Girls

A Girl We Love : แจมมี่ – นรันดร์จุฑา ปัญญาสุข “Sound Engineer” สาวสวยน่าค้นหา เบื้องหลังเสียงดี ๆ บน Stage สู่คนฟัง

By: myfifthday June 28, 2017

ความฝันกับสิ่งที่ชอบ คงไม่ใช่ใครที่จะสามารถทำอะไรได้ควบคู่ไปพร้อม ๆ กันซะหมด การเดินทางค้นหาตัวเอง บางครั้งก็แสนจะยาวนาน กว่าจะรู้ตัวว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร บางคนอาจใช้เวลาในการค้นหาตัวตนของตัวเองเป็น 10-20 ปี

การรู้จักกับตัวเองและก้าวข้ามเงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องเพศ เรื่องสภาพแวดล้อมเพื่อไปสู่ความฝันที่ตั้งเป้าไว้ และให้คนอื่นมองเข้ามาที่ตัวตนและฝีมือที่มีมากที่สุด

คนที่ UNLOCKMEN นึกถึงและอยากจะพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย คงเป็นผู้หญิงคนนี้ แจมมี่ – นรันดร์จุฑา ปัญญาสุข (Sound Engineer) หญิง ความสามารถเจ๋ง เบื้องหลัง Live Sound หลากหลายศิลปินเช่น วี—วิโอเลต, The Paradise Bangkok, Rasmee Isan Soul, X0809 ที่เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวเธอให้มากขึ้นกัน

ตอนนี้ทำอะไรอยู่ แนะนำตัวนิดนึงครับ

สวัสดีค่ะ ชื่อ แจมมี่นะคะ ชื่อจริง นรันดร์จุฑา ปัญญาสุข ตอนนี้ก็เป็น Sound Engineer แล้วก็ทำงาน Office ด้วยค่ะ เพิ่งจบจาก ดุริยางคศิลป์ มหิดล

ก่อนพูดถึง Sound Engineer เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก แจมมี่ช่วยอธิบายหน่อยมันคืออะไร

Sound Engineer เป็นตัวกลางระหว่างเสียงกับคนฟัง เช่น มีวงดนตรีวงหนึ่งจะเล่นเพลง แต่ถ้ามันไม่มีคนเลื่อน fader นึงขึ้นไปเนี่ยมันก็จะไม่มีเสียงออกมา คือเป็นตัวกลางที่สื่อเสียงจากวงออกมาให้คนฟังได้ยิน แต่คนชอบเข้าใจผิดว่าเป็นดีเจ

แล้ว Sound Engineer ต่างกับ DJ ยังไง

คือจริง ๆ ดีเจนี่เขาเหมือนเป็นนักดนตรีนะ แค่เขาไม่ได้เล่นเพลงจากเครื่องดนตรีหรือเขาอาจจะไม่ได้ร้องเพลง แต่เค้าจะเล่นกับแผ่นหรือกับเสียง หรือเลือกเพลงมาเปิดให้คนฟังกัน อะไรแบบนี้ คือมันไม่เหมือนกัน เรียกว่าคนละทางเลยดีกว่า

แล้วแจมมี่เริ่มต้นกับการเป็น Sound Engineer ยังไง ?

จริง ๆ แล้ว เริ่มจากเรียนดนตรีมาตั้งแต่ ม.ปลายเลย ม.4 5 6 ที่มหิดลค่ะ เป็น pre-college เป็นแบบ perform เลย แล้วคือเหมือนตอนขึ้นปี 1 เราต้องเลือกแล้วว่าอยากทำอะไรต่อ เรียนอะไรต่อ

ตัวเราเองก็รู้สึกว่า เราไม่ค่อยถนัดการ perform on stage อยู่บนเวทีเท่าไหร่นะ เราชอบอยู่ข้างหลัง stage มากกว่า ชอบฟังเสียงดนตรีมากกว่า อยากทำดนตรีที่พอคนได้ฟังแล้วเค้ารู้สึกชอบ

ประจวบเหมาะพอดีที่คณะมันก็จะมีแขนงแยกออกมาชื่อ เทคโนโลยีดนตรี เป็นทำ Sound เนี่ยแหละ ก็เลยรู้สึกว่ามันน่าจะเหมาะกับเรา ก็เลยเลือกเรียนอันนี้มา

แจมมี่รู้ตัวแล้วแหละว่าชอบแบบนี้ แต่อะไรที่เป็นตัวผลักดันว่า เราอยากทำอันนี้ ?

แรงผลักดันหรอคะ คือเราเคยไปฟังคอนเสิร์ตมาครั้งหนึ่ง เป็นคอนเสิร์ตในดวงใจ (แต่จำไม่ได้ละว่าอันไหน) แล้วตอนนั้นดนตรีที่ได้ฟังคือเพราะมาก ชอบมาก แต่พอไปฟังที่คอนเสิร์ตที่อื่นแล้วมันไม่เพราะเท่าที่เคยฟังค่ะ

แล้วก็เลยเกิดคำถาม ว่าแบบทำไมมันไม่เพราะเหมือนตอนนั้นนะ อะไรแบบนี้ เลยเป็นที่มาที่อยากทำ Sound ดี ๆ แบบนั้นให้คนอื่นได้ฟังแล้วชอบ ฟังแล้วรู้สึกว่ามันเพราะเหมือนที่เราได้ฟังมาอะไรแบบนี้ค่ะ

ตั้งเป้าเป็น Sound Engineer ด้วยความเป็นผู้หญิง ทำงานแบบนี้ที่บ้านคัดค้านบ้างมั้ย

เขาไม่ห้ามนะคะ แต่เขาจะเป็นห่วงมากกว่า เพราะว่าส่วนใหญ่มันเป็นงานกลางคืนด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสุขภาพมากกว่า เพราะเราต้องนอนดึกตื่นเช้า

และเราก็จะบอกเขาตลอดว่าแบบ เดี๋ยวจะไปงานนู้นงานนี้มีใครบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ เพราะว่าก็คุยกันตลอดก็เลยไม่มีปัญหาอะไรตรงนี้

หน้าตาแบบเราก็น่ารักนะ แล้วทำไมถึงไม่ไปเป็นเบื้องหน้า เงินก็น่าจะดีกว่าด้วย

จริง ๆ ก็เคยอยู่ข้างหน้ามาบ้างค่ะ แต่รู้สึกไม่ค่อยชอบ ไม่ค่อยเป็นตัวเองสักเท่าไหร่ ชอบอยู่ข้างหลังมากกว่า

แล้วการเป็นผู้หญิงหรือการทำงานกับคนกลางคืน มันเป็นอุปสรรคตรงนี้ไหม

มันก็ค่อนข้างจะมี gap นิดนึงเนาะ เราต้องทำงานกับคนเยอะ และส่วนใหญ่เป็นงานกลางคืน ส่วนมากจะมีแต่ผู้ชาย ก็จะมีแบบ “เอ้ย น้อง.. เอ้ยน้อง” อะไรแบบนี้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็มีบ้าง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวของเราด้วยค่ะ ถ้าเราไม่ไปเล่นกะเขามาก แต่ก็แบบมีสัมมาคารวะกับเขา เขาก็จะให้เกียรติเรา การทำงานมันก็จะง่าย

การเป็นผู้หญิงในสายอาชีพนี้ มีความเป็นต่อหรือข้อเสียอะไรชัด ๆ บ้างไหม ?

บางทีมันก็มีประโยชน์บ้างเหมือนกันนะ คือผู้หญิงมันก็อ้อนได้เนอะ แบบบางทีก็ “พี่คะ หนูขอสายนิดนึงนะคะ” แบบนี้ หรือแบบเอ้ยบอร์ดนี้ไม่เคยใช้มันใช้ยังไงวะ เราก็แบบ “พี่คะ อันนี้มันใช้ยังไงเหรอคะ” เราก็พูดกับเค้าดีๆ เค้าก็จะช่วยเรา

และข้อเสียก็มีบ้าง ที่หลายอย่างเขายังมองเราเป็นผู้หญิง ไม่กล้าใช้งานเราชัด ๆ แต่ว่าสมัยนี้ก็ดีขึ้นเยอะ ทุกคนเท่าเทียมและรู้หน้าที่ตัวเอง

แล้วในเมืองไทยมี Sound Engineer เยอะไหม ?

ก็ถือว่าพอสมควรนะคะ แต่ว่าแบบที่มีคุณภาพเลยอ่ะ ก็ยังมีไม่เยอะนะคะ ส่วนตัวแจมมี่ก็ยังนะคะ ยังอยู่ในช่วงฝึกฝน เก็บชั่วโมงบินอยู่

แล้วอะไรคือเสน่ห์ของการทำงานกับเสียงที่แจมมี่รู้สึกชอบ 

การได้พบปะคนหลากหลายประเภท การได้ฟังดนตรีที่แบบเหมือนในแต่ละครั้งที่เรามาทำงานอ่ะค่ะ ถึงแม้จะเป็นเพลง ๆ เดิม วงเดิม แต่มันจะไม่เหมือนกัน movement อารมณ์ เหมือนดนตรีมันสื่อได้เลยอ่ะว่าคนเล่นกำลังรู้สึกยังไง

แล้วมีปัญหาที่เจอบ้างไหม ?  เอาแบบ Sound ที่เจอในแต่ละที่ แต่ละร้านดีกว่า

จะเป็นที่เครื่องมากกว่าค่ะ แต่ละที่จะมีไม่เหมือนกัน ถ้าเราไม่เตรียมตัวแล้วไปหน้างาน จะงงว่า รุ่นนี้ไม่เคยเจอ ใช้ยังไง ไปไม่ถูก ส่วนใหญ่ก็ต้องเตรียมตัวนิดนึงก่อนออกงาน อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากก็คือห้องแต่ละที่ไม่เหมือนกัน เสียงก็จะต่างกัน เราก็ต้องหาวิธีการจัดการของเราให้ค่ะ

แล้วการเป็น Sound Engineer เราเลือกแนวเพลงที่เราอยากทำได้ไหม ? 

ถ้าในตอนต้นอ่ะ เราอาจจะเลือกไม่ได้หรอกว่า วงที่เราจะไปทำอ่ะมันเป็นยังไง ก็ต้องตั้งใจทำให้มันดีก่อนค่ะ พอสเต็ปถัดไป เราเริ่มมีฐานแล้ว แบบเริ่มทำทุก ๆโชว์ได้โอเคแล้ว เราก็สามารถมีสิทธิ์ที่จะเลือกได้มากขึ้นว่าอยากทำแบบไหน

แล้วมีแนวเพลง แนวเสียงที่ชอบไหม ?

ถ้าชอบจริง ๆ ก็จะแนวแบบ Oh Wonder จะเป็นแนวสบาย ๆ มี Groove หน่อย หรือ John Mayer จะไม่ชอบแบบดนตรีหนักมาก หรือไม่ก็เปลี่ยนแนวไปเลยแบบ The Weeknd

ตอนนี้มองอนาคตตัวเองไว้ยังไงบ้าง

อยากไปให้ถึงจุดที่แบบคนส่วนมากยอมรับว่าเออ เราเป็นผู้หญิง เราก็ทำได้ดี แบบพอคนไปที่ไหนก็จะบอกว่า เห้ย วงดี Sound ดีอ่ะ ซึ่งเราเป็นคนทำ อะไรแบบนี้ แต่คนฟังเค้าไม่ต้องรู้ว่าใครทำ แต่เค้าชอบ เราก็รู้สึกว่านั้นคือเป้าหมายที่เรียกว่าประสบความสำเร็จของคนทำ Sound ละ

นอกเรื่องนิดนึง ถ้ามีคนมาจีบสาว Sound Engineer แบบแจมมี่เนี่ย เขาต้องเอาเพลงอะไรมาจีบ

เพลง groove grove ฮ่า ๆ เช่นเพลงของ Bruno ก็ได้นะ แบบไม่ฉีกกันมากก็โอเค ไม่ใช่มาแบบ เธอฟังเมทัลมั้ยล่ะ อะไรแบบนี้ก็ไม่ไหว

พูดคุยกันมาพอสมควร อยากให้แจมมี่ฝากอะไรถึงคนที่อยากเป็น Sound Engineer หน่อย อะไรที่จะช่วย UNLOCK ให้เขาทำได้บ้าง

จริง ๆ แล้วคือไม่ใช่แค่การเป็น Sound Engineer นะคะ ถ้าเราอยากเก่งอะไร เราก็ต้องไปอยู่กับสิ่งนั้นมาก ๆ เหมือนเราอ่ะอยากเก่ง Sound แต่รู้สึกตัวว่าช่วงนี้ทำได้ไม่ดีเลย เราก็ต้องมาดูว่ามันเป็นเพราะอะไร ก็ได้คำตอบว่า อ๋อ เรายังศึกษามันไม่มากพอนะ

คือถ้าอยาก UNLOCK อะไรให้กับชีวิต เราก็ต้องไปศึกษาสิ่งนั้นให้มันมากพอ ศึกษามันให้เยอะ ๆ อยากรู้อะไรก็ไปค้นคว้า นั่นแหละ มันจะ UNLOCK ทั้งชีวิตและความอยากรู้แน่ ๆ แล้วเมื่อรู้ก็ต้องฝึกฝนเยอะ ๆ มันก็คือการเก็บชั่วโมงบิน ไม่มีใครเป็นตั้งแต่วันแรกอยู่แล้วค่ะ

ซึ่ง UNLOCKMEN ก็ขอขอบคุณแจมมี่ที่มาพูดคุยถึงตัวตนของตัวเองและนิยามความเป็น Sound Engineer ให้พวกกับเราได้รับรู้ ซึ่งขอให้แจมมี่ได้พุ่งไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้และเราก็หวังว่าจะได้เห็นชื่อเบื้องหลังคอนเสิร์ตดี ๆ Sound เจ๋ง ๆ ที่มาจากแจมมี่ – นรันดร์จุฑา ปัญญาสุข 

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line