สำหรับแลมเบรตติสต้า หรือชาวแลมสายลึก เราเชื่อว่าเมื่อพูดถึง LAMBRETTA เป็นต้องนึกถึงสกู้ตเตอร์ดีไซน์หล่อคลาสสิก รวมถึงโทนสีวินเทจจี๊ดใจที่สร้างเสน่ห์ให้แฟน ๆ หลงใหลมาถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่ารุ่นใหม่อย่าง LAMBRETTA X300 SR ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Colors Of Time คืออีกหนึ่งตัวแทนความทรงจำดี ๆ ที่ถ่ายทอด DNA งานออกแบบ และโทนสีสุดฮิตในช่วงรอยต่อของยุค 60s และยุค 70s ที่โดดเด่นในเรื่องความสดใส สะท้อนไลฟ์สไตล์, แฟชั่นการแต่งกาย รวมไปถึงสีสันของสกู้ตเตอร์คู่ใจ ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของวัยรุ่นยุคนั้น และสีสันแห่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจจากอดีต ได้ถูกส่งต่อเป็นความทรงจำที่จับต้องได้ผ่าน LAMBRETTA X300 SR ซึ่งถอดรหัสความเท่คลาสสิกสไตล์สปอร์ต และหยิบยกเอาสีสันจากแลมยอดนิยมในยุคนั้น มาแต่งแต้มเป็นตำนานบทใหม่ของ LAMBRETTA ที่เข้าขากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์ของชาวแลมยุคปัจจุบัน แต่ที่สำคัญคือเอกลักษณ์ความเก๋าของแลมวินเทจยังคงเดินทางข้ามเวลามาแบบไม่ตกหล่น กับจุดเด่นเหล่านี้ที่เราอยากชวนชาว UNLOCKMEN ไปสัมผัส เพื่อยืนยันว่า LAMBRETTA X300 SR คือตัวแทนสีสันแห่งช่วงเวลาอย่างแท้จริง ส่งตรงจิตวิญญาณสปอร์ตจาก LAMBRETTA GP/DL ปี 1969
Ford Nugget รถตู้ที่สร้างขึ้นสำหรับชาว Camping โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะด้านดีไซน์ การควบคุม โดยไม่ทิ้งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม พร้อมตั้งแคมป์ด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกจากโรงงาน โดยมี control unit ไว้ควบคุมและตรวจสอบสถานะพลังงานที่เหลืออยู่ ระดับน้ำ แสงส่องสว่าง ภายในรถถูกออกแบบให้เป็น multi-zone layout แบ่งสัดส่วนการใช้งานเอาไว้อย่างลงตัว สามารถใส่ที่นอนขนาด double beds ได้โดยยังเหลือพื้นที่เหลือเฟือ ส่วนครัวถูกแบ่งด้วยรูปทรง L-shaped layout มาพร้อมระบบน้ำร้อนเย็นในตัว หลังคาสามารถกางออกได้ง่ายด้วย self-folding fabric พร้อมระบบเชื่อมต่อ 5G modem กระจายสัญญาณ internet ระบบ wireless charging และหลังคา solar roof สำหรับชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างง่ายดาย ด้านการขับขี่ Ford Nugget เลือกใช้เครื่องยนต์ 2.5L Atkinson petrol engine PHEV แบตเตอรี่ความจุ 11.8 kWh ระบบ
การกลับมาอีกครั้งของ MB&F HM9 อภิมหาเรือนเวลาที่ถูกเรียกขานว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่สวยงามที่สุดในโลก บรรจุในเคสใสสามชิ้นผลิตจาก sapphire crystal ขนาด 57mm x 47mm x 23mm สามารถรับชมการทำงานของตัวเครื่องได้จากทุกมุม มีสองสีใหม่คือ หน้าปัด PVD-coated สีฟ้าในกรอบ white gold และ PVD-coated สีเขียวในกรอบ yellow gold ราคาเรือนละ 16 ล้านบาท ผลิตเพียงสีละ 5 เรือนในโลก MB&F HM9 “Sapphire Vision” Diameter: 57mm x 47mm Caliber: In-house movement Functions: Hours, minutes Power Reserve: 45 hours Winding: Manual Water Resistance: 30 meters
ใหม่เหมือนพึ่งผลิต สวยยิ่งกว่านางฟ้า Subaru Impreza 22B STI ลำดับที่ 000/400 ไอเท็มลับแบบ Rally-Spec ที่ธรรมดาก็หายากอยู่แล้ว คันนี้พิเศษสุดทางด้วยเลขไมล์เพียง 70 km เหมือนหยุดเวลาเอาไว้ตั้งแต่ปี 1997 ที่ล้อเคยแตะพื้นโชว์ตัวในงาน 1997 Tokyo Auto Show Subaru Impreza 22B STI คันนี้เป็น 1 ใน 5 prototypes ที่เคยถูกสร้างขึ้นมา ตัวถัง chassis 061819 คันนี้เป็น pre-production เพียงคันเดียวใน 5 ที่มากับตัวเลข “000” ซึ่ง Subaru เคยยกให้ David Lapworth แห่ง Prodrive ชายผู้พัฒนารถแข่ง Rally ให้ Subaru ประสบความสำเร็จเป็นเจ้าแห่งทางฝุ่นได้สำเร็จ ซึ่งตลอดอายุของรถคันนี้ถูกเก็บรักษาอย่างดีโดย private collector
2024 Toyota Land Cruiser รุ่นใหญ่สายลุยเปิดตัวแบบ all-new รหัส J250 ด้วยดีไซน์สไตล์ retro ย้อนยุคแบบคลาสสิคพร้อมขุมพลัง turbo-hybrid 326 แรงม้า ดีไซน์ของ Land Cruiser J250 มาในทรงกล่องเน้นเหลี่ยมคมบึกบึน กระจังหน้าเหลี่ยม โคมไฟหน้าเหลี่ยม ช่องดักอากาศก็ยังเหลี่ยม กระจกหน้าแบนราบเพิ่มมุมมองที่กว้างขวางมากขึ้น ส่วนดีไซน์ด้านท้ายค่อนข้างเรียบง่ายเน้นการใช้งาน ไฟท้ายลดขนาดลงจากรุ่นก่อน แต่ดูโดยรวมน่าจะช่วยให้โมเดลนี้มีความ retro อยู่เหนือกาลเวลายาวนานยิ่งขึ้น Land Cruiser ใหม่พัฒนาบนพื้นฐานของ TNGA-F platform แบบเดียวกับ Lexus GX ขุมพลัง Turbocharged 2.4-Liter I4 Hybrid 326 horsepower, 465 lb-ft of torque คล่องตัวในช่วงความเร็วต่ำด้วยแรงจากมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48hp ส่งกำลังด้วยเกียร์ 8-speed automatic ระบบขับเคลื่อน Full-time Four-Wheel
เห็นโลโก้ Nismo ก็รู้ได้ทันทีว่า Z คันนี้พิเศษแน่นอน ทั้งความแรง ชุดแต่ง และช่วงล่างที่หนึบเกาะโค้งได้มากขึ้น แม้จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิมคือ 3.0-liter V6 twin-turbocharged แต่ได้ผ่านการปลุกเสกจูนโดยช่างจาก Nismo ปรับเพิ่ม boost turbo อัพเกรดระบบ cooling system และ remapped ระบบ ECU จนได้แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 420 hp / 384 lb-ft ot torque ที่มี power band สุดจัดจ้านตั้งแต่ 2000 rpm เกียร์ nine-speed automatic ผ่านการปรับแต่งโดย Nismo-specific tuning ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังที่เปลี่ยนเป็นล้อ lightweight ขนาด 19 นิ้วจาก Rays รัดด้วยยาง Dunlop SP Sport Maxx
2024 Subaru BRZ tS – เวอร์ชันอัพเกรดไม่แพ้ Toyota GR86 Performance Package ได้ Brembo Brakes ช่วงล่าง STI-Tuned Suspension พร้อมล้อและชุดแต่งเสริมความโหดรอบคัน Subaru BRZ tS จะมาเป็นรุ่นท็อปสุดของโมเดลนี้ในปี 2024 เพื่อเสริมบารมีให้สปอร์ตคูเป้ขับหลังคันนี้ทั้งเฉียบคมและสปอร์ตมากขึ้น โดยเน้นการอัพเกรดช่วงล่างใหม่ STI-tuned suspension, ชอคอับ Hitachi พร้อมได้เบรก Brembo ใหม่แบบไม่ต้องแต่งเพิ่ม ด้านหน้า four-piston หลัง two-piston ล้อขนาด 18 นิ้วรัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4 ปิดท้ายด้วยระบบความปลอดภัย Subaru EyeSight ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ 2.4-liter flat-four engine 228 แรงม้าเหมือนเดิม แต่ในรุ่น tS จะมาพร้อมเกียร์ 6-speed
นาฬิกา แอร์เมส เอช08 ถูกรังสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2021 ถ่ายทอดถึงการผสมผสานระหว่างหลักการอันเข้มแข็งเข้ากับมาตรฐานระดับสูง ที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและลื่นไหลผ่านสัญลักษณ์แห่งผลงานออกแบบอันร่วมสมัย พร้อมด้วยสไตล์อันทรงพลังนี้ได้สร้างรูปเป็นดั่งวัตถุที่ถ่ายทอดไว้ทั้งหมดระหว่างความสมดุลและความตรงข้ามกัน ธรรมชาติอันมีมิติที่หลากหลายจึงได้ถูกสะท้อนผ่านการนำกับรูปทรงและวัสดุมาสร้างสรรค์ ด้วยความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในรายละเอียดและทักษะอันแม่นยำซึ่งผนึกรวมกันสู่เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของความสปอร์ตและความสง่างาม พร้อมทั้งยังมอบพลังอันมีชีวิตชีวาและสัมผัสแห่งอารมณ์ความรู้สึกของเส้นสาย เผยให้เห็นถึงสุนทรียะความสวยงามเฉพาะหนึ่งเดียว โดยถ่ายทอดบนหน้าปัดวงกลมพร้อมทั้งฟอนต์สไตล์ดั้งเดิม และหลอมรวมภายในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมกับขอบมนอันแสนนุ่มนวล ออกแบบโดย ฟิลิปป์ เดโลตัล (Philippe Delhotal) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่ง แอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) นาฬิกา แอร์เมส เอช08 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานระหว่างพื้นผิวและแร่ กับเฉดสีเข้มและสัมผัสที่เต็มไปด้วยสีสัน ผสานโดยเส้นสายเรขาคณิตที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ร่วมกับสไตล์การตกแต่งทั้งแบบด้านและเงาวาว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของผลงานล่าสุดนี้ยังได้ต้อนรับความหลากมิติแห่งเสน่ห์ของเฉดสีอันเรืองรอง ทั้งในโทนสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้ม ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมมน หรือคุชชัน (cushion-shaped) ร่วมถ่ายทอดความทันสมัยที่ได้มาจากบล็อกของคอมโพสิต วัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแกร่งทนทานสูง พร้อมทั้งภาพลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว โดยประกอบด้วยกลาสไฟเบอร์อะลูมิไนซ์ถักและผงชนวน ซึ่งให้เม็ดสีธรรมชาติ มอบแสงสะท้อนสีเงินอันลุ่มลึก ตัดกับขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมเซรามิกสีดำโดดเด่น สร้างสรรค์เป็นมิติของแสงและเฉดสีที่ขับเน้นมิติอันลุ่มลึกของหน้าปัดสีคอนกรีต พร้อมทั้งตกแต่งแบบเกรนอย่างประณีตละเอียดอ่อน รวมถึงยังมอบการอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนแม่นยำโดยเข็มชี้และตัวเลขอารบิกแบบนำมาติดสีดำเรืองแสง สัมผัสของเฉดสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีส้มบนขอบผนึกของกระจกหน้าปัดนาฬิกา
Aston Martin ฉลองครบรอบ 110 ปี ด้วยการเผยโฉม Valour ขุมพลัง V12-powered supercar ดีไซน์กลิ่นอาย retro oldschool พ่วงเกียร์ manual สุดพิเศษ ความดิบดุดันแบบ “the last of an era.” ที่จำกัดเพียง 110 คันทั่วโลก ดีไซน์ของ Valour ได้แรงบันดาดลใจจาก 1970s Vantage ผสมผสานความ retro และความ modern ได้อย่าลงตัว ฝากระโปรงหน้าทรง horseshoe พร้อมช่องดักอากาศแบบรถซิ่งยุคก่อนแสดงถึงความโหดของรถได้ชัดเจน เช่นเดียวกับไฟท้ายทรง light blade ด้านหลัง ล้อ forged alloy ลาย honeycomb ขนาด 21 นิ้ว ใต้ฝากระโปรงหน้าคือเครื่องยนต์ V12 twiin-turbocharged ความจุ 5.2-liter
The Outlaws Motorcycle Club หนึ่งใน 4 มหาอำนาจแห่งแก๊ง 1% MC ที่ก่อตั้งขึ้นจาก Matilda`s Bar เมือง McCook รัฐ Illinois ในปี 1935 ปัจจุบันคลับมีอายุครบ 88 ปี คาดว่ายังมีสมาชิกมากกว่า 5,000 คนกระจายตัวแบ่งเป็น 416 chapters ใน 41 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่ารวมถึงประเทศไทยซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 5 chapters คือ กรุงเทพ เชียงใหม่ พัทยา สุรินทร์ และอุดรธานี ปัจจุบันก็ยัง active อยู่ทั้ง 5 แห่ง เชื่อมต่อกับ chapter ในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง Outlaws Singapore และ Malaysia Outlaws MC เรียกตัวเองอีกชื่อว่า American Outlaws