BMW เปิดตัวขวัญใจพ่อบ้าน 2025 5 Series Touring มาตามนัดทั้งเครื่องยนต์ plug-in hybrid และ EV พกแรงม้ามาสูงสุดถึง 593 hp เป็น Sleeper ที่แรงสะใจพ่อบ้านสายซิ่ง มิติตัวถังของ 5 Series Touring มีความยาวถึง 199 นิ้ว เกือบจะเท่า BMW 7 Series G11 รุ่นก่อนได้เลย มีความกว้าง 74.8 นิ้ว และสูง 59.6 นิ้ว ด้านท้ายใส่สัมภาระได้จุใจถึง 20.1 ลูกบาศก์ฟุต และสามารถพับเบาะหลังเพิ่มความจุได้มากถึง 60 ลูกบาศก์ฟุต ได้เท่ากันไม่ว่าจะเลือกเครื่องยนต์เผาไหม้หรือไฟฟ้า จุของเยอะกว่า Audi A6 Avant แต่ยังน้อยกว่า E-Class Estate แบบไม่ Hybrid นิดหน่อย ตัวท็อปสุด i5
เป็นปกติของ Porsche ที่เมื่อถึงเวลา facelift มักจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เป็นขุมพลังที่อัพเกรดใหม่ให้แรงสะใจยิ่งขึ้น และสำหรับ Porsche Taycan Turbo S ใหม่ก็อัพเกรดแรงม้าให้สะใจกลายเป็น ultra-mega-powerful EV จากเดิม 750 hp พุ่งทะยานไปไกลถึง 938 hp ทำเวลา 0-100 km/h ได้เร็วสะใจใน 2.3 วินาที กลายเป็น Porsche road-car ที่แรงที่สุดในตระกูลเรียบร้อย ขุมพลังใหม่เพิ่มขึ้นจาก new electric motor ที่มีพละกำลังมากขึ้นและเบาขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน โดยตัว base rear-drive model ก็จะมีแรงม้าเริ่มต้นที่ 483 hp และไม่ใช่แค่ความแรง แต่ Porsche ยังเพิ่ม battery ใหม่สูงสุดเป็น 105 kWh และ 89 kWh ในตัวเริ่มต้น เพิ่มระยะทางการขับให้ไกลยิ่งขึ้น
รุ่นนี้ทำอะไรก็ดีไปหมด High-performance Wagon ตัวแรงขวัญใจพ่อบ้านทุกหมู่เหล่า เปิดตัว limited edition รุ่นใหม่ที่ดุและแรงยิ่งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจาก Audi 90 Quattro IMSA GTO racecar ตัวแข่งจาก 1989 American IMSA Series ในตำนาน แรงจัดด้วยม้า 621 ตัวจากเครื่องยนต์ twin-turbocharged 4.0-liter V8 แรงบิด 625 lb-ft ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 3.2 วินาที เกียร์ 8-speed automatic ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่ใช่แค่ความเร็ว การควบคุมที่เฉียบคมขึ้นคือจุดเด่นหลักของ RS6 Avant GT นอกจากการดีไซน์ aerodymanic ที่ดีขึ้น ยังมาพร้อม Locking Center Differential ใหม่ล่าสุดที่พัฒนาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ กระจายแรงหน้าหลังในอัตราส่วน
โมเดลสุดหรูสำหรับคนรักสุนัข BMW X7 xDrive40d Poldo Dog Couture Edition แบรนด์สำหรับคนรักสุนัขสุดหรูใน Italy กับ trim พิเศษผ่านการ customized ตกแต่งได้อย่างสุดคลาสสิก ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วสำหรับลายไม้ในห้องโดยสาร เป็นไม้มะเกลือ (Ebony wood) ผลงานจากช่างไม้ระดับ Master Capenter ตัดกับความนุ่มนวลของหนัง Alcantara สีเขียว Oxford Green แบบเดียวกับภายนอก เป็นการดีไซน์ที่สวยงามและดูดีมาก ๆ แนวคิดการออกแบบ BMW X7 edition สุดพิเศษนี้มาจากกลิ่นอาย บรรยากาศ สีสันของธรรมชาติยามเช้าในป่าที่มีสุนัขตัวโปรดอยู่ข้าง ๆ ภาพจำนั้นถูกนำมาตีความทั้งสี การตกแต่ง อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถ ทุกจุดของรถผ่านการคิดคำนวณเพื่อความสุขสูงสุดของน้องหมาอย่างครบถ้วน ฟีเจอร์อันแน่นความเป็น dog-friendly ที่แม้ไม่มีหมาแต่ชอบสีเขียวลายไม้ก็ซื้อได้ ที่สุดทั้งด้านดีไซน์และการใช้งาน โดยใน Poldo Dog Couture Edition จะมีชุด travel
น่าจะเป็น Porsche 914 ที่ทำออกใหม่ได้สวยกว่าของเดิมซึ่งเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดของ Porsche นี่คือโปรเจค restomod ที่ทีม Fifteen Eleven Design ใช้เวลาพัฒนานานถึง 3 ปี ใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Cayman S เครื่องยนต์ 3.8-liter flat-six ผ่านการจูน ECU และอัพเกรดชิ้นส่วนภายในใหม่จนได้แรงม้าราว 400 ตัว จับคู่เกียร์ 6-speed Manual ทีม Fifteen Eleven Design ทิ้งไฟหน้า pop-up สุดคลาสสิกออกไปแทนที่ด้วยไฟ LED ย้ายมาไว้ด้านล่างของกันชนหน้าซึ่งต้องออกแบบใหม่เนื่องจากเดิม 914 ระบายความร้อนแบบ air-cooled แต่ Cayman S ใช้ liquid-cooled ซึ่งต้องพื้นที่สำหรับหม้อน้ำและ oil cooler ตัวถัง Targa เปิดหลังคาผลิตจาก Carbon Fiber ฟิลลิ่งการขับการควบคุมรถถูกออกแบบใหม่ให้รองรับกับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ชุดโช้ค
BMW น่าจะเป็นค่ายเดียวในตอนนี้ที่มีเกียร์ Manual ให้เลือกในรถใหม่หลายรุ่น ล่าสุดก็เป็นไปตามคาดสำหรับ BMW Z4 M40i ที่เปิดตัวใหม่พร้อมเกียร์ 6-Speed Manual หลังพัฒนาภายใต้รหัส Handschalter (Hand Shift) เป็นชุดเกียร์ที่พัฒนาสำหรับเครื่องยนต์ turbocharged 3.0-liter inline-six โดยเฉพาะ พร้อมระบบช่วยขับอย่าง variable-ratio steering system, traction control, M Sport differential, rear suspension dampers และ reinforced anti-roll bar เพื่อให้ความรู้สึกในการเปลี่ยนเกียร์แม่นยำและสื่อสารกับรถได้อารมณ์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น เครื่องยนต์ turbocharged 3.0-liter inline-six ให้ output รวม 382 hp แรงบิด 369 lb-ft ทำความเร็ว 0-100 ใน 4.2 วินาที ช้ากว่าเกียร์
ถึงเวลาอัพเดทใหม่ เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจมากสำหรับ 2024 BMW 4-Series ทั้งตัวถัง Coupe และ Convertible เปิดตัวพร้อมกันตั้งแต่โมเดลธรรมดาไปจนถึง M4 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นไปตามคาดสำหรับดีไซน์ที่มีการปรับเล็กน้อยตามประสา LCI ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือชุดไฟหน้าหลัง โดยไฟหน้าหันไปใช้ไฟแบบ LED ใหม่มี arrow-shaped DRLs แนวตั้งแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง X5 และ X6 มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ในสี high-gloss black ดูสปอร์ตมากขึ้น ส่วนไฟท้ายใหม่ 3D Laserlight แบบเดียวกับใน M4 CSL ติดตั้งเป็นมาตรฐานใน M44oi เป็นจุดเด่นที่ทำให้ 4-Series ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น บอดี้มีสองสีใหม่ให้เลือกคือ Cape York Green metallic และ Vegas Red metallic ภายในห้องโดยสารในที่สุดก็ได้พวงมาลัยท้ายตัดมาใช้งานกันแล้ว พร้อมอัพเกรดระบบ iDrive 8.5 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด เบาะนั่ง Sports ติดตั้งเป็นมาตรฐาน
เปิดตัวในงาน LVMH Watch Week 2024 จักรกลระดับ Grand Complication เรือนล่าสุดจาก Hublot มาพร้อมชื่อที่ยาวไม่แพ้ป้ายราคา MP-10 Tourbillon Weight Energy System เป็นอีกครั้งที่ Hublot เลือกฉีกคำนิยามของนาฬิกาแบบเก่า ๆ ใช้ความกล้าหาญและสร้างสรรค์ในการดีไซน์ กลไก HUB9013 movement บอกเวลาผ่าน rolling cylinders time display คล้ายใน MP-05 LaFerrari โดยมีแหล่งพลังงานจาก sliding weights ที่ขยับขึ้นลงทุกครั้งที่เราขยับมือไปมา ควบคุมเวลาผ่าน inclined flying tourbillon ซึ่งมีการเพิ่ม seconds scale ลงไป เป็นครั้งแรกที่สามารถรวมสุดยอดกลไกระดับ grand-complication level ที่ซับซ้อนที่สุดมาไว้ในเรือนเดียวกันได้สำเร็จ วิธีดูเวลาของ MP-10 คือหลักชั่วโมงจะอยู่ที่ cylinders ด้านบนสุด ตามด้วยหลักนาทีด้านล่าง ลงมาจาก
ปีนี้ถือเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับ Longines เนื่องจากเป็นปีที่ “Conquest” คอลเลคชั่นมีอายุครบ 70 ปี ตำนานที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1954 และยังเป็นปีที่ชื่อ Conquest ถูกจดลิขสิทธิ์อย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสุดพิเศษให้กับคอลเลคชันนี้ Longines จึงออกแบบนาฬิการุ่นคลาสสิกนี้ขึ้นใหม่ภายใต้ชื่อ Conquest Heritage Central Power Reserve ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Conquest Power Reserve ลำดับที่ 2 ในปี 1959 กับจุดเด่นที่สะเทือนโลกนาฬิกาด้วยจากดิสเพลย์พลังงานสำรองบนจานหมุน (rotating disc) ที่ตั้งอยู่กลางหน้าปัด บ่งบอกระดับพลังงานสำรองที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ที่คิดค้นและจะพบได้เฉพาะที่ Longines เท่านั้น เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับ 70 ปีแห่งนวัตกรรมและความสง่างามของ Longines Conquest collection เราจะพาทุกท่านย้อนเวลาไปทำความรู้จักกับ Conquest ให้ดีขึ้นตั้งแต่เรือนแรกในปี 1954 จนถึงเรือนล่าสุดเพื่อพิสูจน์ความสง่างามเหนือกาลเวลาของนาฬิการุ่นนี้กันครับ 1954 – LONGINES CONQUEST REF. 9001 ; ตัวเรือนขนาด
ช่วงปี 1956 ผลงานการออกแบบของ Pininfarina เป็นที่ยอมรับอย่างสูง เป็นดีไซน์เนอร์เบอร์หนึ่งของ Ferrari ที่รับผิดชอบผลงานเกือบ 100% ของโมเดลในยุคนั้น และเมื่อ 250-based concept ถูกเปิดตัวในงาน Geneva Motor Show ผู้คนต่างสนใจจนนายใหญ่สั่งเดินหน้าเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนพัฒนาต่อไป แต่ติดที่งานมันล้นเหลือเกิน จน Pininfarina ต้องเรียกมือขวามาช่วยพัฒนาต่อบน prototype ที่ตัวเองวางไว้ และ 250 GT Coupé คันนี้ก็ได้ Ezio Ellena จากสำนักออกแบบ Carrozzeria Ellena มาสานต่อจนเสร็จเรียบร้อย ทำให้รถคันนี้มีรายละเอียดและความรู้สึกที่แตกต่างออกไป Ferrari 250 GT Coupé ถูกผลิตออกมาทั้งหมดจำนวน 130 คัน แบ่งเป็นผลงานของ Mario Felice Boano 80 คัน และ Carrozzeria Ellena เพียง 50 คันเท่านั้น