น้อง สามีภรรยา ไปจนถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เล่าครบทุกช่วงของชีวิตที่พยายามให้เราเข้าถึงชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ที่มีทั้งทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ บอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แทรกบทเรียนและข้อคิดในความสัมพันธ์ไว้เพียบแบบไม่น่าเชื่อเลยแหละ

 

Bridget Jones’s Diary (2001)

ความรักบางครั้งก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป เราอาจต้องหลุมรักใครสักคนที่อาจไม่ได้ดีพร้อมอะไรสักอย่างก็เป็นไปได้

เรื่องราวของสาวที่หมดหวังในเรื่องของความรักแบบเข็ดไม่เอามันอีกแล้ว แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้พบกับเจ้านายเอาใจเก่ง กับหนุ่มนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ออกแนวเฉิ่ม ๆ มาให้เธอเลือก เป็นแนวคิดที่จะบอกเราว่าอย่าตัดสินคนจากภายนอก บางครั้งความเข้ากันได้ในเรื่องของความสัมพันธ์อาจเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่ารูปลักษณ์ก็ได้

 

500 Days of Summer (2009)

ในทุกความสัมพันธ์อาจมีจุดบอดจนถึงขั้นแตกหักแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว เรื่องราวชายหนุ่มที่มีความคิดโรแมนติค ได้พบเจอกับผู้หญิงที่เติมเต็มคำว่าใช่ให้กับชีวิต

ทุกอย่างที่เหมือนจะลงตัวราบรื่น กลับพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อแฟนสาวที่เขาคบมาบอกเลิก การเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องนึกทบทวนกลับไปถามตัวเองดูว่า ในระยะเวลา 500 วันที่พวกเขา “อยู่ด้วยกัน” มีสิ่งใดที่มันผิดพลาดไป ซึ่งการมองกลับไปในอดีตของตัวเองนั้น กลายเป็นบทเรียนอันมีค่าที่ทำให้ต้องพยายามเข้าใจ และยอมรับการตัดสินใจของเธอ

One Day (2011)

อีกหนึ่งหนังโรแมนติกที่สอนเราเกี่ยวกับความสำคัญของมิตรภาพ ที่บางครั้งคนสำคัญในนิยามคำว่าเพื่อนของคุณ อาจเป็นมากกว่านั้นก็ได้

มิตรภาพบวกความสัมพันธ์ที่มาในรูปแบบของคำว่าเพื่อน (สนิท) ที่รู้ทั้งข้อดีข้อเสียในตัวของคุณเป็นอย่างดี แต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่ข้าง ๆ และรักคุณไม่เปลี่ยนแปลง ลองมาดูหนังรูปแบบของความสัมพันธ์นี้ ก็ให้บทเรียนเรื่องของความรักได้หลายเรื่องเช่นกัน

Silver Linings Playbook (2012)

ในบางครั้งความสัมพันธ์มันก็ช่างยากลำบาก ทำให้เรารู้สึกว่าติดอยู่กับอะไรสักอย่างหนึ่งไม่มีทางหลุดพ้นจากตรงนี้ได้

เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นบ้าน, งาน และภรรยา  แถมต้องใช้เวลากว่าแปดเดือนในโรงพยาบาลจิตเวช จนวันหนึ่งเขาตั้งใจจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการไปขอคืนดีกับความสัมพันธ์เก่า แต่แล้วเรื่องราวก็เริ่มยุ่งเหยิงกว่าเดิม เมื่อเขาได้พบกับผู้หญิงหนึ่งคนที่มาพร้อมปัญหามากมายเช่นกัน กลับกลายมาเป็นความสัมพันธ์ไม่ทันตั้งตัว

แนวคิดเรื่องนี้กับการเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด รวมถึงการที่เราจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าคนที่เดินเข้ามาในชีวิตเราจะเป็นรูปแบบไหนบ้าง และการหยุดมองหาความรักและปล่อยความรักมันวิ่งตามเราบ้างก็ดีไม่น้อย

 

Begin Again (2014)

หนังรักโรแมนติกที่เป็นเพลงรัก กล่าวถึงพลังพิเศษของดนตรีที่จะนำพาชีวิตของคนสองคนที่หลงทางให้สมบูรณ์และลงตัวมากขึ้น

เรื่องราวความสัมพันธ์ของคนที่ทำงานในสายงานเดียวกัน และมีใครคนหนึ่งเกิดเดินนำหน้าอีกคนไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะชื่อเสียงและตัวตนที่เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้ความสัมพันธ์และรักจืดจางหรือเปล่า? เรื่องนี้ให้แนวคิดได้เป็นอย่างดีในเรื่องของการจะจับมือกันเดินผ่านไปสู่อนาคต หรือจบความสัมพันธ์แล้วเดินต่อไปสู่เป้าหมายของตัวเองเพียงลำพัง

One day (2011)

ก็อย่างที่เราพูดไปตอนต้นว่าเรื่องของความรักความสัมพันธ์มันไม่มีสูตรตายตัวในการสอน ว่าทำแบบนี้ดี แบบนี้สิจะไปรอด เพราะงั้นลองมองหาจุดบกพร่อง จุดลงตัวในแต่ละความสัมพันธ์ของตัวเองดูจะดีกว่า ลองหยิบหนังสักเรื่องสองเรื่องที่เราลิสต์ไว้มาเปิดดู รับรองได้บทเรียนดี ๆ ไปปรับใช้แน่นอนครับ

 

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line