แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 22 ปีไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ตำนานแร็ปเปอร์อันดับ 1 ของโลก TUPAC SHAKUR หรือ 2PAC เสียชีวิตจากการถูกยิงในปี 1996 แต่เราเชื่อเหลือเกินว่าสำหรับแฟนเพลงหรือผู้ที่ชื่นชอบผลงานของเขา จิตวิญญาณของ 2PAC ยังคงจับต้องได้เสมอในทุก ๆ ครั้งที่หยิบเพลงมาเปิด แม้ปัจจุบันตัวของ Pac จะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่ยังคงมีงานเพลงบางส่วนที่ 2PAC แต่งทิ้งเอาไว้ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ และยังไม่เคยปล่อยออกมาให้โลกได้รับฟังมาก่อน ซึ่งตอนนี้พร้อมจะถูกรวบรวมออกมาเป็นอัลบั้มแล้ว หลังจากที่ครอบครัวของเขาจัดการเคลียร์เรื่องลิขสิทธิ์กับทางค่ายได้สำเร็จ กินเวลานานเกือบ 10 ปีสำหรับปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลงของ TUPAC SHAKUR หลังแม่ของเขายื่นฟ้องค่ายเพลงสัญชาติแคนาดา ONE Entertainment (eOne) ซึ่งได้เข้ามาซื้อสังกัดดั้งเดิมในยุครุ่งเรือง DEATH ROW RECORD จนทำให้พวกเขากลายมาเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดมูลค่ามากกว่า $6 million USD คดีความผ่านไปนานจนแม่ของ TUPAC เสียชีวิตลง และคนที่เข้ามารับเรื่องต่อคือน้องสาวแท้ ๆ ของตระกูล Shakur และเหมือนกับว่าฟ้าจะเป็นใจให้ความพยายามอย่างยาวนาน ล่าสุดศาลตัดสินให้ทางค่ายต้องจ่ายลิขสิทธิ์เพลงของ TUPAC มูลค่ากว่าล้านเหรียญ รวมถึงยกเพลงที่ยังไม่ปล่อยออกมาทั้งหมดให้กับครอบครัวของเขาด้วย ในอดีต DEATH ROW RECORDS
LAND ROVER ค่ายรถยนต์หัวกะทิโดยเฉพาะในรูปแบบ Four-wheel Drive ยังคงมีแผนการพัฒนาพาหนะเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่ตลอด ล่าสุดพวกเขาได้เปิดตัวรถยนต์กู้ภัยสุดล้ำสำหรับใช้งานในหน่วยสภากาชาด โดยต่อยอดแนวคิดมาจากรถ Project Hero Concept เมื่อปี 2017 และเลือกจะยกเครื่องโมเดลรถ LAND ROVER DISCOVERY เพื่อดัดแปลงเป็นศูนย์บัญชาการช่วยชีวิตเคลื่อนที่ ซึ่งจะกลายเป็นต้นแบบรถช่วยชีวิตในอนาคตได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับค่ายผู้ผลิตรถอย่าง Jaguar Land Rover ในการร่วมมือกับสภากาชาด เพราะนับเป็นเวลากว่า 64 ปีแล้วนับตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาสนับสนุนรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือขนย้ายเวชภัณฑ์ผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุและสมบุกสมบันของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปี 1954 จนเวลาผ่านมาถึงปัจจุบัน Land Rover ก็ยังคงให้การสนับสนุนด้านพาหนะต่อสภากาชาดมาตลอด ด้วยการส่งรถยนต์กว่า 120 คัน ไปให้ศูนย์ช่วยเหลือในทุกซอกมุมโลก กระจายตัวไปมากกว่า 25 ประเทศทั่วโลก ก่อนในปีที่ผ่านมาจะปล่อยโมเดลตัวอย่างรถยนต์กู้ภัยร่วมกับสภากาชาดของประเทศออสเตรีย ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของ LAND ROVER “CONCEPT HERO” ในปัจจุบัน DISCOVERY “CONCEPT HERO” 2018 ถูกสร้างและดัดแปลงขึ้นมา เพื่อใช้เป็นศูนย์บัญชาการสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานที่เข้าถึงได้ยาก รวมถึงเป็นรถช่วยเหลือหลักในการค้นหาผู้สูญหายจากกรณีต่าง ๆ ซึ่งรถรุ่น LAND ROVER DISCOVERY ก็เป็นคำตอบที่ใช่
หลังจากมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า Virgil Abloh ผู้กุมบังเหียนงานออกแบบเสื้อผ้าแผนก Menswaer จากห้องเสื้อสุดหรูอย่าง Louis Viutton กำลังมีแผนจะร่วมงานแบรนด์ Retail ยักษ์ใหญ่สัญชาติสวีเดนอย่าง IKEA เพื่อออกแบบสินค้าร่วมกันมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ความคืบหน้าล่าสุดตอนนี้พวกเขาได้เปิดตัว Pop-up Store ของ Virgil Abloh x IKEA แห่งแรกขึ้นเพื่อใช้แสดงงานที่อยู่ในคอลเลกชันล่าสุด “markerrad” โดยเป้าหมายแรกคือมหานครปารีส “STILL LOADING“ คือชื่อของ Pop-up Store แห่งแรกที่ Virgil Abloh และ Henrik Most ซึ่งเป็นทั้ง Creative Leader ของ IKEA และ Project Partner เป็นผู้กำหนดขึ้น โดยเลือกจะแปลงโฉมไนท์คลับชื่อดังใจกลางเมืองปารีส Nuits Faives เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดแสดง โดยคอนเซ็ปต์ของมันถูกเล่าจากปาก Virgil Abloh ว่า “เราพยายามจับกลุ่มคนที่ต้องการตกแต่งบ้าน โดยมีโจทย์ว่าต้องการบ้านที่มาจากตัวตนของตัวเองและมีความแตกต่างจากบ้านทั่วไป เพราะคนส่วนใหญ่มักเติบโตมาจากบ้านซึ่งมีสภาพแวดล้อมมาจากความคิดและความต้องของพ่อแม่หรือคนอื่น เราเลยตั้งใจออกแบบผลงานออกมาเพื่อเอาใจคนที่มองหาสิ่งใหม่ รับรองว่าทันทีที่เห็น ทุกคนจะอยากซื้อมันกลับบ้านในทันที “ ภายใน Pop-Up ประกอบไปด้วยชุดพรมสไตล์โมเดิร์นซึ่งเราเคยเห็นกันมาแล้ว แต่รอบนี้เราจะได้ทราบถึงเรทราคาของมันด้วย โดยพรมสีดำมาพร้อมกับคำว่า “GREY” ราคา 129
ปัจจุบันเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจากวงการแฟชั่นในแต่ละปีมีมูลค่ามากมายมหาศาล ผลที่ตามมาคือการแข่งขันทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะทุกแบรนด์ล้วนแต่ต้องการส่วนแบ่งอันหอมหวลด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่วันนี้เราจะเห็นแคมเปญโฆษณาเจ๋ง ๆ ถูกผลิตออกมาเต็มไปหมด รวมถึงการย้อนกลับมาพึ่งพารูปแบบดั้งเดิมอย่างการโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายกำลังตามกระแสดังกล่าวกันเป็นแถว ล่าสุดกับหน้าแรกของหนังสือพิมพ์อย่าง New York Post ก็ได้กลายเป็นเป้าหมายของ Kanye West เพื่อใช้เปิดตัวการกลับมาของรองเท้ายอดนิยม YEEZY BOOST 350 V2 “Triple White” โดยเขาได้ซื้อพื้นที่ทั้งหมดในหน้าหนึ่ง (Front Page Cover Wrap) เพื่อใส่วลีสำหรับแคมเปญรองเท้าอย่าง “We Love” ทั้งหมด 11 ภาษาวางเรียงกันก่อนจะปิดท้ายด้วยรูปใบปิดจาก Lookbook ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ฉบับเดียวเพราะทาง Kanye West ได้เหมาลงโฆษณาแบบเดียวกันลงในหนังสือพิมพ์อีกหลายหัว ไม่ว่าจะเป็น The San Francisco Chronicle , Chicago Tribune , Los Angeles Times รวมถึงหัวต่างประเทศอย่าง Metro ก็โดนไปกับเขาด้วย สำหรับใครที่คุ้นเคยกับวงการ Media ดี
ในปี 2018 มี 30 มลรัฐในสหรัฐอเมริกาให้กัญชาทางการแพทย์เป็นเรื่องถูกกฎหมาย ซึ่งรัฐ Washington ทำมาตั้งแต่ปี 1998 และในจำนวนนี้มีอีก 9 รัฐสามารถใช้เพื่อการผ่อนคลายได้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ยังมีคนได้รับผลกระทบจากคดีเล็กน้อย เกี่ยวกับการครอบครองกัญชามาตั้งแต่ก่อนกฎหมายจะบังคับใช้ พวกเขาเลยมีประวัติส่วนตัวที่ไม่ขาวสะอาดจนทำให้ถูกจำกัดสิทธิในด้านต่าง ๆ มากมาย ด้วยเหตุนี้เองเมือง Seattle จึงมีความคิดริเริ่มการยกเลิกโทษเกี่ยวกับคดีความเกี่ยวกับกัญชาย้อนหลัง เพื่อให้เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยู่ในรายชื่อเหล่านั้นได้มีสิทธิมีเสียงในการใช้ชีวิตมากขึ้น Pete Holmes ทนายความของเมือง Seattle ผู้เสนอแนวความคิดดังกล่าวต่อศาลบอกว่า มีผู้คนประมาณ 400-500 คน ทั้งที่รับโทษไปแล้ว และกำลังถูกดำเนินคดีซึ่งเกี่ยวข้องกับกัญชา มีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่กับตัว และนั่นกลายเป็นสาเหตุให้พวกเขาถูกตัดสินผิด ๆ จากคนในสังคมจาก Criminal Record ไม่ว่าจะเป็นถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงาน ไปจนถึงผลกระทบต่อการยื่นขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งโอกาสด้านการศึกษาในกรณีที่เป็นเยาวชน จึงเกิดความคิดเสนอการยกเลิกโทษดังกล่าวย้อนหลังให้ รวมถึงลบประวัติออกให้อีกด้วย แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขอยู่ว่าจะต้องเป็นคนที่คดีความเกิดขึ้นในช่วงปี 1996 – 2010 และเป็นกรณีที่โทษนั้นไม่หนักหนา หรือมีครอบครองไว้เพียงน้อยนิดเท่านั้น คดีความเกี่ยวกับกัญชามีผลกระทบกับประชากรทุกเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ในจำนวนคดีทั้งหมดสามารถแบ่งเชื้อชาติของผู้กระทำความผิดได้เป็น คนเอเชีย 3 % คนผิวสี 46% คนผิวขาว 46%
ดูเหมือนจะเป็นปีที่ร้อนแรงสำหรับค่ายรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมนีอย่าง Porsche หลังปล่อยรถรุ่นงาม ๆ ออกมามากมายเพื่อเอาใจแฟน ๆ Porsche Hardcore อย่างเช่น Project 993 Turbo S Classic Series และล่าสุดพวกเขาได้รื้อฟื้นอีกหนึ่งตำนานของค่ายเจ้าของฉายา “Moby Dick” อย่าง Porsche 935 กลับมาอีกครั้งโดยโอกาสพิเศษนี้จะผลิตออกมาเพียง 77 คันเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่า Porsche คงให้ความสำคัญแค่กับรถโมเดลในตำนานอย่าง 911 หรือรูปแบบแห่งอนาคตอย่าง Taycan เท่านั้น แต่ในครั้งนี้กลับต่างกันออกไป Porsche 935 เองก็เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์แถวหน้าของวงการในปัจจุบันเช่นกัน เพราะชื่อเล่น Moby Dick ของมันได้มาจากการโชว์ศักยภาพจนสามารถคว้าแชมป์ Lemans ในปี 1978 มาได้ แม้ไม่นานหลังจากนั้นจะหมดยุคของมันและต้องย้ายเข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็ตามที แต่หลายคนก็ยังจดจำความเจ๋งของมันได้เสมอ จนทำให้ 935 ถูกนำกลับมาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาเพื่อใช้ในสนามแข่งอย่างเดียวก็ตาม แม้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็น Porsche 935 มาโลดแล่นอยู่บนถนนปกติ เพราะ Porsche
เรียกความสนใจจากผู้ชายได้เสมอสำหรับกีฬามวย เพราะความรู้สึกของการได้เห็นยอดฝีมือสองคนยืนตะบันหน้าแลกหมัดกันบนเวทีสามารถสร้างความเลือดร้อนและตื่นเต้นให้กับเราได้ตลอดเวลา ทำให้ทุกวันนี้อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับวงการหมัดมวยก็จะมีเม็ดเงินมหาศาลไหลเข้ามาเสมอ ทั้งค่าตัวนักชก ค่าโปรโมเตอร์ หรือส่วนแบ่งต่าง ๆ จากการแข่งขัน แต่ดูเหมือนว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนดูอย่างการถ่ายทอดสด Boxing เริ่มมีอาการซบเซากว่าที่เราคิด ทำให้ช่องยิงสดมวยในตำนานอย่าง HBO ยังต้องโยนผ้าขาว ถอยฉากหลบออกมาก่อนจะโดนหมัดน็อคขาดทุนไปมากกว่านี้ HBO BOXING มีความผูกพันกับวงการมวยสากลอาชีพมาเป็นเวลายาวนานกว่า 45 ปี ครั้งแรกที่พวกเขาตัดสินใจซื้อลิขสิทธ์การแข่งขันถ่ายทอดสดทางเคเบิ้ลทีวีในสหรัฐอเมริกานั้น ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1973 เลยทีเดียว โดยครั้งนั้นเป็นการขึ้นตะบันหน้ากันของสองยอดฝีมือในรุ่น Heavyweight ระหว่าง Joe Frazier กับ George Foreman’s และเป็นฝ่ายหลังที่ชนะน็อคไปได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นเองกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นตำนานอันยิ่งใหญ่ของ HBO BOXING ก่อนจะพัฒนาตัวเองมาสู่การเป็นผู้จัดพร้อมกับถ่ายทอดเองเหมือนในทุกวันนี้ แต่ทว่าความมั่งคั่งมักไม่ค่อยอยู่กับใครนาน แม้ว่าคุณจะเคยอยู่จุดสูงสุดของวงการก็ตาม เพราะ HBO ได้จัดงานแถลงข่าวขึ้นโดยให้ Peter Nelson รองประธานฝ่ายบริหารของ HBO Sport มาเป็นคนแจ้งข่าวใหญ่ครั้งนี้ บอกว่าพวกเขามีแผนจะยุติการถ่ายทอดสดกีฬามวยสากลอาชีพในปี 2019 โดย Peter ให้เหตุผลว่าหลังจากที่บริษัทได้ทำการสำรวจและวิจัยเกี่ยวกับสถิติผู้เข้าชมมาสักระยะหนึ่ง พบว่ามวยไม่ใช่ปัจจัยหลักของการสมัครเป็นสมาชิกอีกต่อไปแล้ว ทำให้ HBO
ไม่รู้ว่าบุรุษที่ชื่อว่า Kanye West หนึ่งวันมีเวลากี่ชั่วโมงกันแน่ หลังจากปีนี้ปล่อยโปรเจคทั้งงาน Collabs และงานส่วนตัวออกมาถี่ตลอดทั้งปี ทั้งในส่วนของงานแฟชั่น อีเวนท์ รวมไปถึงการทำโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินต่าง ๆ จนแฟนทั้งหลายคิดว่าคงอดเห็นงานเพลงของตัวเค้าไปแล้วเป็นแน่แท้ ล่าสุดเจ้าตัวพึ่งปล่อย Hint ผ่านโพสต์ในอินสตาแกรมเพื่อชี้ชัดไม่มีกั๊กว่า Kanye กำลังเตรียมปล่อยสตูดิโออัลบั้มที่ 9 ในชีวิตออกมาในวันที่ 29 : 09 : 18 โดยจะใช้ชื่อว่า YANDHI ตลอดปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองเลยก็ว่าได้สำหรับ Kanye West ไม่ว่าจะเป็นงานเกี่ยวกับ Streetwears อย่างรองเท้าตระกูล YEEZY ซึ่งจะ Restock ครั้งใหญ่เร็วนี้ ไปจนถึงการรับตำแหน่ง Creative Director งานอีเวนท์ให้กับ PornHub แถมช่วงกลางปียังปล่อยอัลบั้มอย่าง “YE” ไหนจะงานเบื้องหลังโปรดิวเซอร์ของค่ายที่ตัวเขาเป็นเจ้าของซึ่งรู้จักกันในนาม G.O.O.D Music ให้กับศิลปินอย่าง Kid Cudi (Kid see Ghost) และ Pusha T (DAYTONA) พร้อมปล่อยซิงเกิ้ลอย่าง XTCY และล่าสุด
กลับมาอีกครั้งสำหรับการร่วมมือกันระหว่างโคตรแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme และเจ้าพ่อแบรนด์กีฬาอย่าง NIKE หลังทั้งสองได้ปล่อย Collaboration ชุดล่าสุดออกมาให้เราได้ยลโฉมกันในชุด SUPREME x NIKE FW2018 Collection ซึ่งคงจะถูกใจเหล่าแฟนเดนตายที่หลงใหลใน Vintage Sportswear ไม่มากก็น้อย เพราะผลงานชุดล่าสุดนั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเสื้อผ้ายุค 90’s ที่อัดแน่นเอาไว้เต็มเปี่ยม Retro 90’s Styles จุดเด่นของคอลเลกชันคือการดึงเอาเสน่ห์ของเสื้อผ้า Vintage Sportswear ย้อนยุคให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนรันเวย์แฟชั่นยุคปัจจุบันอีกครั้งตามกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็น Jacket, Vest, Hooded Sweatshirt, Crewneck, Jacquard Polo ไม่เพียงแค่นั้น Nike ยังหยิบเอา Retro Swoosh ดั้งเดิมของแบรนด์ที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 1978 กลับมาอีกครั้ง เมื่อทั้งสองอย่างมารวมกันทำให้เสื้อผ้า Collection นี้ทวีคูณความคลาสสิกขึ้นเป็นเท่าตัว ถ่ายทอดผ่าน 4 โทนสีหลักได้แก่ Maroon, Yellow, Navy และ Black ซึ่งแต่ละชุดจะออกมาถูกใจผู้ชายอย่างเราแค่ไหนไปดูกัน Work Jacket
ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ชายแบบเราได้กลายเป็นเหยื่อของคำวิพากษ์วิจารณ์และทัศนคติแง่ลบบนโซเชียลมีเดีย เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เราโพสต์ลงบนโลกออนไลน์ ถ้ามันดันไปไม่ถูกใจใครเข้าก็พร้อมมีคนคอยพุ่งเป้าวิจารณ์อยู่เสมอและเมื่อถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากความไม่พอใจหรือความเกลียดชัง ตัวผู้ถูกวิจารณ์ส่วนมากก็มักจะหลบหนีออกจากตรงนั้นทั้งที่จริง ๆ แล้วอาจลืมไปว่าการซ่อนตัวจากความรู้สึกแย่ ๆ ไม่ได้ช่วยให้เรื่องราวดีขึ้นมาจากเดิมเลย แต่ถ้ามองกลับกันยิ่งถ้าเราแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจต่อความเกลียดชังและคำวิจารณ์ในแง่ลบพวกนั้น พลังด้านลบของมันก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้และจุดนี่เองที่กลายมาเป็นเหตุผลของการเปิดตัวคอลเลคชัน Haute Couture ของ Diesel ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อลดทอนบทบาทของความเกลียดชังจากคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมสู่ตัวบุคคล จุดเริ่มต้นของไอเดียนี้จะเป็นอะไรไปได้นอกจากสิ่งที่หลายคนต้องพบเจออยู่ทุกวัน การหยิบจับเอาความไม่ชอบและคำวิจารณ์ที่แบรนด์ Diesel ได้รับมาเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นคำว่า “แบรนด์ Diesel น่ะ ตายไปแล้ว” หรือว่า “Diesel ไม่เห็นจะเจ๋ง ไม่ได้ดูเท่เหมือนเดิมแล้ว” พวกเขาจึงตัดสินใจนำคำเหล่านั้นมาออกแบบเสื้อผ้าในคอลเลคชันนี้ ให้เจ้าของคำพูดได้เห็นด้วยการยืดอกภูมิใจโดยเปลี่ยนคำวิจารณ์ทั้งหลายให้เป็นชิ้นงานดีไซน์อันมีเอกลักษณ์โดดเด่นและสวมใส่อย่างมั่นใจ แต่หากมองดูดี ๆ แล้วเราจะเห็นกลุ่มคนที่มักจะต้องเจอกับผลกระทบจากคำวิพากษ์วิจารณ์ ความไม่ชอบไม่ถูกใจหรือแม้แต่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมในกรณีที่ทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกใจใครเข้า ซึ่งกลุ่มคนผู้ต้องพบเจอเรื่องแย่ ๆ พวกนั้นบ่อยที่สุดคงจะหนีไม่พ้นบรรดาเหล่าเซเลบริตี้และบุคคลมีชื่อเสียงที่มีผู้ติดตามทางโซเซียลมีเดียหลายล้านคน Diesel’s จึงเริ่มแคมเปญ Haute Couture ขึ้นมาร่วมกับใช้แรงบันดาลใจจากเซเลบริตี้ระดับโลก อย่าง นิกกี้ มินาจ (Nicki Minaj), กุชชี่ เมน (Gucci Mane), เบลล่า ธอร์น (Bella Thorne), บรีอา วิไนที (Bria