Audi เปิดตัวน้องเล็กรหัสแรง RS3 ใหม่พร้อมกันทั้งตัวถัง Sedan และ Sportback ด้วยสมรรถนะสุดแจ่ม 400 horsepower แรงบิด 500 Nm of torque จากเครื่องยนต์ 2.5-liter 5-cylinder turbocharged ทำเวลา 0-100 km/h ใน 3.8 วินาที นับเป็นอีกหนึ่งรถไซส์กะทัดรัดที่ขับสนุกเร้าใจไม่แพ้ค่ายไหนแน่นอน ทุกรายละเอียดของ RS3 รุ่นล่าสุดนี้ได้อัพเกรดโดยเน้นความดุดันขับมันส์เป็นหัวใจหลัก เกียร์ 7-speed dual-clutch สับไวกว่าเก่าด้วยอัตราทดใหม่ที่สั้นให้อารมณ์สปอร์ตกว่าเดิม ช่วยให้ออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อบวกกับระบบ Quattro ขับเคลื่อน 4 ล้อเข้าไป ยิ่งได้เปรียบกว่าใครเมื่อเห็นสัญญาณไฟเขียว และพิเศษสุดด้วย “Drift Mode” ระบบช่วยควบคุม clutch และเพลาหลังเพื่อการกระจายแรงบิดไปที่ล้อหลังได้ตามต้องการ ช่วยให้การควบคุมที่ดีขึ้นแถมยังสั่งท้ายปัดได้ง่ายขึ้นกว่าขับ 4 ตลอดเวลาแบบปกติด้วย ช่วงล่างอัพเกรดเป็น RS Sport Suspension Plus ที่มี
ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน Scooter ที่ดีไซน์โดนใจนักบิดมากที่สุดในโลก BMW Motorrad CE 04 Electric Scooter ออกแบบภายนอกด้วยคอนเซปต์แนวคิด futuristic styling พร้อมเทคโนโลยีขุมพลัง EV เป็น electric scooter ที่สร้างมาตอบโจทย์การใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ ลายละเอียดภายนอกที่ออกแบบลายเส้นให้บึกบึน แฝงไว้ด้วยรายละเอียดจากอนาคต ขุมพลัง EV จากมอเตอร์ไฟฟ้าสร้างกำลังได้ 42 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ความจุ 8.9kWh ช่วยให้ขี่ได้ระยะทางมากถึง 128 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความเจ๋งเทคโนโลยี EV นี้คือการคิดค้นและพัฒนาขึ้นเองโดย BMW Motorrad ที่ได้แชร์ know-how มาจาก BMW iX SUV ที่ล้ำหน้า จึงสามารถนำมาปรับใช้ใน Scooter คันนี้ได้อย่างรวดเร็วกว่าคู่แข่งในตลาด ใช้เวลาในการชาร์จไฟที่สั้นกว่า มีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่มากมาย เช่น Automatic Stability Contorl ช่วยควบคุมการทรงตัว
“เท่สุด ๆ ไปเลย” คำอุทานจากทุกคนที่ได้เห็นหน้าตาและความสามารถของรถตู้เอนกประสงค์ไซส์มินิ แต่อัดแน่นด้วยฟังก์ชันรองรับทุกกิจกรรมลุย และเทคโนโลยีพร้อมพลังงานไฟฟ้าคันนี้ ชื่อของมันคือ XBUS รถตู้พลังไฟฟ้าสัญชาติ German เป็นรถที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มากมาย แหล่งพลังงานแบตเตอรี่ 10kWh 75 แรงม้า แม้จะไม่มาก แต่ตัวเลขแรงบิดกลับเคลมไว้มากถึง 737lb-ft ซึ่งค่อนข้างแปลก แต่ถ้าจริงก็นับว่าแรงบิดระดับน้อง ๆ supercar เลยทีเดียว ส่วนตัวคิดว่าน่าจะหมายถึงแรงบิดตีต้นที่ราว 0-100 km/h ด้วยรูปทรงของรถที่ไม่น่าจะมี Top speed สูงมากนัก ตัวรถดีไซน์พื้นที่ด้านหลังแบบ Modular 3 ตอน ช่วยให้สามารถแบ่งส่วนพื้นที่และปรับแต่งการใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่เปิดโล่งเป็น flat-bed pick-up สำหรับบรรทุกของ บรรทุก surfboard ไปทะเล จะปรับเป็นพื้นที่สำหรับโดยสารสไตล์ boxy vans ก็ยังได้ หรือจะปรับเป็นพื้นที่บรรทุกสัมภาระแบบรถ mini truck ก็ได้เช่นกัน ซึ่งสำหรับสายลุยป่าตั้งแคมป์ ก็ยังมีชุด off-road option
ขยับเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว สำหรับ Tokyo 2020 Olympics มหกรรมการแข่งขันกีฬาที่จะจัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น แม้จะมีปัญหาจากโควิด-19 คอยรบกวนการจัดงานอยู่บ้าง แต่ถ้ามองข้ามเรื่องนั้นไป ก็ยังมีความน่าสนใจเกี่ยวกับ Olympics ครั้งนี้อีกหลายอย่างที่ญี่ปุ่นทำได้ดี หนึ่งในนั้นก็คือโพเดียมรับเหรียญ ที่ผลิตแบบ 3D Prints จากขยะขวดพลาสติกจากบ้านเรือน 100% จุดประสงค์ของทีมผู้จัดงานของญี่ปุ่นคือต้องการให้ประชาชนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เราได้เห็นการผลิตเหรียญรางวัลจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่บริจาคโดยประชาชนมาแล้ว เช่นเดียวกับโพเดียมรับเหรียญรางวัลในโทนสีฟ้าเข้มนี้ ที่สร้างขึ้นจากขยะขวดพลาสติกจำนวน 400,000 ขวด ที่ชาวญี่ปุ่นนำไปทิ้งในกล่องสะสมขยะพลาสติก 2,000 จุดตามห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนในระยะเวลา 9 เดือน “เราต้องการแสดงให้โลกได้เห็นถึงความ sustainability ในสังคมญี่ปุ่น และต้องการให้ชาวญี่ปุ่นได้มีส่วนร่วมกับ Olympics ที่ทุกคนเป็นเจ้าภาพด้วยกัน” ลวดลายบนโพเดียมได้แรงบันดาลใจมาจากโลโก้ Olympics เกิดจากลูกบาศก์สี่เหลี่ยมหลาย ๆ ชิ้นประกอบเข้าด้วยกันโดยเทคโนโลยี 3D Prints จนเป็นแท่นยืนขนาดใหญ่ที่ยาวกว่าโพเดียมปกติเนื่องจากสถานการณ์สังคมปัจจุบันที่ต้อง Social Distance และยังสามารถปรับระดับให้ลาดลงสำหรับนักกีฬา Paralympics หลัง Olympics จบลงได้อีกด้วย การปรับโลโก้ 2D ให้กลายเป็น 3D ทำให้โพเดียมมีมิติและมีระดับสีฟ้าเข้มที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแสงที่แตกต่างกัน
Sportster® S เป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตที่ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อมอบประสบการณ์แห่งการขับขี่อันดุดัน ก้าวแรกของยุคใหม่แห่งรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลสปอร์ตสเตอร์ ด้วยเครื่องยนต์ V-Twin สองลูกสูบ Revolution® Max 1250T พร้อมกำลัง 121 แรงม้า เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางสู่อิสรภาพได้อย่างเต็มกำลัง รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีสไตล์ที่ดุดันและทรงพลัง ถังน้ำมันและส่วนท้ายรถถูกประกบเข้ากับเครื่องยนต์ เพื่อให้แก่นกลางของตัวรถมีความน่าดึงดูด ยางหน้าขนาดใหญ่แบบไร้บังโคลนให้ความรู้สึกเหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์สไตล์บ็อบเบอร์สุดคลาสสิก ในขณะเดียวกัน ณ ส่วนท้ายของรถ ท่อไอเสียที่มีการยกสูงและที่นั่งเดี่ยวแบบบาง ได้แรงบันดาลใจมาจากรถมอเตอร์ไซค์แข่งรุ่น XR750 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ตะเกียบหน้าแบบหัวกลับและยางขนาดใหญ่ สะท้อนให้เห็นว่านี่คือรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสมรรถนะสูง ระบบส่งกำลังที่โดดเด่นด้วยพื้นผิวแบบ Chocolate Satin บนฝาครอบเครื่องยนต์แมกนีเซียมน้ำหนักเบา ซึ่งทั้ง สี สัมผัส พื้นผิว และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีเพื่อทำให้รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Sportster® S มีลักษณะของรถดัดแปลงที่สามารถอวดโฉมได้แม้จะจอดไว้เฉย ๆ ในโรงจอดรถ เครื่องยนต์ Revolution Max 1250T ขนาด 1,250 ซีซี คือหัวใจของรถรุ่น
Lamborghini Miura supercar แม่พิมพ์ที่สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ รวมถึงจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์กระทิงดุ เป็นรถหายากที่ควรค่าแก่การสะสมอย่างไม่ต้องสงสัย ในตระกูล Miura เองก็มีหลายรุ่นที่พิเศษแยกย่อยออกไป ซึ่งเราเคยนำเสนอไว้แล้วในบทความนี้ “LAMBORGHINI MIURA กระทิงนักสู้ตัวสำคัญที่ยังรันวงการ SUPERCAR” แต่รุ่นที่หายากที่สุดของ Miura ทั้ง 700 คันที่ถูกผลิตออกมา พึ่งจะถูกนำออกมาเปิดประมูลให้นักสะสมขนหัวลุกกัน นั่นคือ Lamborghini Miura SVJ “The Corsican” supercar edition พิเศษที่มีเพียง 3 คันในโลก Miura SVJ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1970 เมื่อ Bob Wallace หัวหน้าฝ่ายทดสอบรถของ Lamborghini รู้สึกว่า Miura เวอร์ชั่นปกติยังมีศักยภาพอีกหลายจุดที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้หากต้องการเป็นผู้ชนะในสนามแข่ง จึงลงมืออัพเกรด Miura ลดน้ำหนักตัวลงด้วยบอดี้ผลิตจาก aluminum-alloy อัพเกรดช่วงล่างสำหรับสนามแข่งและพัฒนา aerodynamic ด้วย aero kit ที่มีช่องดักลมแตกต่างจากรุ่นปกติ ปิดท้ายด้วยการจูนเครื่องยนต์ V12
BMW เสริมความสดใหม่ให้กับ mid-size SUV หรู ด้วย limited edition “Black Vermilion Edition” สำหรับ X5, X6 บนโมเดล xDrive40i รวมถึง X7 M50i ในโทนสีดำแดงพิเศษ ภายนอกโดดเด่นเตะตาด้วยกระจังไตคู่หน้าสีแดง ล้อ double-spoke ขนาด 22 นิ้วสี Orbit Grey และ brake calipers สีแดง เสริมความสปอร์ตทันสมัย ดุดันเข้ากับตัวถังสีดำ “BWM Individual Frozen Black Metallic” ไฟหน้า Adaptive Full LED Laserlight ชุดแต่ง M Sport รอบคัน กันชนหน้าหลัง รวมถึงท่อไอเสีย M Sport exhaust system สร้างความแตกต่างและย้ำภาพความสปอร์ตที่เหนือกว่าคู่แข่งบนท้องถนน
ใครเคยดื่มเหล้ากับคนรุ่นเก๋ารุ่นใหญ่จนเมาหัวทิ่ม เช้าอีกวันอาจจะสงสัยว่าทำไมในขณะที่เราทรมานจากอาการเมาค้าง (hangover) จนลุกจากเตียงไม่ไหว แต่คนรุ่นใหญ่กลับสามารถตื่นเช้ามาพร้อมอาการชิว ๆ สบาย ๆ ไปทำงานต่อได้แบบไร้ปัญหา ราวกับการเมาค้างทำอะไรพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เลย บัดนี้เราค้นพบคำอธิบายนั้นแล้ว กับผลวิจัยที่ชื่อ Alcohol Hangover Across the Lifespan: Impact of Sex and Age ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงใน medical journal “Alcohol and Alcoholism” นักวิจัยได้ทำการทดลองกับบรรดานักดื่มจำนวน 761 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 94 ปี เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่ม ที่ไหน เท่าไหร่ เวลาไหน ดื่มนานแค่ไหน และอาการ Hangover ในวันรุ่งขึ้นเพื่อดูความแตกต่างในแต่ละช่วงอายุ มีความน่าสนใจถูกค้นพบอย่างชัดเจนระหว่างคนสองกลุ่ม คนอายุมากจะเจอกับความทรมานจากการเมาค้างน้อยลง หรือแม้ในรายที่ดื่มหนักมาก แม้จะมีอาการบ้าง แต่จะไม่รุนแรงเท่าเด็กวัยรุ่นที่ร่วงยาวถึงบ่าย กลืนไม่เข้า คายไม่ออก นักวิจัยสรุปสาระสำคัญได้ว่า เมื่อนักดื่มอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีประสบการณ์ในการรับมือกับอาการเมาค้างได้ดีขึ้นด้วย หรือเรียกว่าร่างกายผ่านอะไรมาเยอะจนเคยชินกับมันนั่นเอง
สำหรับคนที่อยากได้ทั้งกล้องถ่ายรูปและ Android smartphone รวมกันไว้ในเครื่องเดียว Yongnuo รุ่น YN455 คือสิ่งที่คุณอาจจะกำลังตามหา ชื่อ Yongnuo อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูหลายคนเท่าไหร่ แต่แบรนด์กล้องจากจีนนี้เคยออกรุ่นก่อนหน้ามาแล้วในปี 2018 กับรหัส YN450 กล้อง micro 4/3 mirrorless camera ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android พร้อม mount EF และอีกไม่กี่ปีก็มีรหัสใหม่ YN450M ที่คงสเปกเดิม แต่เปลี่ยนเป็น Micro Four Thirds mount ซึ่งทั้งสองรุ่นขายเฉพาะในประเทศจีน และไม่ค่อยได้รับเสียงตอบรับที่ดีเท่าไหร่จากนักรีวิวทั้งหลาย แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดให้ Yongnuo พัฒนาต่อไป ล่าสุดได้เปิดตัว YN455 ใหม่ล่าสุด มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์และสเปกครั้งใหญ่ทำให้น่าใช้งานมากขึ้น Yongnuo YN455 บอดี้มีการพัฒนา handgrip ให้ถือจับใช้งานได้ถนัดมือขึ้น ความละเอียด 20-megapixel Four Thirds sensor ด้านหลังใช้จอ tilt touchscreen
หลังการปลดระวาง 3 ทหารเสือ Elise, Exige, และ Evora ถ้าคุณต้องการเล่น Lotus นี่คือโอกาสสุดท้ายที่จะได้ครอบครองเครื่องยนต์เผาไหม้ในตัวถัง Mid-engined Supercar ก่อนที่จะเปลี่ยนถ่ายไปสู่ยุคขุมพลังไฟฟ้าที่จะเริ่มหลังจาก Emira เป็นรุ่นสุดท้าย นอกจากเป็นขุมพลังเผาไหม้รุ่นสุดท้าย Lotus Emira ยังถือเป็น Supercar ที่น่าสนใจมากในหลายด้าน โดยเฉพาะดีไซน์ที่เรียกว่ายกมาจากตัวท็อปสุดของค่าย Lotus Evija Hypercar และสัดส่วนที่สวยงามลงตัวพอดี ไม่มีอะไรมากหรือน้อยเกินไป ฐานล้อขนาด 2,575 มิลลิเมต ยาวยิ่งกว่า Porsche 911 ในน้ำหนักตัวเพียงแค่ 1,405 กิโลกรัม Lotus Emira มีขุมพลังให้สองทางเลือก เริ่มจากเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6 จาก Toyota ซึ่งถูกใช้มาแล้วใน Exige และ Evora แต่ที่น่าสนใจคือเครื่อง M139 2.0 ลิตร turbo จาก AMG