CARS

THE STORY OF MERCEDES-BENZ CLK GTR – THE ULTIMATE ROAD-LEGAL RACE CAR

By: Chaipohn July 24, 2021

ย้อนไปในปี 1997 เมื่อ Mercedes-Benz ต้องการกลับมาสร้างชื่อเสียงในฐานะเจ้าแห่ง Motorsport หลังปรึกษากับ AMG ทั้งคู่ก็ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR  สุดยอดเครื่องจักรที่จะลงไล่ล่าแชมป์ในรายการ FIA GT Championship โดยมีคู่แข่งสุดโหดมากมายไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Porsche หรือ McLaren

แต่ก่อนจะส่งรถคันใหม่ลงแข่งในรายการ GT1 ได้ มีข้อบังคับข้อนึงระบุว่าจะเป็นต้องสร้าง CLK GTR Strassenversion (Road-legal version) ให้ครบ 25 คันก่อน และด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการสร้างชื่อมากกว่ายอดขาย Mercedes-Benz จึงเลือกเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเข้าไปอีกเล็กน้อยให้พอจดทะเบียนได้ เรียกว่าแทบจะไม่มี Road car รุ่นไหนที่ดิบห่ามแบบ Race car จากสนามแข่งได้เท่า CLK GTR ในยุคนั้น

Mercedes-Benz CLK GTR

Mercedes-Benz CLK GTR

AMG ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบและพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR ใช้เวลานับตั้งแต่สเก็ตช์ภาพจนได้ออกมาเป็นรถแข่งทั้งคันเพียงแค่ 128 วันเท่านั้น ก่อนจะเปิดตัวรถแข่ง CLK GTR prototype ในปี 1997 ด้วยความล้ำหน้าที่พัฒนาจากพื้นฐานคู่แข่งอย่าง McLaren F1 GTR

ดีไซน์รถได้แรงบันดาลใจจาก CLK ตัวถังผลิตจาก carbon fiber เพื่อลดน้ำหนักและคงความแข็งแกร่งไม่ให้บิดเบี้ยวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจากเครื่องยนต์​ Mercedes-Benz M120 6.0-liter V12 600 horsepower 538 lb-ft of torque 

Mercedes-Benz CLK GTR LM

Mercedes-Benz CLK GTR LM

หลังสร้างชื่อใน FIA GT Championship เรียบร้อยแล้ว ทีมแข่งเกิดไอเดียอยากกลับไปลงแข่งรายการ 24 Hours of Le Mans ในปี 1998 อีกครั้ง หลังถอนตัวจากการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1991 จึงนำ CLK GTR มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับรูปแบบการแข่งขัน พร้อมใช้รหัสว่า CLK LM เปลี่ยนเครื่องไปใช้ M119 V8 ที่สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่า สามารถขับได้นานกว่า และมีการปรับเปลี่ยนองศาช่องดักลมให้เป่าระบายความร้อนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการขับ 24 ชั่วโมงสุดโหด

Mercedes-Benz CLK GTR

Mercedes-Benz CLK GTR

Mercedes-Benz CLK GTR Strassenversion (road version) รุ่นวางขายให้ประชาชนนั้นเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นไม่ธรรมดา ติดอันดับ Guinness Book of World Records รถ production car ที่แพงที่สุดในโลก คันละ $1,547,620 ในช่วงปี 1998-1999 ผลิตโดย AMG เครื่องยนต์ถูกเพิ่มความจุจาก 6.0-liter เป็น 6.9-liter V12 604 horsepower 572 lb-ft of torque 0-100 km/h ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 344 km/h โดยมีความต่างจากรถในสนามแข่งเพียงไม่กี่จุด เช่นภายในหุ้มหนัง มีแอร์ทำความเย็น และมี Traction control เพื่อความปลอดภัย

Mercedes-Benz CLK GTR

Mercedes-Benz CLK GTR

CLK GTR ทั้ง 25 คัน (จำนวนอย่างเป็นทางการ 25 คัน แต่ Mercedes-Benz สร้างออกมาจริง 26 คัน) ถูกสร้างแบบพวงมาลัยซ้าย ยกเว้นเพียง 2 คันที่เป็นพวงมาลัยขวา แบ่งเป็น 1 Coupe’ และ 1 Roadster สำหรับส่งมอบให้ Sultan Hassanal Bolkiah of Brunei จากจำนวน 25 คันที่ว่าหายากแล้ว ยังมีตัวถัง CLK GTR Roadster ที่หายากยิ่งกว่าเพราะมีเพียง 5 คันเท่านั้น นอกจากความแตกต่างที่หลังคาเปิดออกได้ ยังมีการเปลี่ยน rear wing กลับไปใช้ separate racing wing คล้ายในเวอร์ชัน Race car ดั้งเดิม

จากจำนวนทั้งหมด 25 คัน ยังมี CLK GTR Super Sport ซึ่งเป็น edition พิเศษสุด ๆ จำนวน 5 คัน คือ chassis ลำดับที่ 1, 3, 13, 17 และ Prototype 2 เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ความจุ 7.3-liter ของ AMG ที่เคยถูกใช้ใน SL73 และ Pagani Zonda แรงจัดสะใจถึง 655 hp 580 lb-ft of torque ยิ่งกว่าคันที่ลงแข่ง GT1

วันนี้มูลค่าของ Mercedes-Benz CLK GTR นั้นต้องเรียกว่าประเมินค่าไม่ได้ แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มี Mercedes-Benz CLK GTR รุ่นธรรมดา 1 คัน เตรียมถูกนำออกประมูลผ่าน Gooding & Company และมีการประเมินว่า CLK GTR คันนี้น่าจะมีประมูลจบที่ราคาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทแน่นอน

Mercedes-Benz CLK GTR Spyder

Mercedes-Benz CLK GTR

Mercedes-Benz CLK GTR

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line