Entertainment

“เพราะเวลาชีวิตที่เดินถอยหลัง จึงทำให้เราหาความหมาย” 8 วรรณกรรมที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของ ‘เวลา’ อีกครั้ง 

By: GEESUCH September 2, 2022

เข้าสู่กันยายนเดือน 9 กันแล้ว ก็นับถอยหลังใกล้เข้าสิ้นปีกันเข้าไปเรื่อย ๆ ทุกที เดี๋ยวกระพริบตาอีกครั้งเดียวปีนี้ก็จะหมดไป ใครที่ตั้ง Wish List ของปี 2022 กันเอาไว้ตั้งแต่ต้นปีแล้วยังทำไม่สำเร็จ ก็ต้องรีบเร่งมือกันหน่อยแล้วล่ะ แต่ในช่วงเวลาที่โลกยังปั่นป่วนแบบนี้ แค่ตั้งปณิธานให้ตัวเองมีความสุขในทุกวันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด   

เมื่อพูดถึง ‘เวลา’ เรามักยกเรื่อง ‘ความเสียดาย’ ขึ้นมาพูดคู่กันเสมอ เพราะคุณค่าของเวลานั้นสำคัญ และอยู่ที่การใช้อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดในแบบที่ตัวเองสบายใจจริง ๆ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 10 หนังสือที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของนาฬิกาชีวิตที่มีจำกัด ที่ขอรับรองเลยว่าอ่านแล้วไม่เสียดายเวลาอย่างแน่นอน 


The Last 10 Years สุดท้ายและตลอดไป (余命10年)
ผู้เขียน : Kosaka Ruka
สำนักพิมพ์ : Avocado Books

“ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองเหลือเวลาชีวิตอีกเพียง 10 ปี จะใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า ไม่ค้างคาเมื่อจากไป และมีความสุขได้ในทุกวัน”

นี่คือคำถามที่หนังสือ The Last 10 Years ตั้งให้กับผู้อ่าน ผ่านสถานการณ์ที่ทำให้เราร้องไห้ฟูมฟายด้วยเรื่องราวของ ‘มัตซึริ’ หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคซึ่งไม่มีทางรักษาหาย และกินเวลาชีวิตของเธอจนเหลืออีกเพียง 10 ปีก็จะหมดไป หัวใจที่แตกสลายทำให้เธอไม่เหลือความคาดหวังใดในชีวิตอีกแล้ว แต่ก็พยายามมีชีวิตแบบฝืนยิ้มสู้ต่อไปเพื่อไม่ให้คนรอบข้างต้องเสียใจ และเมื่อชีวิตที่ตัดสินใจว่าจะไม่รักใครอีก ได้พบเจอกับใครบางคนเข้า …  

สิ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้ขึ้นไปอยู่ชั้น Best Seller ทั้งในญี่ปุ่นและบ้านเรา และถูกพูดถึงความแง่งามของชีวิตในวงกว้าง คือการที่คุณ Kosaka Ruka ผู้เขียนวางให้ตัวละครหลัก ‘มัตซึริ’ มีชีวิตจำกัดอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี อันเป็นช่วงที่สำหรับใครหลายคนใช้เรียกว่า ‘ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น’ ไม่ว่าจะการค้นพบตัวเอง การได้ทดลองทำหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกายภาพและความคิดที่แข็งแรงเต็มเปี่ยม ที่สำคัญเลยคือเป็นช่วงเวลาที่ ‘ความรัก’ เบ่งบานได้มากที่สุดอีกด้วย แล้วทำให้ตัวละครคนนี้ต้องซึมซับความหมายของชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยระยะเวลา 10 ปี อาจจะเป็นช่วงเวลาที่พอหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าจะใช้มันอย่างไร   

The Last 10 Years ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน และเข้าฉายในบ้านเราเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่กระแสแรงจนทำให้คนดูร้องไห้หนักไม่แพ้ 2 นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง ‘นานะ โคมัตสึ’ และ ‘เคนทาโร่ ซาคากุจิ’  


เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น (Before the Coffee Gets Cold) 
ผู้เขียน : Toshikazu Kawaguchi
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์

“ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้” คำถามที่ในชีวิตจริงเราพูดกับตัวเองไม่รู้กี่ครั้ง และในคำถามเดียวกันก็ถูกนำไปใช้เป็นธีมหลักในโลกของหนังสือแบบนับจำนวนเล่มไม่หมด เราจึงขอชวนอ่านนิยายญี่ปุ่นที่พูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างหอมกรุ่นราวกับกลิ่นองกาแฟ

มีเรื่องราวแสนประหลาดลือกันว่า ‘ร้านกาแฟฟูนิคูลี ฟูนิคูลา’ สามารถพาคุณย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่ลูกค้าต้องการได้ ณ ช่วงขณะหนึ่ง แต่! กฎนั้นมีมากมาย และข้อที่สำคัญมากที่สุดข้อหนึ่งคือคุณไม่สามารถแก้ไขอดีตให้มีผลกับอนาคตได้เลย 

การอ่าน ‘เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น’ ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปสัมผัสกับรสขมปร่า ที่มาพร้อมกับความหอมกลุ่นของกาแฟ ที่ท้าทายความรู้สึกของเราที่ว่าหากสามารถย้อนเวลากลับไปเจอคนที่รักได้ แต่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย เราจะยอมเจ็บปวดเพื่อไปเจอใครบางคน หรือปล่อยเขาเอาไว้เป็นความทรงจำก็พอ


แผลลึกหัวใจสลาย (Never Let Me Go)
ผู้เขียน : Kazuo Ishiguro
สำนักพิมพ์ : Earnest

วรรณกรรมดิสโทเปียผลงานของ Kazuo Ishiguro นักเขียนรางวัล Nobel Prize สาขาวรรณกรรม ปี 2017 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักเรียน 3 คน ที่เติบโตมาด้วยกันในโรงเรียนเฮลแชม สถานที่ซึ่งซ่อนความลับดำมืดเอาไว้มากมาย โดยนักเรียนจะได้รัรู้เรื่องราวนี้เมื่อตัวเองเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เล่าผ่านความทรงจำของ ‘แคธี เอช.’ หญิงสาวผู้ได้รับหน้าที่พิเศษบางอย่าง

ความเปราะบางของมนุษย์ สามารถทดสอบได้ด้วยความรัก มิตรภาพ และระยะเวลาชีวิตที่มีจำกัด สิ่งที่ Never Let Me Go ทำคือการโยน 3 ตัวละครแล้วท้าทาย ‘ความเปราะบาง’ ด้วยความสัมพันธ์ที่ประกอบด้วยปัจจัยในข้างต้น อย่างลึกซึ้งที่สุด เจ็บปวดที่สุด จนหัวใจหนาวเหน็บอย่างที่ไม่เคยมาก่อน และทำให้เราเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าแล้วรึยัง?


ร้านมหัศจรรย์สำหรับคนไม่หยุดฝัน (Dallergut Dream Store)
ผู้เขียน : อีมีเย
สำนักพิมพ์ : Bibli 

‘ดัลเลอร์กู้ท’ ห้างสรรพสินค้าแห่งความฝัน ที่นี่คุณจะสามารถเลือกซื้อความฝันและเป็นทุกอย่างได้อย่างที่ตัวเองต้องการ แม้ว่าตอนตื่นจะไม่สามารถจำอะไรได้เลยมันก็คุ้ม … ‘เพนี’ พนักงานขายความฝันหน้าใหม่วัยยี่สิบต้น ๆ ผู้ต้องเรียนรู้งานมากมาย และต้องคอยรับมือกับสารพันปัญหากับลูกค้า ทั้งหลานชายที่อยากฝันถึงคุณย่าผู้ล่วงลับสักครั้ง, ชายวัยสามสิบปีที่ฝันว่าอยากใช้ชีวิตเป็นคนอื่น เป็นจนถึงความฝันของสุนัขแก่ที่อยากเดินเล่นกับเจ้าของอย่างมีความสุข

แม้ว่า ‘ความฝัน’ จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนเราตอนหลับอย่างแรนดอม มาบ้างไม่มาบ้าง ฝันดีและร้ายสลับกันบ้าง แต่แทบทุกคนก็ยังรอคอยที่จะได้ฝันอย่างมีความสุขอยู่เสมอ และในหนังสือของผู้เขียนชาวเกาหลี ‘อีมีเย’ ก็เลยเขียนถึงสิ่งที่อยู่แทนใจผู้คนออกมาว่าถ้าเราเลือกที่จะฝันดีได้ตลอดล่ะ ถึงมันจะมีจำกัดและจำอะไรไม่ได้เลยในตอนตื่น เราก็ยังคงเลือกใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงไปกับมันอยู่ดีใช่มั้ย เพราะชีวิตจริงคงไม่มีทางดีไปกว่าในนั้นแน่นอน


คลั่ง ขัง ฆ่า (Misery)
ผู้เขียน : Stephen King
สำนักพิมพ์ : แพรวสำนักพิมพ์ 

“Deadline Is Faster Than Karma” คำคมชีวิตคนทำงานที่เรายกมาจาก Salmon House Production สามารถนำมาใช้นิยามหนังสือเล่มดังของราชานิยายสยองขวัญ ‘สตีเวน คิง’ เรื่องนีได้เลย และ Dead ในที่นี้ก็ไม่ใช่คำอุปมาแต่อย่างไร

ด้วยความโชคร้ายสุดแสนสาหัส ณ คืนหนึ่งระหว่างขับรถฝ่าพายุหิมะที่ตกอย่างหนัก ‘พอล เชลดอน’ นักเขียนรุ่นใหญ่ผู้ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ผลงาน ชื่อเสียง และเงินทอง ด้วยนิยายชุด Misery ประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์ในภูเขาอันห่างไกล พร้อมกับตื่นขึ้นมาอยู่ในบ้านของ ‘แอนนี่ วิลค์ส’ แฟนคลับหนังสือเดนตาย เธอช่วยพอลเพราะต้องการขังพร้อมกับบังคับให้เขาเขียนเรื่อง Misery ต่อ และแก้ตอนจบให้เป็นแบบที่เธอชอบ ทำให้เสร็จให้ถูกใจไม่งั้นตาย!

เจอลูกค้าบรีฟเหมือนจับมือทำแบบแอนนี่ ฝั่งคนทำงานคงลำบากใจน่าดู เฮ้ออ (ตัดพ้อทำไม) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเล่มนี้คือเวลาทุกนาทีมีค่า งานบางอย่างแม้ว่าจะไม่อยากทำแต่มันก็ช่วยต่อชีวิตให้เรายังอยู่ต่อเพื่อสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เพราะฉะนั้นมาทำงาน ทำงาน ทำงานให้เสร็จตาม Deadline กันเถอะ  


ยังไงฉันก็จะเลิกงานตรงเวลาค่ะ (I Will Not Work Overtime)
ผู้เขียน : อาเกโนะ คาเอรุโกะ
สำนักพิมพ์ : Bibli 

ประเทศแห่งคอนเทนต์อย่างญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะประเด็นเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็สามารถเอามาเขียนเป็นหนังสือได้ (แถมทำได้ดีด้วย) อีกเล่มประเด็นน่าสนใจที่เราอยากชวนทุกคนอ่านคือเรื่อง I Will Not Work Overtime ที่ถูกนำไปทำเป็นซีรีส์กระแสดีมาแล้ว

แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสังคมทำงานญี่ปุ่นการทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ ‘ฮิงาชิยามะ ยุย’ ก็ขอตั้งปณิธานให้กับตัวเองว่าจะกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน เพราะว่าเธอมีอดีตฝังใจเกี่ยวกับพ่อผู้บ้างาน และด้วยบริษัทที่ดีด้วยสภาพแวดล้อมซึ่งมีแต่คนเก่ง ทำให้ช่วงแรกยุยสามารถทำตามสิ่งที่ตั้งใจได้ แต่เมื่อการมาถึงของ ‘ฟุคุนางะ เซจิ’ ผู้จัดการประวัติเสียนใหม่เข้ามาคุมงาน ยุยจึงต้องต่อสู้ยิ่งกว่าครั้งไหนเพื่อที่จะได้กลับบ้านตรงเวลา

คุณ ‘อาเกโนะ คาเอรุโกะ’ ผู้เขียนเป็นอีกกระบอกเสียงที่ทำให้เราไม่รู้สึกผิดเมื่อต้องกลับบ้านตรงเวลา ถ้าทำงานเสร็จตามกำหนดการทุกอย่าง และไม่ควรทำงานล่วงเวลาถ้าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น พร้อมกับแชร์ประสบการฮีลใจพนักงานออฟฟิศทุกคนด้วยถ้อยคำง่าย ๆ ว่า “หาเวลาพักผ่อนบ้างนะ” ที่มาพร้อมกับภาพของเครื่องดื่มเย็น ๆ ชำระล้างความเหนื่อยในทุกวัน  


ตราฝังตรึง (Atonement) 
ผู้เขียน : Ian McEwan 
สำนักพิมพ์ : Lighthouse Publishing 

Atonement เป็นวรรณกรรมที่น่าสนใจมากในแง่ของการเล่าเรื่องผ่าน ‘นักเขียน’ ที่เขียนหนังสือเล่มซึ่งเรากำลังอ่านกันอยู่นี้ เพื่อต้องการจะไถ่บาปให้กับสิ่งผิดพลาดในวัยเยาว์ ที่ตัวเองไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ และเรื่องราวก็เลวร้ายเกินกว่าที่จะให้อภัยได้จริง ๆ 

บทเรียนที่เราได้รับจาก Atonement คือการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะช่วงเวลาที่เราตัดสินใจทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจตรงนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตของใครอีกคนไปตลอดกาลได้เลย 


ผมสืบคดีฆาตกรรมในวันสิ้นโลก (Look up at God’s Dice) 
ผู้เขียน : ชิเน็น มิกิโตะ
สำนักพิมพ์ : Fuurin

เมื่อคนที่รักที่สุดในชีวิตอย่างพี่ชายถูกฆาตกรรม และตำรวจที่สืบคดีก็กำลังวุ่นวายกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่กำลังปั่นป่วนก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เพราะอีกเพียง 5 วัน ดาวเคราะห์น้อยมฤตยู ‘ไดซ์’ ก็จะพุ่งชนโลกแล้วทุกคนก็จะตายกันหมด ถึงแม้หลาย ๆ คนจะบอกว่าการมีชีวิตเพื่อแก้แค้นในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย แต่เขาก็จะทวงความยุติธรรมคืนอยู่ดี

ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยทางแยกมากมายที่ต้องเลือกตลอดชีวิต เหมือนกับที่ตัวละครในนิยายสืบสวนเรื่องนี้ก็ต้องเลือกว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออีกเพียง 5 วันไปกับอะไร เป็นหนังสืออีกเล่มที่ให้เรามองความหมายในชีวิตของตัวเองอย่างตั้งใจอีกครั้ง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองเหลือเวลาในชีวิตอีกมากเท่าไหร่

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line