Life

LEAVE YOUR PHONE ALONE: วิธีลดการเสพติดสมาร์ทโฟน ก่อนที่สาว ๆ จะหลุดมือเพราะมือถือของคุณ

By: PEERAWIT May 2, 2018

ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนมีบทบาทกับทุกคนและผู้ชายอย่างเรา ๆ มากมายราวกับเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายหรือปัจจัยที่ 5 ของการดำรงค์ชีวิต ทั้งใช้เพื่อเลื่อนดู feed บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก แชทติดต่อทั้งเรื่องการและหยอดคำหวานให้สาว ๆ รวมถึงใช้แอปฯ หลากหลายทั้งที่มีประโยชน์และเพื่อความบันเทิง โดยหลายอย่างที่เราทำในยุคดิจิทัลนี้แทบจะจบครบทั้งหมดบนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือเรา และมันทำให้ทุกคนติดหนึบจนแทบไม่อยากวาง

แต่ก็อย่างว่า ทุกอย่างในโลกนี้ถ้ามันไม่พอดีก็อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ การใช้โทรศัพท์มือถือก็เช่นกัน ถ้าเราหลงใหลมันจนถึงขั้นเสพติดก็จะส่งผลกระทบมากมาย ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องพฤติกรรม และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะสาวที่อยู่เคียงข้างคุณ โดยจากการสำรวจดูความเห็นตามกระทู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดมือถือของผู้ชายพบว่า ร้อยทั้งร้อยรู้สึกเซ็งถึงเซ็งสุด ๆ เวลาที่เธอเห็นผู้ชายของเธอสนใจไอ้มือถือถือในมือมากกว่าคนที่เดินจูงมือด้วย เช่นเดียวกับสาว ๆ ทีมงาน UNLOCKMEN ที่ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา

“เวลาที่ออกไปเดทกันจะเช็กเฟซบุ๊ก ไอจีบ้างก็ไม่ว่ากัน แต่ช่วงเวลาที่คุยกันก็ควรจะโฟกัสกับเรา แต่ถ้าไม่สนใจเราเลย มัวแต่ติดมือถือก็จะรำคาญ เรามีคนที่พร้อมจะสนใจเราอีกเยอะ ทำไมต้องรอ” – PSYCAT

“ไม่ค่อยชอบ ถ้าอยู่ด้วยกันควรจะใช้เวลาด้วยกันเต็มที่ ถ้าเขามัวแต่ติดมือถือเวลาอยู่กับเรา เราก็คงจะไม่สนใจเขาบ้าง” – APRIL

“ถ้าเกิดคนที่เราเดทด้วยทำตัวติดมือถือมาก ๆ ก็คงไม่ต้องมาเจอกันดีกว่ามั้ง กลับบ้านไปเลยดีกว่า” – ANONYMK

“กลับไปเล่นที่บ้านไป” – LIT

“ถ้าเขาไม่สนใจเรา เราก็ไม่สนใจเขากลับ” – KANDIS

โอ้โห เจอคอมเม้นต์แต่ละคอมเม้นต์แบบนี้ เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนคงรู้สึกเขินไม่เบา แต่เราจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีที่ทำให้ผู้ชายอย่างเรา ๆ ลดอาการเสพติดสมาร์ทโฟนเพื่อตัวเราเองและคนข้าง ๆ ที่ใช้งานได้ผลโดยไม่ต้องบล็อกหรือลบแอปฯ แต่อย่างใด

 

อย่าเช็กมือถือทันทีที่ลืมตาตื่น

มีคำกล่าวที่ว่า “เราเริ่มต้นทำบางสิ่งอย่างไร มันก็จะจบลงอย่างนั้น” เช่นเดียวกับการเริ่มต้นวันใหม่ของเรา ถ้าทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา หายใจฟืดนึงแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเล่นทันที แบบนี้มีความเป็นไปได้ที่ว่าวันนี้(และทุกวันที่ผ่านมา)อาจจะเป็นวันแห่งความวอกแวกของคุณ ลองคิดดู ถ้าคุณตื่นมาพร้อมกับสาวนอนอยู่ข้าง ๆ แต่คุณกลับเลือกที่จะใส่ใจมือถือมากกว่าเธอแล้วล่ะก็ อาจต้องตามง้อจนถึงสาย ๆ

หลายคนใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกไปด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่หลายคนทำตอนตื่นก็คือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา unlock หน้าจอ และก็จะรับอรุณด้วยแสงแรกจากโทรศัพท์แทนที่จะเป็นแสงอาทิตย์ที่ดีต่อร่างกายและจิตใจซึ่งมันฟังดูไม่ค่อยเวิร์ก ลองปรับพฤติกรรมนี้โดยการไม่หยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นทันทีที่ตื่น ควรทิ้งช่วงหลังจากลืมตาตื่นอย่างน้อย 15 นาที ไม่ก็หากิจกรรมอื่นมาทดแทนเพื่อช่วยกระตุ้นสมาธิตลอดวัน เช่น นั่งสมาธิ ก็ได้ เรารู้ว่ามันฝืน แต่ลองทำไปเรื่อย ๆ พอชินแล้วจะชอบ

วิธีการนี้มีตัวช่วยให้ง่ายขึ้น และมันคือวิธีสุดคลาสสิค นั่นก็คือการวางโทรศัพท์ไว้ไกล ๆ เตียง อย่าเอามือถือมาไว้ข้างหมอน ข้างตัว (บางคนถือไว้ในมือก็มี) พร้อมเรียกกำลังเสริมอย่างนาฬิกาปลุกแบบดั้งเดิมมาช่วยปลุกเราให้สะดุ้งตื่น บางรุ่นนี่มีแสงอาทิตย์จำลองฉายกันสว่างห้องเลยทีเดียว ซึ่งวิธีการแรกนี้เป็นวิธีที่ใกล้ตัวที่สุดในการปรับพฤติกรรมตัวเอง และผลการวิจัยก็ออกมาแล้วว่าวิธีนี้มีผลกับวันของคุณ ขอเน้นย้ำอีกทีว่า ห้ามเล่นสมาร์ทโฟนทันทีที่ตื่นนอน

 

อย่าใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถ

พฤติกรรมส่วนใหญ่ที่ชายสายโซเชียลมักจะเป็นก็คือ ชอบใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถในเลเว่ลที่ใกล้เคียงกับเวลาที่นั่งเล่นมือถือบนโซฟาที่บ้าน ยิ่งติดไฟแดงเมื่อไหร่นี่แทบจะตัดขาดออกจาการจราจร โดนสาวที่นั่งข้าง ๆ บ่นแล้วบ่นอีก งอนแล้วงอนอีก แต่คุณก็ยังหยิบขึ้นมาเล่นต่อได้ ซึ่งมันอันตรายมากนะพ่อหนุ่ม แต่ยังดีที่โชคช่วยเอาไว้ที่ไม่เกิดุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงทุกวันนี้

ผลการสำรวจออนไลน์ของเมื่อปีก่อนของฟอร์ดระบุว่า มีผู้ขับขี่ถึง 73% ที่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะรถติดไฟแดงแม้จะรู้ว่ามันผิดกฎหมาย มีถึง 38% ที่ใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถแม้ตอนแรกจะหักห้ามใจได้ก็ตาม และมีถึง 36% ที่ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กขณะขับรถ ฟังดูแล้วน่าตกใจแต่ก็ไม่น่าแปลกใจ วิธีแก้คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าการนำมือถือของคุณวางไว้ไกลมือและข่มใจเอาไว้ นึกถึงความไม่คุ้มถ้าต้องเกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินแลกกับการเสพติดสมาร์ทโฟน

วิธีแก้อีกอย่างที่ดูสร้างสรรค์ก็คือการใช้สมาร์ทโฟนของคุณเพื่อสร้างความบันเทิงภายในรถ เชื่อมต่อกับเครื่องเสียงในรถของคุณแล้วเปิดเพลงฟังขณะขับรถซะ ฟังเพลงกับเธอไปเลย สร้างประสบการณ์เสพดนตรีด้วยกันระหว่างใช้เวลาอันแสนน่าเบื่อบนท้องถนนเมืองกรุง ไม่ก็ใช้ฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ เช่นพวกแอปฯ นำทางอย่าง Google Maps ก็ดี แต่สองวิธีหลังนี้เสี่ยงหน่อยนะสำหรับชายสายเพลย์บอย เพราะถ้ามีสาวคนอื่นทักมารับรองว่ามันจะโชว์หราที่หน้าจอ

 

เอามือถือใส่กระเป๋าไว้ระหว่างมื้อ

 

ผลการศึกษาพบว่า แม้ว่าเราจะปิดโทรศัพท์ของเราแล้ว แต่ถ้ามันอยู่ในสายตา เราก็จะหยิบมันขึ้นมาถืออยู่ดีเนื่องจากความเคยชิน เพราะฉะนั้นระหว่างทานข้าวกับเธอทุกมื้อหรือคุยกับเธอแบบสองต่อสองอย่าเอาสมาร์ทโฟนขึ้นมาวางบนโต๊ะอาหารหรือถือไว้ในมือ ให้เก็บใส่ประเป๋ากางเกงไปเลย (กระเป๋าเสื้อใกล้ตาไปหน่อย) ถ้ามีกระเป๋าถือก็เอาใส่กระเป๋าถือไปเลย อย่าให้พลังของมันดูดเราเข้าสู่โลกโซเชียลในช่วงเวลาที่อยู่กับเธอ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลังเมื่อทุกอย่างมันพังเพราะสมาร์ทโฟน

 

ซ่อนโทรศัพท์ไว้ขณะทำกิจกรรมสำคัญ

วิธีนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับการใช้เวลาอยู่กับสาวโดยตรง แต่เป็นการแก้ปัญหาที่การเสพติดสมาร์ทโฟนได้ทุกสถานการณ์

นักวิจัยกลุ่มหนึ่งในทำงานทดลองง่าย ๆ ด้วยการเอาลูกอมใส่ไว้ในโหลสองใบในจำนวนเท่า ๆ กัน แต่ใบแรกเป็นโหลใส ส่วนอีกใบเป็นโหลทึบ ทั้ง 2 ใบวางอยู่บนโต๊ะที่ห่างจากโซนทำงาน 6 ฟุต ปรากฎว่าลูกอมในโหลใสนั้นหมดรวดเร็วกว่า นั่นหมายถึงว่าเซนส์ของมนุษย์นั้นจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่มองเห็นมากกว่าสิ่งที่มองไม่เห็น และจะถูกจูงใจได้มากกว่าจากสิ่งที่อยู่ในสายตา

เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน แม้ว่ามันจะถูกปิดแล้ว แต่ถ้ามันยังอยู่ในสายตา สมองของเราก็จะยังคงคิดถึงเรื่องการไถ Facebook บนมือถืออยู่ดี และแม้ว่าเราอาจะไม่โหยหามันเท่าไหร่ แต่ลึก ๆ แล้วก็ยังเป็นความเคยชิน แบบนี้ต้องเอาไปไว้ในที่ลับตาขณะทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้สมาธิจดจ่ออย่างเช่น ทำงาน, อ่านหนังสือ, ดูทีวี และแม้กระทั่งช่วงบรรเลงกิจกรรมเข้าจังหวะบนเตียง หรือไม่ถ้าจะลองโหดกับตัวเองสุด ๆ ก็ลองเอาไปไว้ไกล ๆ วางคนละมุมห้อง ไม่ก็ให้สาวเอาไปซ่อนซะเลย แต่เปิดเสียงเอาไว้นะ เผื่อมีสายสำคัญโทรเข้ามา ไม่ก็ใช้โทรเข้าเพื่อหามือถือที่ถูกซ่อนอยู่ แต่ขอย้ำว่าอย่าฝากมือถือไว้กับเธอเด็ดขาด เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการพริ้วของคุณ

 

อย่ามือถือวางไว้บนเตียง

ช่วงเวลาที่มีสาวร่วมเตียงควรจะเป็นช่วงเวลาดี ๆ ของคุณและเธอ อย่าปล่อยให้จอดำ ๆ ในฝ่ามือทำให้เสียบรรยากาศ

ผลการสำรวจพบว่าชาวอเมริกันราว 71% (90% ถ้าสำรวจแค่ช่วงอายุ 18-29 ปี) นำสมาร์ทโฟนมาวางไว้ข้างตัวขณะนอนหลับ หลายคนสะดุ้งตื่นมาเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนแล้วก็เช็กดูตามระเบียบ ไม่ได้นอนดี ๆ ยาว ๆ ซึ่งแสงสีฟ้าจะมือถือมีผลทำให้สมองส่วนไพเนียลแกลนด์หยุดหลั่งเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับนาฬิกาชีวภาพของเรา) ทำให้เรานอนไม่หลับ มีผลทำให้ความจำเสื่อมได้ และอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่จนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า

ทางที่ดีควรอย่าเอาโทรศัพท์ขึ้นมานอนด้วยบนเตียง เอามือถือวางชาร์จไว้ไกล ๆ ก็ได้ ตื่นนอนมาจะได้ไม่ต้องกลิ้งไปหยิบมือถือตามที่เคยชิน เอาวงแขนที่ว่างอยู่ไปกอดคนข้าง ๆ จะดีกว่านะพวกเรา

 

จะสังเกตได้ว่าทั้ง 5 วิธีที่เราแนะนำไม่ได้ใช้ได้กับแค่เวลาที่อยู่กับสาวเท่านั้น แต่เป็นการช่วยให้ทุกคนลดพฤติกรรมการเสพติดมือถือมากเกินไปได้ง่าย ๆ และได้ผล แล้วเราจะกลายเป็นคนที่ว้าวุ่นกับโลกโซเชียลน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับเธอนั้นค่อย ๆ ดีขึ้นกว่าตอนที่คุณมัวแต่ก้มหน้าไล่ดู feed

เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือความสุขที่แท้จริงบนโลกแห่งความจริง

SOURCE

PEERAWIT
WRITER: PEERAWIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line