CARS
THE STORY OF MERCEDES-BENZ CLK GTR – THE ULTIMATE ROAD-LEGAL RACE CAR
By: Chaipohn July 24, 2021 203484
ย้อนไปในปี 1997 เมื่อ Mercedes-Benz ต้องการกลับมาสร้างชื่อเสียงในฐานะเจ้าแห่ง Motorsport หลังปรึกษากับ AMG ทั้งคู่ก็ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR สุดยอดเครื่องจักรที่จะลงไล่ล่าแชมป์ในรายการ FIA GT Championship โดยมีคู่แข่งสุดโหดมากมายไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Porsche หรือ McLaren
แต่ก่อนจะส่งรถคันใหม่ลงแข่งในรายการ GT1 ได้ มีข้อบังคับข้อนึงระบุว่าจะเป็นต้องสร้าง CLK GTR Strassenversion (Road-legal version) ให้ครบ 25 คันก่อน และด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการสร้างชื่อมากกว่ายอดขาย Mercedes-Benz จึงเลือกเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยเข้าไปอีกเล็กน้อยให้พอจดทะเบียนได้ เรียกว่าแทบจะไม่มี Road car รุ่นไหนที่ดิบห่ามแบบ Race car จากสนามแข่งได้เท่า CLK GTR ในยุคนั้น
AMG ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบและพัฒนา Mercedes-Benz CLK GTR ใช้เวลานับตั้งแต่สเก็ตช์ภาพจนได้ออกมาเป็นรถแข่งทั้งคันเพียงแค่ 128 วันเท่านั้น ก่อนจะเปิดตัวรถแข่ง CLK GTR prototype ในปี 1997 ด้วยความล้ำหน้าที่พัฒนาจากพื้นฐานคู่แข่งอย่าง McLaren F1 GTR
ดีไซน์รถได้แรงบันดาลใจจาก CLK ตัวถังผลิตจาก carbon fiber เพื่อลดน้ำหนักและคงความแข็งแกร่งไม่ให้บิดเบี้ยวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจากเครื่องยนต์ Mercedes-Benz M120 6.0-liter V12 600 horsepower 538 lb-ft of torque
หลังสร้างชื่อใน FIA GT Championship เรียบร้อยแล้ว ทีมแข่งเกิดไอเดียอยากกลับไปลงแข่งรายการ 24 Hours of Le Mans ในปี 1998 อีกครั้ง หลังถอนตัวจากการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1991 จึงนำ CLK GTR มาดัดแปลงให้เหมาะสมกับรูปแบบการแข่งขัน พร้อมใช้รหัสว่า CLK LM เปลี่ยนเครื่องไปใช้ M119 V8 ที่สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยกว่า สามารถขับได้นานกว่า และมีการปรับเปลี่ยนองศาช่องดักลมให้เป่าระบายความร้อนอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการขับ 24 ชั่วโมงสุดโหด
Mercedes-Benz CLK GTR Strassenversion (road version) รุ่นวางขายให้ประชาชนนั้นเปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้นไม่ธรรมดา ติดอันดับ Guinness Book of World Records รถ production car ที่แพงที่สุดในโลก คันละ $1,547,620 ในช่วงปี 1998-1999 ผลิตโดย AMG เครื่องยนต์ถูกเพิ่มความจุจาก 6.0-liter เป็น 6.9-liter V12 604 horsepower 572 lb-ft of torque 0-100 km/h ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 344 km/h โดยมีความต่างจากรถในสนามแข่งเพียงไม่กี่จุด เช่นภายในหุ้มหนัง มีแอร์ทำความเย็น และมี Traction control เพื่อความปลอดภัย
CLK GTR ทั้ง 25 คัน (จำนวนอย่างเป็นทางการ 25 คัน แต่ Mercedes-Benz สร้างออกมาจริง 26 คัน) ถูกสร้างแบบพวงมาลัยซ้าย ยกเว้นเพียง 2 คันที่เป็นพวงมาลัยขวา แบ่งเป็น 1 Coupe’ และ 1 Roadster สำหรับส่งมอบให้ Sultan Hassanal Bolkiah of Brunei จากจำนวน 25 คันที่ว่าหายากแล้ว ยังมีตัวถัง CLK GTR Roadster ที่หายากยิ่งกว่าเพราะมีเพียง 5 คันเท่านั้น นอกจากความแตกต่างที่หลังคาเปิดออกได้ ยังมีการเปลี่ยน rear wing กลับไปใช้ separate racing wing คล้ายในเวอร์ชัน Race car ดั้งเดิม
จากจำนวนทั้งหมด 25 คัน ยังมี CLK GTR Super Sport ซึ่งเป็น edition พิเศษสุด ๆ จำนวน 5 คัน คือ chassis ลำดับที่ 1, 3, 13, 17 และ Prototype 2 เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ความจุ 7.3-liter ของ AMG ที่เคยถูกใช้ใน SL73 และ Pagani Zonda แรงจัดสะใจถึง 655 hp 580 lb-ft of torque ยิ่งกว่าคันที่ลงแข่ง GT1
วันนี้มูลค่าของ Mercedes-Benz CLK GTR นั้นต้องเรียกว่าประเมินค่าไม่ได้ แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มี Mercedes-Benz CLK GTR รุ่นธรรมดา 1 คัน เตรียมถูกนำออกประมูลผ่าน Gooding & Company และมีการประเมินว่า CLK GTR คันนี้น่าจะมีประมูลจบที่ราคาไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทแน่นอน