หลังจากที่ Netflix ประสบความสำเร็จในการสร้าง Original Content ของตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ สารคดี การ์ตูน ไปจนถึงรายการโชว์ ส่วนของภาพยนตร์เองก็ไม่น้อยหน้า กำลังเติบโตและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Roma, Bird Box, To All the Boys I’ve Loved Before, Set It Up และ Okja ล้วนได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก ล่าสุดพวกเขากำลังจะปล่อยหนังเรื่องใหม่จัดเต็มโปรดักชั่นยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาให้พวกเราได้ชมกันกับ ‘The King’ (เดอะ คิง) ภาพยนตร์แนวพีเรียดที่สร้างจากวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เรื่องราวของกษัตริย์เฮนรีที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษ อดีตเจ้าชายหนุ่มผู้ไม่ปรารถนาจะสืบทอดราชบัลลังก์ แต่กลับต้องขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างกะทันหันหลังพระราชบิดาผู้เหี้ยมโหดสิ้นพระชนม์ เรื่องย่อ เจ้าชายฮัล (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์) ผู้ไม่เคยใส่ใจกับการรับช่วงต่อราชบัลลังก์ เขาจำต้องขึ้นครองราชย์เป็น ‘พระเจ้าเฮนรีที่ 5’ หลังการตายของพระบิดาอย่างไม่ทันตั้งตัว กษัตริย์หนุ่มจึงต้องหาทางรับมือกับการแก่งแย่งชิงดี เขาต้องต่อสู้กับภาระอันหนักอึ้งของมงกุฏ ในช่วงที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
หนึ่งในไฮไลต์เด็ดวงการเพลงประจำปี 2019 คงหนีไม่พ้นวาระการโค่นแชมป์ตำนานบิลบอร์ดครั้งสำคัญ เมื่อแรปเปอร์หน้าใหม่ไฟแรงนาม Lil Nas X สามารถนำเพลง Old Town Road feat. Billy Ray Cyrus ของตัวเอง ครองชาร์ต Billboard Hot 100 ได้ยาวนานถึง 19 สัปดาห์ ล้มแชมป์เดิมอย่าง One Sweet Day ของ Mariah Carey & Boyz II Men ลงได้สำเร็จ หลังครองสถิตินี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1995! แม้ก่อนหน้านี้ เพลง Despacito ของ Luis Fonsi and Daddy Yankee feat. Justin Bieber จะเทียบเคียงขึ้นมาในตำแหน่งเสมอกันได้ แต่ก็ไม่อาจแซงหน้าจนเรียกได้ว่าเป็นแชมป์ใหม่ โลกอินเทอร์เน็ตและกลุ่มแฟนเพลงยุคนี้ทำให้ศิลปินที่เพิ่งจะเป็นที่รู้จักอย่าง Lil Nas X
วันฮัลโลวีนใกล้เข้ามาทุกที คอเพลงทั้งหลายมีแผนจะออกไปปาร์ตี้ที่ไหนกันบ้างหรือยัง? คืนปล่อยผีทั้งที หนึ่งปีมีเพียงครั้ง WEEKLY PLAYLIST ของเราในครั้งนี้ จึงมาแบบธรรมดาไม่ได้! UNLOCKMEN จะชวนคอเพลงทั้งหลาย มาสร้างอารมณ์ให้อินกับเทศกาล ด้วยการฟัง 10 เพลงสยอง ทำนองขนหัวลุก ก็แหม…เพลงผี ๆ ก็ใช่จะมีแต่ Thriller ของ Michael Jackson นะครับ! เตรียมแอดเพลงเหล่านี้ไว้เปิดกล่อมวันที่ 31 ตุลาคมได้เลย Party Time – 45 Grave ฟังเผิน ๆ ก็เหมือนเป็นเพลงพังก์ร็อกฟังสนุกเพลงหนึ่ง แต่จริง ๆ เนื้อเพลงมันโหดร้ายมากครับ เพราะเกี่ยวกับเด็กหญิง 5 ขวบที่ถูกครอบครัวทำการทรมาน ก่อนจะฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ทั้งทุบตี เอาบุหรี่จี้แขน โดยคำว่า Party Time ในที่นี้คือการเสียดสีว่าช่วงเวลาแห่งความโหดร้ายของเด็กหญิงเปรียบเสมือนปาร์ตี้รื่นเริงของคนใจอำมหิตอย่างแม่เธอนั่นเอง A Little Piece Of Heaven – Avenged Sevenfold
หากจะกล่าวถึงวงดนตรีที่ประสบความสำเร็จ และเข้าถึงมวลชนมากที่สุดในยุคนี้ ชื่อต้น ๆ ที่หลายคนคิดถึงคงจะหนีไม่พ้น Coldplay ชื่อของพวกเขาเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 กับอัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อว่า Parachutes ซึ่งเพลงฮิตอย่าง Yellow ก็อยู่ในอัลบั้มนี้เนี่ยแหละ จากวันนั้นจนวันนี้ พวกเขามีสตูดิโออัลบั้มมาแล้ว 7 ชุด ล่าสุดก็คืออัลบั้ม A Head Full of Dreams (2015) ที่ทัวร์ขายบัตรหมดเกลี้ยงราชมังฯ ไปเมื่อปี 2017 เล่นเอาการคมนาคมย่านรามคำแหงเข้าสู่สภาวะ ‘นรกแตก’ จนเป็นที่โจษจันยันทุกวันนี้ หากนับจากอัลบั้ม A Head Full of Dreams วันเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 5 ปีแล้ว และในที่สุด เราก็ไม่ต้องรอคอยอีกต่อไป Coldplay ได้ออกมาประกาศชื่อสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 8 พร้อมกำหนดการปล่อยออกมาเป็นที่เรียบร้อย แต่! ไม่ได้ออกมาบอกแบบธรรมดา ๆ เพราะเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาได้ประกาศมันลงบน North Wales Daily
หากจะกล่าวคำว่า “พังก์” (Punk) หลาย ๆ คนคงมีภาพจำในใจที่แตกต่างกันออกไป บางคนคิดไปถึงเหล่าวัยรุ่นอังกฤษ ทรงผมชี้แหลม สวมปลอกคอหนาม และรองเท้าหนัง Underground บ้างเป็นวัยรุ่นอเมริกัน ผมยาว สวมแจ็คเก็ตหนัง หรืออาจข้ามสัญชาติกลับมานึกถึงวงดนตรีแนว J-Rock จากญี่ปุ่น วัฒนธรรมพังก์ ถือกำเนิดตั้งแต่ยุค 70’s พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีทัศนคติ วิถีคิด แฟชั่น และรสนิยมทางดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ มันชัดเจนมากเสียจนทำให้คนธรรมดาสามัญรับรู้ได้ว่า อะไรที่เห็นแล้วรู้สึกว่า ‘พังก์’ โดยไม่ต้องทำความเข้าใจเชิงลึกเสียด้วยซ้ำ สำหรับกลุ่มคนที่ยังดำรงและขับเคลื่อนในวัฒนธรรมนี้ มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน BKK PUNK BannBar ร้านเล็ก ๆ กลางซอยรางน้ำคือหนึ่งในสถานที่ที่ชาวพังก์ไทยมักมารวมตัวกัน เริ่มต้นจาก ‘ฉัตร’ และ ‘ปุ้ย’ สองพี่น้องผู้รักในดนตรี วิถีคิด ศิลปะ และแฟชั่นพังก์ ครอบครัวของพวกเขาทำร้าน BaanBar มายาวนานกว่า 12 ปี ต่อมาที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวคนที่ชอบอะไรเหมือนกันไปโดยปริยาย เมื่อเราถามถึงจุดเริ่มต้นของพวกเขา คำตอบส่วนมากมักเกิดจากความสนใจดนตรี การบอกปากต่อปาก รุ่นพี่รู้จักรุ่นน้อง
แม้ My Chemical Romance จะสลายตัวไปแล้วตั้งแต่ปี 2013 แต่พวกเขายังคงจารึกความยิ่งใหญ่ไว้ในวงการเพลง ฟรอนต์แมนของวงอย่าง Gerard Way ก็ยังเป็นไอดอลที่เด็กอีโมครึ่งโลกต่างบูชา แถมยังทำงานในฐานะศิลปินเดี่ยวมาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดเขาเล่าสารพัดวีรกรรมสุดแสบในอดีตและแรงบันดาลใจทางดนตรีที่หลายคนอาจไม่เคยรู้บนเวทีงาน LA Comic-Con ที่ผ่านมา บางคนคงสงสัยว่า เหตุใดศิลปินอย่างเขาจึงได้รับเชิญให้มาพูดบนอีเวนต์เกี่ยวกับการ์ตูนและภาพยนตร์แบบนี้? แท้จริงแล้วสาเหตุมาจากผลงานของเขา เนื่องจากเขาเป็นผู้แต่งหนังสือการ์ตูนเรื่อง The Umbrella Academy ที่ทาง Netflix นำมาสร้างเป็นซีรีส์ซึ่งเริ่มฉายไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ใครยังไม่ได้ดู ก็สามารถไปติดตามกันได้ครับ เจ้าตัวเผยว่าเคยถูกไล่ออกจากวงดนตรีโรงเรียนด้วยสาเหตุที่แฟนเพลงอย่างเราไม่อยากจะเชื่อ นั่นก็คือเล่นกีตาร์ห่วย! (ใครหนอมันกล้าไล่ไอดอลผมด้วยเหตุผลนี้) “ผมอยากเล่นเพลงออริจินัลของตัวเอง แต่พวกเขาอยากให้ผมร้องคัฟเวอร์ เขามาไล่ผมออก เพราะผมไม่ยอมเล่นเพลง Sweet Home Alabama ให้พวกเขายังไงล่ะ” ถึงจะเริ่มต้นไม่ดีนัก แต่ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ Gerard Way ตั้งใจทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งในแง่ของดนตรี งานเขียน และการวาดภาพ การ์ตูนเรื่องแรกในชีวิตของเขามีชื่อว่า On Angel’s Wings เคยตีพิมพ์ลงบนนิตยสารรวมการ์ตูนแนวสยองขวัญของ Hart D. Fisher โดยตอนนั้นเขามีอายุเพียง 15-16
หากกล่าวถึง แอร์ พงศกร ลิ่มสกุล หรือ ‘แอร์ – The Mousses’ เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงลุคเท่ ๆ ทรงผมแหวกแนว และแฟชั่นจัดจ้านของผู้ชายคนนี้ ภาพจำของเขาคือนักร้องอินดี้ขวัญใจวัยรุ่น ผู้ฝากผลงานเพลงเพราะ ๆ มากมายเอาไว้ในใจแฟนเพลง หลายคนอาจจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะต้องมีความติสก์ หรือมีวิถีชีวิตสุดเหวี่ยงสมกับเป็นร็อกสตาร์ แต่หลังจากที่เรามีโอกาสได้สนทนากับเขา เรากลับค้นพบว่า ‘แอร์’ ยังมีหลายมุมที่ไม่สามารถตัดสินได้เพียงผิวเผิน นอกจากความมุ่งมั่นอย่างที่ศิลปินคนหนึ่งพึงมีแล้ว แอร์ยังมีมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับเรื่องวงดนตรี จัดสรรกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างเป็นระบบระเบียบ อีกทั้งทุกลมหายใจของเขายังอุทิศให้สิ่งที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ อย่างไร้เงื่อนไข วันนี้ UNLOCKMEN จึงอยากจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น กับชีวิตหลายโหมดของผู้ชายคนนี้ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ จำได้ไหมว่าอยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว? จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ช่วงรอยต่อระหว่างขึ้นปี 4 สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้น่าจะขึ้นปีที่ 12 แล้วครับ จุดเริ่มต้นของวง The Mousses ต้องเท้าความก่อนว่าผมกับจ๊ะ (มือกีตาร์) เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยประถมแล้วครับ พอมัธยมเราก็เล่นดนตรีมาด้วยกัน แล้วผมสองคนเป็นมือกีตาร์กันทั้งคู่
เคยไหมครับ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเหมือนซิทคอมตลก ๆ เรื่องหนึ่ง และถ้าหากตัวเราคือพระเอกของเรื่อง ก็คงจะเป็นไอ้พระเอกขี้แพ้ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักเรื่อง! อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้ เป็นกันได้ทุกคน และถ้าคุณอยากฟังเพลงเจ็บ ๆ ย้ำอารมณ์อ่อนแอของคนเป็นลูเซอร์ในวินาทีนี้ UNLOCKMEN ได้รวบรวม 10 เพลงที่น่าสนใจ เอาไว้ให้คุณที่นี่แล้วครับ I’m a Loser – The Beatles วงระดับตำนานอย่างสี่เต่าทองก็มีเพลงส่งเข้าประกวดในชมรมคนขี้แพ้เช่นกัน “I’m a loser And I lost someone who’s near to me” (ผมมันไอ้ขี้แพ้ และเสียใครบางคนที่เคยอยู่ข้างกายไปเสียแล้ว) ถ้าเปรียบเป็นเพลงไทย ก็ฟีลเดียวกับเพลงรักแท้ดูแลไม่ได้ของโปเตโต้ เพราะคนขี้แพ้อย่างผมจะไปรักษาใครไว้ได้! Teenage Dirtbag – Wheatus เพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นเพลงชาติผู้แพ้ระดับตำนาน ที่ถูกส่งต่อกันมาในสมาคมนายคนขี้แพ้! เกี่ยวกับไอ้หนุ่มคนหนึ่งที่ไปหลงรักสาวคนดังของโรงเรียน ทั้งที่ตัวเขาน่ะเป็นแค่ Teenage Dirtbag ถ้าให้แปลเป็นไทยก็หมายถึงวัยรุ่นสุดเฉิ่มนั่นแหละ (แนะนำให้ดู MV จะเข้าใจเพลงมากขึ้นครับ)
หากเอ่ยชื่อ Guns N’ Roses เราเชื่อว่าคอเพลงร็อกเกือบทั้งโลกรู้จักชื่อนี้ หลากหลายบทเพลงของเขา ขึ้นแท่นเป็นเพลงฮิตตลอดกาล ทำยอดขายได้ในระดับถล่มทลาย จะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังถูกนำมาเปิดฟัง นำมาร้อง Cover ไม่เคยลืมเลือน พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปินรุ่นหลัง และมีสาวกของพวกเขามีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แถมดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกวันอีกต่างหาก Rick Dunsford คือหนึ่งในสาวกของวงปืนกุหลาบนี้เช่นกัน แต่เขาไม่ได้เป็นเพียงแฟนคลับธรรมดา ๆ เพราะเรียกได้ว่ามอบกายถวายหัวให้กับวงเลยทีเดียว Rick เคยมาชมการแสดงของวงถึง 32 ครั้ง ที่แขนของเขามีรอยสักรูปลายเซ็นสมาชิกในวง ทั้ง Axl Rose, Slash และ Duff Mckagan แม้กระทั่งลูกชายของเขายังถูกตั้งชื่อว่า Axl ! ด้วยความที่หัวจรดเท้าอุทิศให้วงขนาดนี้ แน่นอนว่าชายคนนี้จึงมีชื่อเสียงพอตัวในหมู่แฟนเพลง Guns ‘N Roses ด้วยกัน แต่แล้วเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ Rick Dunsford ต่อแถวจะเข้าไปชมคอนเสิร์ตของ Guns N’ Roses (รอบที่ 33)
สิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวก Oasis และ Liam Gallagher ชาวไทยทั้งหลาย เพราะในที่สุดหนังสารคดี LIAM GALLAGHER: AS IT WAS ก็มีกำหนดการฉายในบ้านเราแล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยจะเข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศ (แต่ต้องเช็กนิดนึงว่าโรงไหนมีบ้าง) ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ก่อนอื่นทาง UNLOCKMEN ก็ต้องขอบคุณทาง Lido Connect เป็นอย่างยิ่งที่เชิญทีมงานเราไปดูก่อนใครในรอบสื่อมวลชน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราก็จะมารีวิวหนังสารคดีของร็อกสตาร์ฝีปากกล้าเรื่องนี้ให้หนุ่ม ๆ ทุกคนได้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อนจะไปดูของจริงในโรงภาพยนตร์ โดยทางเราขอยืนยันว่าจะไม่มีการสปอยล์ใด ๆ ที่จะทำให้เสียอรรถรสอย่างแน่นอน มาเริ่มกันเลย! จุดเริ่มต้นวันฝันสลาย “Oasis แยกวง” หากจุดเริ่มต้นของ Oasis อยู่ในสารคดี Oasis: Super Sonic จุดจบของ Oasis ก็คือจุดเริ่มต้นของสารคดี Liam Gallagher: As It Was เรื่องราวของหนังจะเริ่มต้นตั้งแต่วันมหาวิปโยคที่เทศกาล Rock en Seine กรุงปารีส ปี