Girls

a girl we love: รู้จัก ‘มะหน่อย-สิรินารถ’ นักเขียนสาวที่ทำให้เราตกหลุมรักเพราะตัวอักษร

By: PSYCAT August 15, 2017

“มะหน่อย-สิรินารถ อินทะพันธ์” อาจไม่ใช่ชื่อแรกที่แวบขึ้นมาในใจเมื่อเราอยากนึกถึงนักเขียนหญิงสักคน แต่ถ้าเราพูดถึงนักเขียนสาวนัยน์ตาเศร้าแฝงอะไรบางอย่างให้ค้นหา กับการเขียนเรื่องสุดเซ็กซี่ในโปรเจคต์ Alarm Clock และเขียนเรื่องความสัมพันธ์ร้าวรานในเรื่องสั้นที่รวมนักเขียนหญิงมากที่สุดอย่าง ทำลาย,เธอกล่าว ความเป็นมะหน่อยนักเขียนสาวที่เราชวนมาพูดคุยในวันนี้ก็จะเรื่อเรืองเด่นชัดขึ้นมา

การพูดคุยกับมะหน่อยในบ่ายอันร้อนระอุเหมือนฟังเพลงบรรเลงเรื่อย ๆ สบายหู ไม่หวือหวา แต่ดีต่อใจทำให้แดดดูอ่อนละมุนขึ้นหลายระดับ แต่ถ้าอยากตกหลุมรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไขมากกว่านี้ UNLOCKMEN ก็ขอแนะนำว่าให้ตามเราไปคุยกับมะหน่อยพร้อม ๆ กัน แล้วค่อยตามไปไล่อ่านตัวอักษรของเธอตามที่ต่าง ๆ รับรองว่าคุณจะมอบทั้งหัวใจให้เธอเหมือนที่เรามอบให้แน่ ๆ

UNLOCKMEN: เล่าให้ฟังหน่อยตอนนี้มะหน่อยทำอะไรอยู่บ้าง

ก่อนหน้านี้ทำกองบรรณาธิการนิตยสารแจกฟรีชื่อ JUZZ แมกกาซีน ทำอยู่ราว ๆ ปีเกือบสองปีแล้วเราก็เริ่มเบื่อนิด ๆ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด เราก็เลยออกจากงานนี้ แล้วก็เพิ่งมาทำงานที่ Daypoets ได้ 3 เดือน

UNLOCKMEN: ทำไมสนใจงานกองบรรณาธิการ

งานแรกเราคืองานที่ Bookmoby (ร้านหนังสืออิสระ) เราก็เริ่มรู้สึกว่าเราอยากเขียนบ้าง เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่าเราอยากเข้าไปทำงานกองฯ ดู ว่ามันเป็นยังไง การได้สัมภาษณ์คนอื่น การได้เขียน

ในความคิดเรา เราเชื่อว่าการทำงานในกองบรรณาธิการ คนที่เป็น บก. หรือใครในนั้น ต้องสามารถคอมเมนท์งานเราได้ว่ามันดีหรือไม่ดีตรงไหน แต่พอมันไม่ใช่ เราเลยรู้สึกว่าเราไม่มีแพสชั่นที่จะเขียนต่ออีกแล้ว

UNLOCKMEN: งานที่แรกเป็นร้านหนังสือ ที่ที่สองทำนิตยสาร ที่ที่สามก็ยังวนเวียนกับนิตยสารอยู่ ทำไมเราถึงทำงานคลุกคลีอยู่กับหนังสือกับตัวอักษรมาโดยตลอด มันมีเสน่ห์อะไร?

จริง ๆ เราเพิ่งเริ่มอ่านหนังสือจริงจังตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีท้าย ๆ แล้ว พอช่วงจบมาเราก็ไม่รู้ว่าเราอยากหรือไม่อยากทำอะไร แต่เรารู้ว่าเราชอบอ่านหนังสือ เราอยู่กับมันได้ เราไม่ต้องไปขวนขวายหาเพื่อน เราสามารถอยู่กับหนังสือได้

คงเหมือนที่คนทั่วไปบอกว่าหนังสือมันสามารถพาเราไปที่นั่นที่นี่ โดยที่เราอาจจะไม่ต้องไปมีประสบการณ์เองก็ได้

UNLOCKMEN: การเขียนเรื่องสั้นในหนังสือเล่มล่าสุด “ทำลาย, เธอกล่าว” เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อย?

คือตอนแรกเราก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ แต่ว่าเขาให้โจทย์มาว่าเขียนอะไรก็ได้ คือถามว่ามันดีไหม มันก็ดี แต่มันก็ไม่ดีเพราะเราไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรหรือเปล่ากับงานที่มาขอจากเรา แต่เราก็โอเค ถ้าให้เราเขียนเรื่องอะไรก็ได้ เราก็เขียนเรื่องความสัมพันธ์
อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นเราอยู่กับเรื่องความสัมพันธ์เยอะด้วย แล้วเราก็คิดว่ามันอาจจะมีบางส่วนที่ไปแตะคนอื่นได้

UNLOCKMEN: คนอื่นเรียกมะหน่อยว่านักเขียน แล้วมะหน่อยล่ะ มองตัวเองเป็นนักเขียนแล้วหรือยัง หรือนิยามตัวเองว่าอะไร?

ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเขียน ตั้งแต่ตอนที่ทำงานเป็นกองบรรณาธิการเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นนักเขียน เราเป็นอะไรหรอ (นิ่งนึก) อืมม นักเล่าเรื่องก็ไม่ใช่ อ่ะ เป็นนักเขียนก็ได้มั้ง (หัวเราะ) แต่มันเขียนเรื่องที่เราอยากจะเขียนน่ะ เราไม่ได้คิดว่าคนจะอยากอ่านอะไร แต่เราคิดว่าเราอยากจะเขียนอะไร

UNLOCKMEN: มะหน่อยเขียนหนังสือทุกวันไหม?

ไม่ค่อย เรามีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเราใช้อารมณความรู้สึกในการเขียน เราเลยทำงานไม่ได้ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ

UNLOCKMEN: งานเขียนแบบที่มะหน่อยเขียนส่วนมากเป็นแนวไหน?

ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา จะเขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์หมดเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่เก่งในเรื่องอื่นมั้ง ถ้าให้เราไปแตะสารคดี เราก็คงทำไม่ได้

UNLOCKMEN: แล้วการเขียนเรื่องความสัมพันธ์มันมีแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงด้วยหรือเปล่า?

มันอาจจะมีเรื่องที่เราเจอด้วย หรืออาจะเป็นเรื่องที่คนอื่นมาเล่าให้ฟัง มาปรึกษา

UNLOCKMEN: งานเขียนสไตล์มะหน่อย มันมีความเฉพาะตัวไหม มีวิธีเล่าเรื่องเฉพาะแบบที่คนอ่านแล้วรู้เลยว่านี่คืองานเขียนของมะหน่อย?

โห ยากเลย เราคิดว่างานของผู้หญิงที่อยู่ในเล่ม (ทำลาย, เธอกล่าว) มันมีความคล้ายกัน เราบอกไม่ได้ว่าคนอื่นจะแยกออกไหม เราก็ไม่ได้โดดเด่นขนาดนั้น แต่ถ้าเราอ่านงานของพี่พู (อุรุดา โควินท์) เราอาจรู้ว่านี่งานของพี่พู

UNLOCKMEN: ถ่อมตัวมาก เรารู้จักเพจ Alarm clock ที่มะหน่อยเขียน มันก็มีสำนวนเฉพาะตัวสูงมาก จนเราอยากรู้ว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของโปรเจคต์นี้?

จริง ๆ เริ่มแรกคือกัญก็มีเพจ ็kkyanee เป็นของตัวเอง เราก็มีเพจเป็นของตัวเอง แตในเพจสิลิ เราจะไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้ เราจะเขียนแค่ในเฟซส่วนตัวของเรา แล้วโด่ง (Creative Tha MATTER) ก็เป็นตัวกลาง เพราะกัญก็อยากให้มีเรื่องด้วย ไม่ใช่มีแค่ภาพอย่างเดียว โด่งก็เลยมาชวนเรา เราก็เลยเขียน แล้วกัญก็วาดรูป

UNLOCKMEN: กระแสตอบรับเพจ  Alarm Clock ดีมาก คิดว่าเป็นเพราะอะไรเรื่องเซ็กซี่ ๆ แบบนี้ถึงมีคนให้ความสนใจ?

เราก็เห็นว่ามันถูกอ่านเยอะ ถูกแชร์เยอะ คิดว่าอาจะเป็นเพราะมันเป็นเรื่องเซ็กส์มั้ง คนไม่รู้ว่าจะไปอ่านได้ที่ไหน แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ที่อยู่ในนิตยสารวาบหวิว ข้อความมันไม่ได้ยาวมากด้วย มันเลยพอจะดึงดูดความสนใจของคนได้ในระยะเวลาหนึ่ง

UNLOCKMEN: เรื่องในเพจมันเซ็กซี่มากเลย ถ้าให้นิยามว่าเราเซ็กซี่ด้วยตัวเองหรือด้วยตัวอักษรมากกว่ากัน?

จริง ๆ ตัวตนเรา เราคิดว่ามันไม่ได้เซ็กซี่เลย ตัวหนังสือมันเซ็กซี่กว่ามากเลยแหละ เพราะว่าเราอ่านเยอะมั้ง เราเลยได้หลาย ๆ อย่าง มันทำให้ตัวหนังสือประดิษฐ์ได้ ต่างจากตัวตนซึ่งเราประดิษฐ์ให้มันดูเซ็กซี่ไม่ได้

UNLOCKMEN: ถ้าเราเชื่อว่าตัวหนังสือมันเซ็กซี่ได้ เราเชื่อไหมว่าคนเราตกหลุมรักกันได้ผ่านตัวอักษร

80% มั้ง เพราะถ้าคนเราตกหลุมรักกันได้ด้วยตัวอักษร แต่มาเจอกันจริง ๆ แล้วมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดมันก็คงเฟล ๆ กันไป

UNLOCKMEN: หนังสือที่ชอบล่ะ มีเล่มไหนที่อยู่ในใจเราเป็นพิเศษบ้าง?

พอมาทบทวนเรื่องที่เคยอ่านมาทั้งหมด เราชอบเด็กเก็บว่าว ชอบต้นส้มแสนรัก จริง ๆ มีอีกเล่มก็คือผมไม่กลัวของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหมดเลย แล้วก็มีจุดร่วมบางอย่างคือมีเหตุการณ์ที่มาทำให้เด็กนั้นบอบช้ำหรือถูกกระทำอะไรที่มันรุนแรง ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงชอบ แค่เป็นข้อสังเกตว่าเป็นจุดร่วมของหนังสือที่เราชอบในแต่ละเล่ม

UNLOCKMEN: หนังสือหนึ่งเล่มที่บอกความเป็นตัวเองตอนนี้ล่ะ?

ความไม่เรียบของความรัก เป็นหนังสือที่เราชอบด้วย อ่านจบไป 2 รอบ มันเป็นรวมเรื่องสั้นของนักเขียนที่ชื่อว่า Hiromi Kawakami เรารู้สึกว่าภาษาของเขามันเรียบง่ายมาก มันน้อย แต่ผลที่ได้กลับมามันมาก เป็นเรื่องความสัมพันธ์นี่แหละ

UNLOCKMEN: สเป็คคนที่ชอบในชีวิตจริงล่ะ เป็นยังไง?

ตอบไปก็คงดูธรรมดามาก ชอบคนที่คุยกันรู้เรื่องมากกว่า มันไม่ได้ต้องชอบเหมือนกันทุกอย่าง ก็ต้องมีพื้นที่ให้กันด้วย

UNLOCKMEN: ถ้าให้เลือกหนังสือหนึ่งเล่มให้กับคนที่ชอบในเดทแรกจะเป็นเล่มไหน เพราะอะไร?

Abstract Bar (ปอ เปรมสำราญ) เพราะรู้สึกว่ามันสั้นดี มันอ่านง่าย จบแป๊ปเดียว แล้วรู้สึกว่าเราชอบของปอ เปรมฯ เล่มนี้ด้วย เพราะเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาเวลาเราเขียน เราไม่ถนัดการเขียนบทสนทนาเลย มันไม่ค่อยมีไดอะล็อกเลย แต่เรารู้สึกว่าแบบปอเนี่ยไดอะล็อกดี หลังจากอ่านเล่มนี้เราก็พยายามให้ตัวละครในงานเขียนเราเริ่มพูดบ้าง

UNLOCKMEN: นอกจากงานเขียนแล้วมะหน่อยสนใจอะไรอีก มีอะไรที่อยาก UNLOCK ความสามารถตัวเองไหม

อยากเย็บผ้าเป็น เรารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ร้านเสื้อผ้ามันเยอะมาก มันไม่น่ายาก ถ้าเรามีอุปกรณ์ให้ลองทำ ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากเพราะที่บ้านเราตัดเย็บเสื้อผ้า เราเลยเสียดายอยากเย็บเป็นบ้าง ปักผ้าเป็นก็ยังดี

UNLOCKMEN: รอยสักที่แขนนี่เป็นเพราะที่บ้านตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยใช่ไหม?

เราก็สนใจเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เรื่องการสัก เราก็มองว่าสวยดี แต่ว่าที่บ้านเราก็ค่อนข้างจะหัวเก่า คงจะไม่ค่อยอยากให้เราสักนัก เราก็เลยต้องหวานล้อมด้วยการสักเรื่องอะไรที่เชื่อมโยงกับที่บ้าน

UNLOCKMEN: มะหน่อยดูเป็นคนคิดอะไรก่อนพูดมาก ๆ สังเกตจากการนิ่งคิดอะไรก่อนจะตอบออกมา เป็นกับเฉพาะตอนให้สัมภาษณ์หรือจริง ๆ ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว?

น่าจะเป็นคนคิดเยอะมั้ง เราจะสังเกตว่าถ้าเราอยู่ในวงสนทนาใหญ่ ๆ เราจะเป็นคนที่พูดน้อยมาก เรารู้สึกว่าเราอาจจะไม่รู้เรื่องที่เขาพูดกันด้วย ก็เลยเลือกที่จะเงียบแล้วก็ฟังมากกว่า

UNLOCKMEN: ทำไมถึงเลือกเป็นผู้ฟัง การเป็นผู้ฟังในวงสนทนามันช่วยอะไรเรา?

มันก็ได้รู้เรื่องที่เราไม่รู้ ฟังเพื่อที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฟังความคิดเห็นคนอื่นว่าเขาคิดเห็นยังไงกับเรื่องนั้น ๆ

UNLOCKMEN: จะมีผลงานอะไรให้เราได้ติดตามไปหลงรักกันอีกไหม เราจะติดตามได้ทางไหนบ้าง?

ฝากติดตามเพจ Alarm Clock และโปรเจคต์ที่จะทำออกมาเป็นเล่มช่วงต้นปีหน้าด้วยนะคะ

ถ้ายังไม่จุใจมากพอ UNLOCKMEN ก็แนะนำว่าจะฉ่ำใจกว่านี้ถ้าได้ไปตามอ่านตัวอักษรของมะหน่อยจากโปรเจคต์ที่เธอทำกับเพื่อนอยู่ หรือจะหาทำลาย, เธอกล่าว จากสำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรมมาอ่านก็คุ้มไปอีกแบบเพราะในนั้นจะอัดแน่นไปด้วยนักเขียนหญิงมากถึง 10 คนให้เราได้เข้าใจพวกเธอมากขึ้นกว่าที่เคย

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line