EVENT

BODHI THEATER ศิลปะดิจิทัลในอุโบสถครั้งแรกกับชัยชนะของศาสนาที่ทำให้เราอยากเข้าวัด!

By: anonymK June 12, 2019

เสียงนกเสียงกา ยังดังกว่าเสียงสวดมนต์

ถึงจะฟังดูแปลกแต่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเมื่อพูดถึงพุทธศาสนาหรือวัดที่อยู่ใกล้บ้านวันนี้ มันไกลกว่าเรื่องเทคโนโลยีหรือคนดังจากอีกทวีปเสียอีก เสียงสวดมนต์กลายเป็นเสียงที่เราอยากจะกด Skip เพื่อข้าม ๆ มันไป ธรรมะทุกข้อที่ได้ยินเหมือนมีอะไรมาอุดมากลบทำให้เราอยากออกมาห่าง ๆ กระทั่งวัดหน้าบ้าน เรายังไม่อยากเข้าเลยเพราะรู้สึกว่า “มันร้อน” เกินทน

พอพูดถึงพุทธศาสนาในศตวรรษที่ 21 เราเลยรู้สึกต่างไปจากความเป็นพุทธฯ ในวันวาน แน่นอนว่าศาสนายังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยกขึ้นหิ้งเหมือนแต่ก่อน จึงเป็นธรรมดาที่คนบางกลุ่มอาจจะดึงมาถูลู่ถูกัง ลากไถไปตามความรู้สึกบ้าง เป็นเรื่องนานาจิตตังที่เราคงไม่เข้าไปห้ามอะไร เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่อยู่มานานพอและจะอยู่ต่อไป คงต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองเสมอ

ขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มที่เชื่อว่าแก่นของพุทธศาสนามันแข็งแรงพอและน่าสนใจ ถ้าได้รับการเล่าเรื่องที่เหมาะสมเข้ากับยุคสมัย ซึ่งดูเหมือนสิ่งที่เขาทำมันสำเร็จแล้ว เพราะทำให้พวกเราตบเท้าเข้าวัดจากผลงานนิทรรศการของเขาที่ใช้ชื่อว่า BODHI THEATER (โพธิ เธียเตอร์) ที่จัดในวัดสุทธิวรารามเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา

ART OF ARS วันนี้ ขอแนะนำให้หาวันว่างไปเข้าวัด ดูนิทรรศการ BODHI THEATER (โพธิ เธียเตอร์) ซึ่งเป็นงานศิลปะสไตล์ ‘Projection Mapping’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากการตีความบทสวด “ชัยมงคลคาถา” ที่เชื่อว่าเราชาวไทยต้องคุ้นเคยจากประโยคขึ้นต้นว่า

พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง…

ชัยมงคลคาถา คือคาถาที่กล่าวถึงชัยชนะ ๘ ครั้งของพระพุทธเจ้าจากการเผชิญหมู่มาร ซึ่งเป็นสัญญะของกิเลสต่าง ๆ ได้แก่ ชนะมาร ชนะอาฬวกยักษ์ ชนะช้างนาฬาคิรี ชนะโจรองคุลิมาล ชนะนางจิญจมาณวิกา ชนะสัจจกนิครนถ์ ชนะนันโทปนันทนาคราช  และชนะพกาพรหม ฉายภาพภายในโบสถ์ ผนังทั้ง 3 ด้านทำหน้าที่เหมือนผ้าใบผืนเดียวกัน แต่เมื่อถูกฉายแล้วให้ความรู้สึกเหมือนภาพสามมิติ เพราะเรานั่งอยู่กลางวงล้อมของภาพที่ฉาย

น้ำเสียงของบทสวดไม่ได้เนิบยาวตลอดการฉาย ดังมาแค่เพียงบางท่อน จากนั้นภาพและเสียงเอฟเฟกต์ที่ลงตัวจะเล่าเรื่องต่อ เร้าความรู้สึกตื่นตัวตื่นเต้นต่อภาพตรงหน้าจนต้องหันรีหันขวางตามภาพเคลื่อนไหวตลอดเวลา ความน่าทึ่งคือเขาคำนวณมาแล้วโดยละเอียดเรื่ององศาการฉายแสงและทำให้พระประธานตรงกลางโบสถ์สวมบทบาทดำเนินเรื่องราวในฐานะของพระพุทธเจ้าทุกตอนที่ฉาย

เวลาเพียงชั่วครู่ที่ Project Mapping ฉาย ถึงจะเป็นการเล่าเรื่องอภินิหารของพระพุทธเจ้า แต่ความจริงทุกตอนล้วนแทรกแก่นหลักธรรมเรื่องการเอาชนะกิเลสภายในจิตใจให้เราเข้าถึงได้ง่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นความก้าวร้าว ความโกรธ การบิดเบือน ความไม่รู้ การใส่ร้าย ฯลฯ ผู้สร้างผลงานจึงตีความเรื่องราวทั้งหมดจากบทสวดออกมาเป็นภาพ และใช้กุศโลบายดึงเรื่องเล่ามาออกแอ็กชัน ถ่ายทอดให้ทุกเพศวัยสามารถให้เข้าถึงได้แบบไม่ฝืน

ใครที่เห็นภาพที่เราไปถ่ายมาแล้วยังมองภาพไม่ออกว่ามันจะดีได้ขนาดนั้นเลยจริงเหรอ เรารับประกันตรงนี้เลยว่าดีจริง! ถ้าคุณพลาดเราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสดี ๆ ให้เข้าวัดไปชมงานศิลป์ที่ทำให้เราอิ่มทั้งเรื่องศาสน์และศิลป์อย่างสนุก ๆ ฟรี ๆ แบบนี้ได้อีกเมื่อไหร่

นานแค่ไหนที่พุทธศาสนาไม่ได้ทำให้เราตื้นตันและอยากเอาชนะใจตนเอง
นานแค่ไหนที่ศาสนาไม่ได้ตำหนิบาปบุญในเรื่องเล่า
หวังว่าทุกคนจะได้ดูงานดี ๆ แบบนี้และพิสูจน์ด้วยสายตาตัวเองเหมือนที่เราเห็น

Bodhi Theater FB

งานนิทรรศการจะจัดถึงวันที่ 23 เดือนมิถุนายนนี้ ที่วัดสุทธิวราราม สำหรับใครที่จองตั๋วไม่ทัน สามารถมาที่หน้างานเพื่อรับบัตรคิวสำรองได้ อ่านวิธีการรับบัตรคิวสำรองที่นี่ http://bit.ly/2K12kpg และสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่เพจของ Bodhi Theater

 

PHOTOGRAPHER: Warynthorn Buratachwatanasiri 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line