World
ความเชื่อกับโรคร้ายของ ‘ลัทธิชอนจี’ เมื่อการพบปะของผู้มีศรัทธากระจายไวรัสสู่ชาวเกาหลีใต้
By: TOIISAN February 24, 2020 176511
ช่วงต้นปี 2020 มีเรื่องราวที่สะเทือนไปทั่วโลกเกิดขึ้นหลายเรื่อง โดยเฉพาะโรคไวรัสโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019) ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีนและกระจายตัวไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เราเฝ้าดูรายชื่อของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตกันแบบรายวัน โดยเฉพาะกับประเทศทางฝั่งเอเชียที่มีผู้ติดเชื้อเยอะมากจนบางประเทศต้องออกมาขอความร่วมมือว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศเลยจะดีกว่า
เกาหลีใต้ถือเป็นประเทศที่มีมาตรการรับมือกับไวรัสโควิด-19 ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นประเทศที่ออกนโยบายรับมืออย่างรัดกุมก่อนใคร พวกเขาระแวดระวัง ถึงขั้นที่ร้านอาหารส่วนใหญ่ติดป้ายไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประชาชนใส่แมสก์กันอย่างเคร่งครัด แต่กลายเป็นว่ามาตรการป้องกันตัวเองของเกาหลีใต้กับต้องสั่นสะเทือนจากการพบปะของประชาชนชาติตัวเองที่มีความเชื่อเดียวกันเสียอย่างนั้น
จากประเทศมาตรการเข้มงวดที่ช่วงแรกมีรายชื่อผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 น้อยกว่าหลายประเทศ ตอนนี้เกาหลีใต้กลับมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสแซงหน้าประเทศอื่น ๆ ไปแบบทิ้งห่างหลายร้อยคนภายในไม่กี่วันได้อย่างไร? เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นโดยคุณป้าจากเมืองแดกูผู้เข้าลัทธิในโบสถ์ร่วมกับคนนับพัน
ภายในเวลา 4 วัน เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น 6 เท่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากแดกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ มีประชากรอยู่ราว 2.5 ล้านคน และเป็นที่ตั้งของลัทธิชอนจี (Shincheonji) โดยพาหะแพร่เชื้อให้คนจำนวนมากมาจากคุณป้าอายุ 61 ปี เธอนับเป็นคนไข้รายที่ 31 ของเกาหลีใต้
แต่เมื่อเธอไปเข้าประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในโบสถ์เมืองแดกูร่วมกับคนอื่น ๆ พบคนนับพัน จาก 31 จึงกลายเป็น 346 อย่างรวดเร็ว
คุณป้าคนดังกล่าวพบปะผู้คนจำนวนมาก เริ่มตั้งแต่ขึ้นรถประจำทางไปเข้าลัทธิมากกว่า 4 ครั้ง จากนั้นไปงานแต่งงาน ไปเดินห้างสรรพสินค้า และเดินทางไปยังกรุงโซล ตลอดเวลาที่ตระเวนไปทั่วเธอมีอาการป่วยเป็นไข้แต่ไม่ยอมไปหาหมอ
เธออ้างว่าตัวเองเป็นแค่หวัดธรรมดาจึงกินยาและไม่พบแพทย์ สุดท้ายทางรัฐบาลกับกระทรวงสาธารณสุขจับได้ว่าเธอโกหกว่าตัวเองไม่ป่วยเพราะอาจุมม่าคนนี้ดันประสบอุบัติเหตุรถชน ทางโรงพยาบาลตรวจร่างกายพบว่าคุณป้ามีอาการปอดบวม หมอพยายามขอตรวจอย่างละเอียดมากขึ้นเพื่อหาว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ แต่ป้ากลับเถียงหมอว่าเธอไม่ได้ไปต่างประเทศแล้วจะเป็นโรคนี้ได้อย่างไร
หลังจากเธอกลับบ้านไปพักผ่อน สุดท้ายอาการป่วยทรุดลง แพทย์จึงจับเธอตรวจร่างกายอย่างละเอียดและพบว่าอาจุมม่าคนนี้มีเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างที่แพทย์วินิจฉัยไว้ตอนแรกจริง ๆ
เมื่อถามถึงสาเหตุว่าทำไมอาจุมม่าคนนี้ไม่ยอมไปหาหมอก็พบกับคำตอบที่ไม่คาดคิดว่า ลัทธิชอนจีไม่ชื่นชอบให้คนป่วยหาหมอ เพราะชื่อว่าผู้มีศรัทธาจะสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของตัวเองได้
ส่วนผู้นำลัทธิ ลี มันฮี (Lee Manhee) วัย 88 ปี ถูกมองว่าเป็นเทวดาผู้เป็นอมตะเพราะเขารับอาญาสิทธิ์จากพระเยซู และสามารถนำผู้ติดตาม 144,000 คนไปสวรรค์ด้วยกันกับเขาได้หากถึงวันพิพากษา ดังนั้นไม่ต้องกลัวอาการป่วยใด ๆ เลย
ป้าเชื่อมั่นในคำสอนและออกไปใช้ชีวิตร่าเริงตามปกติ กลายเป็นพาหะนำโรคชั้นเยี่ยมทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 2 รองจากจีน หลักฐานแน่นหนาที่มัดตัวอาจุมม่าคนนี้ว่าเธอคือพาหะนำโรคมาสู่ชาวเกาหลีใต้จำนวนมากเกิดจากการสืบของทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่รัฐ พบว่าผู้ป่วยหลายสิบคนต่างเคยมีปฏิสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับคุณป้าคนนี้ด้วยกันทั้งนั้น
หลังข่าวของอาจุมม่าแพร่สะพัดไปทั่วโลก นายกเทศมนตรีเมืองแดกูออกมาแถลงการณ์ว่า มีสาวกจากโบสถ์ประมาณ 90 คน แจ้งว่าตัวเองมีอาการป่วยและสงสัยว่าจะติดเชื้อ รัฐบาลจึงเฝ้าดูอาการและสั่งให้กลุ่มผู้สุ่มเสี่ยงกักตัวเองอยู่บ้านห้ามพบเจอผู้คน สั่งปิดทำการโบสถ์ชอนจีทั่วประเทศ และวอนให้สมาชิกลัทธิสวดมนต์แบบออนไลน์แทนการเข้าโบสถ์
สิ่งที่น่าห่วงยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอนิ่งโพสต์ (South China Morning Post) เขียนบทความแสดงความกังวลว่าอาจมีผู้เข้าลัทธิหลายคนไม่ยอมมาแสดงตัวให้ทางการตรวจร่างกาย เพราะพวกเขาชื่อว่าอาการป่วยสามารถหายเองได้ แถมยังชอบไปเข้าโบสถ์คริสต์ลัทธิอื่น ๆ เพื่อชักชวนให้ชาวคริสต์ทั่วไปยอมเป็นสมาชิกของลัทธิของตัวเอง
เท่ากับว่าทางการเกาหลีใต้จะไม่สามารถตรวจสอบได้ครบถ้วนเลยว่าใครไปทำอะไรมาบ้าง เพราะขนาดอาจุมม่าคนเดียวยังสามารถทำให้คนอื่นติดเชื้อได้หลายร้อยคนภายในไม่กี่วัน แถมคุณป้าแกยังไปแทบทุกที่จริง ๆ รวมถึงเข้าเยี่ยมชมฐานทัพของสหรัฐฯ ที่เกาหลีใต้ในวันที่ 12 และ 15 กุมภาพันธ์ จึงทำให้ทางสหรัฐฯ สั่งปิดฐานทัพ ห้ามคนนอกเข้า ตรวจหาคนในผู้ติดเชื้อ สั่งยกระดับเป็นความเสี่ยงสูงสุด
สถาบันวิจัย Korea Christian Heresy ระบุว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้สมาชิกของลัทธิชอนจีเชื่อว่านี่คือบททดสอบของพระเจ้า ถือเป็นช่วงเวลาทดสอบความเชื่ออันแน่วแน่ ทำให้คนทั่วไปไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าหากคนในลัทธิที่ติดเชื้อเกิดพิเรนทร์ออกไปพบปะและสัมผัสผู้คนทั่วไปจะเป็นอย่างไร
ประชาชนชาวเกาหลีใต้จำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อลัทธิชอนจี ผู้คนกว่า 5 แสน ลงชื่อเรียกร้องไปยังทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อให้ยุบลัทธินี้ ส่วนลัทธิชอนจีก็โดนกระแสสังคมกดดันอย่างหนักจนต้องให้โฆษกออกมาแถลงการณ์ขอโทษที่ทำให้ชาวเกาหลีใต้เกิดความวิตกกังวล และจะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว แถมยังย้ำอีกว่าโรคนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากพวกเขา แต่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ต่างหาก
ส่วนเทพเจ้าของลัทธิชอนจี ลี มันฮี ยังมั่นคงต่อความเชื่อและอยากแสดงจุดยืนเพื่อให้เหล่าสาวกมั่นใจว่าทุกอย่างสามารถควบคุมได้ เขาส่งข้อความไปยังโทรศัพท์ของคนในลัทธิว่า “การระบาดของไวรัสครั้งนี้เกิดขึ้นจากปีศาจร้ายที่ต้องการขัดขวางการเติบโตอันยิ่งใหญ่ของลัทธิชอนจี” กู่ไม่กลับแบบนี้ก็อยู่ที่ว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่เลือกจะเชื่ออะไรแล้วละครับ
เวลานี้รัฐบาลเกาหลีใต้ยกไวรัสโควิด-19 อยู่ระดับการเตือนภัยสูงสุด (ระดับสีแดง) เทียบเท่ากับการระบาดของไข้หวัด H1N1 ปี 2009 ล่าสุดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2020 ยอดของผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นไปถึง 763 ราย เสียชีวิตแล้ว 7 คน และจำนวนจะยังไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน
แถมคุณป้าคนนี้ก็ทำให้เกาหลีใต้เกมพลิกครั้งใหญ่เพราะตอนแรกชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ไม่ต้อนรับชาวต่างชาติ แต่กลายเป็นว่าคนเกาหลีเองต่างหากที่ทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายภายในประเทศอย่างรวดเร็ว
บางครั้งการมีศรัทธามุ่งมั่นแน่วแน่ก็ช่วยให้เราสามารถก้าวผ่านเรื่องร้าย ๆ ได้ แต่ถ้าหากตอนนี้เราพบว่าตัวเองไม่สบายคล้ายจะเป็นหวัด ก็อยากให้ทุกคนไปหาหมอกันนะครับ เพราะบางครั้งความเชื่อก็ไม่สามารถรักษาโรคร้ายได้แต่เป็นการเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีต่างหากที่จะทำให้เราดีขึ้น