ในปี 1993 เป็นครั้งแรกที่ Porsche เปิดตัว 911 3.6 Turbo เพิ่มความจุเครื่องยนต์จาก 3.3-liter เป็น 3.6-liter single-turbo flat-six ให้ output มากถึง 355 hp ซึ่งเป็นตัวเลขที่แรงที่สุดของ Porsche ในขณะนั้น แต่รถคันที่เห็นอยู่พิเศษและหายากยิ่งกว่า เป็นรหัส Turbo S ที่ Porsche ใช้เครื่องยนต์รหัส X88 ซึ่งผ่านการจูนสำหรับลงแข่งในรายการ IMSA race cars ซึ่งจะอัพเกรดทั้ง bigger turbo, upgraded intercooler, bigger fuel injectors, upgraded camshaft, new exhaust รวมให้พละกำลังมากถึง 380 horsepower and 384 pound-feet of torque แรงสูสี
คนอื่นอาจมองไปไม่รู้ว่ามันพิเศษแค่ไหน แต่สำหรับนักสะสมและชาว Bimmers อาจจะรู้ว่านี่คือสุดยอดของแรร์หายาก 1987 BMW Alpina B7 Turbo Coupe/1 เป็นรถที่ Alpina นำ BMW 6 Series มาทำ full conversion เป็นครั้งแรก จากจำนวน Alpina B7 Turbo Coupe ทั้งหมดสร้างขึ้นมา 130 คัน มีเพียงแค่ 20 คันในโลกที่ได้ติดตั้ง catalytic converters และมีชื่อรหัสแยกย่อยไปเป็น B7 Turbo Coupé/1 Katalysator Alpina B7 Turbo Coupe/1 Katalysator สามารถรีดแรงม้าจากเครื่องยนต์ 3.5-liter turbocharged จาก 630 CS E24 ให้ได้ output มากถึง 324 แรงม้า
สำหรับนักสะสม McLaren P1 น่าจะเป็น sports car ที่ทั้งแรงและแพงสะใจ แต่ถ้าคุณต้องการความแรงที่พิเศษมากกว่า สำนัก Lanzante มีรุ่นพิเศษยิ่งกว่า นั่นคือการนำ McLaren P1 GTR รถแข่งแบบ track-only มาปรับแต่งให้กลายเป็นรถบ้านที่ขับแบบ road-legal ได้ McLaren P1 GTR-spec ถูกผลิตออกมาเพื่อลงแข่งในสนาม มีจำนวนทั้งหมด 58 คันในโลก ขุมพลัง 986 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 3.8-liter V8 twin-turbocharged พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 2.8 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดเกือบ 350 km/h แถมยังมีน้ำหนักตัวเบากว่า P1 รถบ้านถึง 50kg จากการถอดสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในห้องโดยสารทิ้งไป การนำรถแข่ง track-only มาดัดแปลงใหม่ให้เป็น road-legal โดยเฉพาะอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน กระจกข้าง
ผ่านพ้นไปแล้วอย่างอบอุ่น ชื่นมื่น รื่นรมย์ กับทริป ‘เวสป้า พาเที่ยว’ งานรวมตัวของเหล่าเวสป้าเลิฟเวอร์พร้อมสกู้ตเตอร์คู่ใจ ที่บอกได้คำเดียวว่า ‘โคตรชิลล์’ และเต็มอิ่มไปด้วยมิตรภาพ ไม่ว่าจะขี่เวสป้ารุ่นไหนก็มาจอยกันได้อย่างไม่เคอะเขิน 🛵 ที่สำคัญงานนี้ยังจัดเต็มด้วยบรรยากาศดี ๆ วิวสวย ๆ ที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบกว้างใหญ่ / ร่มไม้ / ทิวเขา และสายลมของ BANGKOK BACKYARD ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นลานกิจกรรมสไตล์ชาวแคมป์ให้ชาวเวสป้าได้สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน ภายในมีกิจกรรมชิล ๆ สำหรับนักเดินทางเอาไว้มากมาย ทั้งร่วมดริปกาแฟนั่งจิบเพลิน ๆ ก่อนเดินไปสกรีนเสื้อยืดลวดลายสุดเท่ พร้อมอิ่มท้องกับ BBQ รสชาติเยี่ยม เพื่อเตรียมตัวเข้า Workshop ‘Vlog Like a Pro’ จากผู้กำกับหนังโฆษณาฝีมือดี ‘พี่เต้ – VespaJerseyClub’ ซึ่งมาร่วมแชร์เทคนิคการคิดไอเดีย / ถ่ายทำ / ตัดต่อ Vlog ให้ชาวเวสป้าบันทึกเรื่องราวการเดินทางของตัวเองได้อย่างสวยงามมีสไตล์น่าประทับใจมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อแชร์ความทรงจำบนล้อสกู้ตเตอร์ให้แก่กันและกัน เป็นแรงบันดาลใจในการมารวมตัวออกทริปเวสป้าในครั้งต่อไป สำหรับใครที่พลาดโอกาสการร่วมทริปครั้งนี้อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะเราได้รวบรวมภาพบรรยากาศมาให้ชมกันแบบเต็มที่
รถบางรุ่นเกิดมาก็มีมูลค่าน่าเก็บสะสมทันทีที่ออกจากสายพานการผลิต Porsche 911 ในร่าง Speedster คันนี้ก็เช่นกันครับ นี่คือ 1989 Porsche 911 Speedster รถที่ถูกเปิดตัวอย่างสุดเซอร์ไพรส์ในงาน Frankfurt International Auto Show ปี 1987 ทุกคนในงานคาดว่าจะได้เห็นตัวถัง Cabrio แต่กลับกลายเป็น Speester ที่หรูหราน้อยกว่า แต่กลับมีมูลค่ามากกว่าเพราะผลิตในช่วงเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น 1989 Porsche 911 Speedster สร้างบนพื้นฐานของ 930 Turbo จึงได้ตัวถัง widebody แต่ไม่มี ‘whale tail’ เพราะถูกแทนที่ด้วย “camel hump” ผลิตแผ่น fiberglass ครอบตัวถังด้านท้าย ใช้ขุมพลัง 3.2-liter air-cooled flat six-cylinder 231 horsepower and 195 pounds-feet of
ยังคงฉลอง 50 ปี BMW M อันอย่างต่อเนื่อง และนี่ก็เป็นการเปิดตัวที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบปีนี้ของ BMW กับการนำตำนาน BMW 3.0 CSL (E9) หรืออีกชื่อเรียกคือ BMW Batmobile รถแข่งที่ทำเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 6.8 วินาทีตั้งแต่ยุค 70s กลับมาโลดแล่นอีกครั้งใน 2023 BMW 3.0 CSL ซึ่งเป็นรถที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในตระกูล ความแตกต่างภายนอกผ่านการติดตั้งชุดพาร์ทใหม่รอบคัน โป่งล้อหน้าหลังที่ rear wing ขนาดใหญ่ที่ทำให้มันได้ชื่อว่า Batmobile แปะสัญลักษณ์ M Power ไว้เต็มพื้นที่ ดีไซน์ไฟท้ายและช่องดักอากาศ ผลิตจาก Carbon Fiber Reinforced Plastic ซึ่งผลิตและประกอบในโรงงาน Dingolfing ซึ่งเป็นโรงงานผลิต Rolls-Royce และติดตั้งแบบ hand-built เช่นเดียวกัน รวมถึงเส้นสาย M graphics บนตัวถังสี
ย้อนไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1939 และจบลงในปี 1945 ท่ามกลางชีวิตหลังสงครามเหลือไว้เพียงซากปรักหักพัง ได้มีนวัตกรรมหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากช่วงเวลายากลำบากที่สุดของมวลมนุษยชาติ หลายสิ่งถูกคิดค้นขึ้นเพื่อฟื้นฟูความสะดวกในการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีและสิ่งของที่หลงเหลืออยู่ บางอย่างเกิดขึ้นและดับไป บางอย่างก็ได้กลายเป็น Culture ฝังรากลึกลงไปในวิถีชีวิตของมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ Lambretta แบรนด์ scooter สัญชาติ Italian จากเมือง Milan ที่มีอายุรวมมากถึง 75 ปี นับตั้งแต่ Lambretta เผยโฉมโมเดลแรกสุดในปี 1947 ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ Scooter ที่มีประวัติความยิ่งใหญ่สืบทอดมาอย่างยาวนาน มีโมเดลระดับ Iconic ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ post-war Italian design และยังเป็นหมุดหมายบันทึกประวัติศาสตร์สำคัญของโลกแห่ง Scooter มากมายหลายรุ่น ก่อนจะพัฒนามาสู่ Lambretta รุ่นใหม่ ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน วันนี้เราจะพาไปย้อนดูเรื่องราวในอดีตที่สำคัญตั้งแต่ก่อนจะมีคำว่า Lambretta ผ่าน timeline ของ Scooter รุ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
Lunaz สำนักผู้เชี่ยวชาญด้านการจับ classic Range Rover มาชุบชีวิตด้วยขุมพลังไฟฟ้า เป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีกำลังการผลิตปีละเพียง 50 คัน ในราคาเริ่มต้นคันละ 12 ล้านบาท แต่ดูจากภาพก็รู้ว่ายอดจองเต็มโควต้าทุกปี ผลงานของ Lunaz แบ่งเป็นสองรุ่นย่อย เริ่มจาก “Country” ในสีฟ้า Maya Blue เป็น Land Rover Range Rover รุ่นคลาสสิคที่นำมาตัดหลังคาแบบ drop-top ใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 360 แรงม้า แรงบิด 612 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ all-wheel-drive ด้านในตกแต่งอย่างหรูและทันสมัย ด้านหลังมีที่นั่งเลาจน์สำหรับผู้โดยสาร 6 คน ปูพื้นด้วยไม้ Mocca Walnut อย่างกับนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโรงแรมหรู รุ่นต่อมาคือ “Town” ใช้ตัวถัง long-wheelbase Range Rover เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารมากกว่าจะเน้นลุย หลังคาสามารถเปิดได้แบบ open-top หากต้องการรับลม ภายในใช้จอ
Rolex จริงจังกับการเป็นเจ้าแห่งนาฬิกาดำน้ำ นับตั้งแต่ Submariner (1953) พัฒนาไปเป็น Sea-Dweller (1967), Deepsea (2008) มาจนถึง Deepsea Challenge ในวันนี้ กลับมาคว้าเจ้าของสถิติ Production Diving Watch ที่ดำน้ำได้ลึกที่สุดในโลก ด้วย Deepsea ตัวเรือน Titanium case ครั้งแรกของ Rolex กับรหัส reference 126067 หลังจากเคยส่ง experimental watch ลงไปกับเรือดำน้ำใต้ Maraiana Trench จุดที่ลึกที่สุดในโลกกับ James Cameron มาแล้วในปี 2012 Rolex Deepsea Challenge 2022 หน้าปัดขนาด 50mm หนา 23mm เป็นกระจก Sapphire crystal glass ถึง 9.5mm กลไก
Nissan Z GT4 เปิดตัวอย่างหล่อในงาน SEMA 2022 มาพร้อมป้ายราคา $229,000 หรือราว 9 ล้านบาท ไม่รวมภาษีไทย เผื่อใครอยากซื้อไปทำรถแข่ง ถือว่าโหงวเฮ้งดีทีเดียว สำหรับตัวแข่งเวอร์ชันแรกของ Nissan Z ที่พัฒนามาเพื่อแข่งขันในรายการ GT4 class เผยโฉมแล้วบนเวที SEMA 2022 มาพร้อมขุมพลังเริ่มต้น VR30DDTT twin-turbo V6 450 hp 443 lb-ft of torque ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของ “Balance of Performance” (BOP) ที่จำกัด max output ไว้ไม่ให้จูนกันแรงเกินไป แปลว่ารถคันนี้ยังสามารถไปได้เร็วกว่านี้อีกหลายเท่าตัว ภายนอกของรถคันนี้แต่งขึ้นมาสำหรับงาน SEMA โดยเฉพาะ ดังนั้นรถแข่งคันจริงอาจจะมีสีและลวดลายที่แตกต่างออกไป ตัวเลข 23 บนฝากระโปรงรถเป็นเลข Exclusive Number ของ Nissan ซึ่งระลึกถึงประวัติศาสตร์ด้านการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ในช่วงปี