เสียงนกเสียงกา ยังดังกว่าเสียงสวดมนต์ ถึงจะฟังดูแปลกแต่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเมื่อพูดถึงพุทธศาสนาหรือวัดที่อยู่ใกล้บ้านวันนี้ มันไกลกว่าเรื่องเทคโนโลยีหรือคนดังจากอีกทวีปเสียอีก เสียงสวดมนต์กลายเป็นเสียงที่เราอยากจะกด Skip เพื่อข้าม ๆ มันไป ธรรมะทุกข้อที่ได้ยินเหมือนมีอะไรมาอุดมากลบทำให้เราอยากออกมาห่าง ๆ กระทั่งวัดหน้าบ้าน เรายังไม่อยากเข้าเลยเพราะรู้สึกว่า “มันร้อน” เกินทน พอพูดถึงพุทธศาสนาในศตวรรษที่ 21 เราเลยรู้สึกต่างไปจากความเป็นพุทธฯ ในวันวาน แน่นอนว่าศาสนายังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องยกขึ้นหิ้งเหมือนแต่ก่อน จึงเป็นธรรมดาที่คนบางกลุ่มอาจจะดึงมาถูลู่ถูกัง ลากไถไปตามความรู้สึกบ้าง เป็นเรื่องนานาจิตตังที่เราคงไม่เข้าไปห้ามอะไร เพราะเราเชื่อว่าอะไรที่อยู่มานานพอและจะอยู่ต่อไป คงต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองเสมอ ขณะเดียวกันก็มีคนอีกกลุ่มที่เชื่อว่าแก่นของพุทธศาสนามันแข็งแรงพอและน่าสนใจ ถ้าได้รับการเล่าเรื่องที่เหมาะสมเข้ากับยุคสมัย ซึ่งดูเหมือนสิ่งที่เขาทำมันสำเร็จแล้ว เพราะทำให้พวกเราตบเท้าเข้าวัดจากผลงานนิทรรศการของเขาที่ใช้ชื่อว่า BODHI THEATER (โพธิ เธียเตอร์) ที่จัดในวัดสุทธิวรารามเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ART OF ARS วันนี้ ขอแนะนำให้หาวันว่างไปเข้าวัด ดูนิทรรศการ BODHI THEATER (โพธิ เธียเตอร์) ซึ่งเป็นงานศิลปะสไตล์ ‘Projection Mapping’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากการตีความบทสวด “ชัยมงคลคาถา” ที่เชื่อว่าเราชาวไทยต้องคุ้นเคยจากประโยคขึ้นต้นว่า พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง… ชัยมงคลคาถา คือคาถาที่กล่าวถึงชัยชนะ