เปิดตัวกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ “NEW MG ZS” รถเอสยูวีรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย MG ที่มาพร้อมรูปลักษณ์โดดเด่นสะกดสายตาด้วยเอกลักษณ์ดีไซน์ภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) ที่ให้ความหรูหราทันสมัยและสปอร์ตยิ่งขึ้น ห้องโดยสารเพียบพร้อมความสะดวกสบาย กว้างขวาง พร้อมระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System 9 ระบบ ที่ครบครันยิ่งกว่า นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เป้าหมายหลักของการพัฒนา NEW MG ZS คือการนำเสนอ ‘สมาร์ทคาร์’ หรือ ‘รถยนต์อัจฉริยะ’ รุ่นแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ไม่เพียงตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร้ขีดจำกัดเท่านั้น แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัทรถยนต์รายใดเคยทำมาก่อน เราจึงติดตั้งเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะใหม่ล่าสุด i-SMARTไว้ในรถยนต์ NEW MG ZS ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ขับสามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆภายในรถยนต์ ด้วยการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย รวมถึงรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบด้วยอีกขั้นของความล้ำสมัย สะดวกสบายและความปลอดภัยที่เหนือกว่าความคาดหมายของลูกค้า โดยเราคาดการว่า NEW MG ZS จะมียอดจำหน่ายมากกว่า
ในหมู่คอเพลงอิเล็กทรอนิกส์ เทคโน และ เฮาส์มิวสิค ในกรุงเทพฯ หากพูดถึง 808 Festival คงเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเทศกาลดนตรีระดับคุณภาพตัวจริงของประเทศ ที่โด่งดังจนได้รับการตอบรับไปยังต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งในปีนี้ Retox Sessions ถือเป็นการฉลองครอบรอบปีที่ 5 ของ 808 Festival ที่ได้ระเบิดความมันส์ให้เหล่าคอเพลง Electronic ได้สนุกร่วมกันมา อย่างเต็มที่ในทุกปี ด้วย Line Up ที่เด็ด และ ดีที่สุดในทุกครั้ง จนเป็นที่ยอมรับและการันตีได้ว่า แฟน ๆ 808 Festival จะไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน และการกลับมาของปรากฏการณ์แห่งความมันส์ในปีนี้ พบกับที่สุดของ DJ Line up แห่งปีเลยทีเดียว งานนี้จัดหนัก จัดครบรสทั้ง สายโดด สาย Deep สาย Trap ไปยันสายเทคโน ที่จะมาประชันกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งระดับตำนาน ไปจนถึงดาวรุ่งพุ่งแรง โปรดักชั่นจัดเต็มกว่าเดิม ในโลเคชั่นใหม่อย่าง SHOW DC
โอเมก้า (OMEGA) สุดยอดแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลก สัญชาติสวิสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 169 ปี เปิดตัวเรือนเวลาสุดพิเศษ โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ 38 มม. “ออร์บิส” (OMEGA Speedmaster 38 mm “Orbis”) ซึ่งโอเมก้าผลิตขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือองค์กรระดับโลกอย่าง Orbis International โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ 38 มม. “ออร์บิส” มาในตัวเรือนและสายสเตนเลส สตีล และขอบตัวเรือนประดับสเกลทาคีมิเตอร์บนวงแหวนอลูมิเนียมสีน้ำเงิน พื้นหน้าปัดซันบรัชสีน้ำเงินถูกเติมเต็มด้วยสามหน้าปัดย่อยรูปไข่แนวนอนสีฟ้าอ่อน และช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เสริมความโดดเด่นด้วยอินเด็กซ์บอกเวลาเคลือบโรเดียม เข็มบอกเวลาเคลือบโรเดียมหรือสีฟ้าเคลือบเงา ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกโอเมก้า โค-แอ๊กเซียล คาลิเบอร์ 3330 (OMEGA Calibre 3330) สนนราคา 169,000 บาท ตั้งแต่ปี 2011 โอเมก้า และองค์กรไม่แสวงผลกำไรอย่าง Orbis International ได้ร่วมแชร์ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือรักษาภาวะตาบอดและโรคทางตาในประเทศที่ยากไร้และประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกเสมอมา โดยมอบการรักษาที่มีประสิทธิภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าน Flying
“แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้เก็บตัวที่สุด ถ่อมตัวที่สุด ไม่รู้จักคำว่าการตลาด ไม่สนใจคำว่าเซเลบริตี้ ไม่คุ้นเคยคำว่าการโปรโมทตัวเอง และไม่ใส่ใจคำว่าเทรนด์” อาจฟังดูเป็นนิยามแปลกประหลาดเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าเป็นจริงสำหรับแฟชั่นดีไซเนอร์คนใด แต่นี่แหละคือนิยามของ ดรีส แวน โนเทน (Dries Van Noten) ผู้ได้รับการยอมรับจากคนรักแฟชั่นทั่วโลกในฐานะ “ดีไซเนอร์อิสระที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งยุค” และเพราะนิยามนั้นนั่นเอง Dries จึงเป็นหนังเรื่องแรกที่ดีไซเนอร์เจ้าของผลงานแสนละเมียดละไมผู้นี้ ยินยอมให้มีคนทำหนังถือกล้องเดินตามเข้าไปสำรวจเรื่องราวของเขา ตั้งแต่กระบวนการทำงานในห้องออกแบบไปจนถึงชีวิตส่วนตัวในบ้านแบบที่ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตมาก่อน ผู้กำกับ ไรเนอร์ โฮลซ์เมอร์ ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มกับการติดตามดรีส แวน โนเทนตั้งแต่วันเริ่มต้นคิดผลงาน 4 คอลเล็กชั่นใหม่ ตั้งแต่ขั้นตอนการเฟ้นหาผ้า, การปัก และการพิมพ์ลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จนถึงวันที่งานเหล่านั้นปรากฏต่อสายตาชาวโลกผ่านแค็ตวอล์คระดับ “พลาดไม่ได้” ในปารีสแฟชั่นวีค โดยระหว่างทางนั้น เราจะได้รับรู้ทั้งชีวิต ความคิด และจิตใจอันเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ชั้นมาสเตอร์ผู้นี้ที่ยังสามารถรักษาสถานะความเป็น “นักออกแบบอิสระ” มาได้ตลอดการทำงานยาวนานถึง 25 ปี ท่ามกลางบรรยากาศการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลของโลกแฟชั่น 4 จุดเด่นที่ทำให้ “ดรีส” แตกต่าง ไอริส แอพเฟล คุณทวดแฟชั่นไอค่อนผู้โด่งดังแห่งนิวยอร์ก บอกเราไว้ในหนังเรื่อง Dries ว่า “ดรีสไม่เหมือนแฟชั่นดีไซเนอร์คนไหนๆ
ยิ่งใหญ่สมการรอคอยกับการรวมตัวของเหล่าไบค์เกอร์ทั่วฟ้าเมืองไทย นำทีมโดย “แอ๊ด คาราบาว” ในฐานะประธานกลุ่มคอมมานเดอร์ ซิตี้ (Commander City) ที่ยกขบวนไบค์เกอร์พาเหรดมาเรียกน้ำย่อยกันก่อนเริ่มงาน ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ กับ งาน 15th Anniversary “Commander City Thailand” Presented by Chang อีเว้นต์ใหญ่แห่งปีของชาวไบค์เกอร์ที่ สนามช้างฯ จับมือกับกลุ่มไบค์เกอร์ระดับแนวหน้าของเมืองไทย ภายในงานยังมีกับกิจกรรมมากมาย จัดเต็มทั้งของรางวัลและคอนเสิร์ตจากศิลปินร็อคระดับตำนาน รวมถึงการออกบูทร้านขายสินค้าอะไหล่และของแต่งต่างๆ กว่าร้อยบูทที่ลดสูงสุดถึง 50% รวมถึงไฮไลท์สุดพิเศษ ล็อตโต้ (Lotto) ลุ้นรับจักรยานยนต์ “ฮาร์เลย์เดวิดสัน” 2 คัน คือรุ่นเฮอริเทจ ซอฟเทล (Heritage Softail 2016) และรุ่นไดนา โลว์ ไรเดอร์ (Dyna Low Rider 2016) ซึ่งรายได้ในกิจกรรมนี้ส่วนหนึ่งจะนำไปสร้างสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป ไฮไลท์ของงานในครั้งนี้อยู่ที่การจัดการแข่งขัน “คอมมานเดอร์ซิตี้
‘เอท ทองหล่อ’ (Eight Thonglor) ไลฟ์สไตล์มอลล์ยอดนิยมย่านสุขุมวิท เปิดพื้นที่จัดงานนิทรรศการภาพถ่าย ‘เอท เอเลเมนท์’ (8 Elements) นำเสนอผลงานภาพถ่ายขาวดำที่สะท้อนถึงตัวตนเบื้องลึกและจิตวิญญาณจาก 8 ช่างภาพสุดยอดฝีมือผู้ประสบความสำเร็จจากหลากหลายสาขาอาชีพ อาทิ อนุวัต บูรพชัยศรี กงสุลกิตติมศักดิ์แห่งสาธารณรัฐโปแลนด์ เจ้าของนามแฝงช่างภาพที่ใช้ชื่อว่า Eyeshadow, ธนากร เตลาน ช่างภาพผู้สร้างสรรค์ศิลปะด้านไฟน์อาร์ต (Fine Art) ชื่อดัง, เบญจ์เยี่ยม ส่งวัฒนา ซีอีโอ บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอาท์เล็ท จำกัด และอีกมากมาย เพื่อให้เหล่าคนเมืองได้สัมผัสกับเสน่ห์และเรื่องราวต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลกผ่านภาพถ่ายที่คัดสรรมาอย่างบรรจง ท่านที่สนใจยังสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสมทบทุนช่วยเหลือคนตาบอด เนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายภาพและหนังสือภาพ หลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกมอบให้กับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อเป็นเงินทุนพัฒนามูลนิธิต่อไป พบกับนิทรรศการภาพถ่ายสีขาวดำ ‘เอท เอเลเมนท์’ (8 Elements) ได้ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2560
จากความสำเร็จของ “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์” (Royal Oak Frosted Gold) เวอร์ชั่นสำหรับเวิร์กกิ้งวูแมน ที่เปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจเมื่อพฤศจิกายน 2016 ก็ถึงคราวที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ส่งผ่านประณีตศิลป์อันแสนท้าทายให้กับเหล่าสุภาพบุรุษสุดเนี้ยบกันบ้าง กับเรือนเวลา “รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น” ล่าสุด บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 41 มิลลิเมตร จับคู่สายนาฬิกาวัสดุเดียวกับตัวเรือน โดดเด่นด้วยดีเทลระยิบระยับดุจประกายจากเพชร ผลลัพธ์ล้ำค่าด้วย “ฟลอเรนทีน เทคนิค” (Florentine technique) โดยการตีเนื้อทองด้วยสลักหัวเพชรลงบนพื้นผิวตัวเรือนและสายนาฬิกาเพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก เทคนิคเก่าแก่ที่นิยมใช้ในการออกแบบจิวเวลรีแบบดั้งเดิม ก่อนต่อยอดสู่ความตื่นเต้นครั้งใหม่ของเรือนเวลาระดับมาสเตอร์พีซได้อย่างลงตัว คงลุคที่เฉียบขาดด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) พร้อมด้วยกระจกฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ และเข็มบอกเวลาเคลือบสารเรืองแสง ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 3120 กันน้ำลึก 50 เมตร ผลิตจำกัดเพียง
นับตั้งแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ชาวไทยทั้งแผ่นดินก็ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า เราล้วนมีวิธีการจัดการความโศกเศร้าที่แตกต่างกันไป บ้างก็เลือกน้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้รู้สึกว่าพระองค์ท่านยังประทับอยู่ในใจเราเสมอ แต่ แจม-เจกิตาน์ โตนิติ บัณฑิตสาวจากรั้วจามจุรี เลือกการลงมือทำด้วยการร่วมถวายงานครั้งสุดท้ายอย่างสมเกียรติ ในการเป็นจิตอาสาปั้นประติมากรรมประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่๙ โดยผู้รับผิดชอบหลักในการปั้นประติมากรรมครั้งนี้คือ สำนักช่างสิบหมู่กรมศิลปากร ซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญของศิลปะไทย ได้เปิดรับสมัครจิตอาสาช่วยงาน ผู้ที่สมัครจะต้องผ่านการคัดเลือก และทดสอบฝีมือก่อน มีคนให้ความสนใจสมัครเป็นจำนวนมาก และแจมก็เป็นหนึ่งในจิตอาสาที่ได้เข้าร่วมปั้นหุ่นต้นแบบ เพื่อนำไปใช้เป็นแม่พิมพ์หล่องานปั้น หรือประติมากรรมประดับตกแต่งรอบพระเมรุมาศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ล้วนเป็นต้องใช้ความละเอียดประณีตทุกขั้นตอน เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับเจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เกี่ยวกับการร่วมเป็นจิตอาสาและเบื้องหลังงานรังสรรค์ศิลป์แห่งการประดับพระเมรุมาศ เจกิตาน์ โตนิติ หรือ แจม เรียนจบจาก คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาทัศนศิลป์ เอกประติมากรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบวาดนู่นนี่ตั้งแต่เด็ก สนใจรูปภาพสีสัน เลยเลือกเรียนศิลปะ ส่วนประติมากรรมพึ่งมาชอบตอนที่ได้ลองทำจริงในการเรียนในมหาวิทยาลัยช่วงปี 1 เลยค้นพบว่าตัวเองชอบอยู่กับสิ่งที่ได้ลงมือลงแรง ได้ขยับ มันสนุกดีเลยเลือกเรียนเป็นเอกประติมากรรม ตอนปี 3 พูดถึงการเริ่มต้นเรียนด้านศิลปะหน่อยว่ามีที่มาอย่างไร ที่บ้านให้การสนับสนุนดีมาก อยากให้เราเรียนในสิ่งที่มีความสุขตลอด เพียงแค่เขาขอให้เราตั้งใจทำ สิ่งที่ชอบให้ดีที่สุด ให้กำลังใจในเวลาท้อตลอดมา ล่าสุดมีโอกาสได้เข้ามาเป็นช่างจิตอาสาในการทำงานศิลป์ประดับพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง ร.๙ ฝ่ายประติมากรรม
JOOX มิวสิคแอปพลิเคชั่น เชิญชวนชาวไทยร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ผ่านบทเพลงแห่งความคิดถึงเพื่อพ่อที่ถ่ายทอดความรู้สึกโดยศิลปินดังมากมายในรายการ JOOX Ribbon ตอนพิเศษ “รักพ่อ คิดถึงพ่อ ฟังเพลงของพ่อ” เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมสดุดีพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ออกอากาศเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ทาง JOOX LIVE ศิลปินคุณภาพที่อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์มาร่วมขับร้องในรายการ “รักพ่อ คิดถึงพ่อ ฟังเพลงของพ่อ” ได้แก่ มาเรียม B5, ฟิล์ม บงกช, ดิว อรุณพงศ์ และเก่ง ธชย พร้อมด้วยศิลปินที่นำเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อพ่อมาขับร้อง ได้แก่ เบสท์, โบ๊ท, ไอซ์ และแอน ศิลปินจากค่าย I AM และ True Fantasia ร่วมบรรเลงบทเพลงอันไพเราะโดยวงดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ดำเนินรายการโดยทีม JOX นำโดย
ภาพยนตร์สารคดี “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ” (The Journey) จะนำพาผู้ชมทุกท่านร่วมเดินทางไกลเพื่อค้นหาข้อมูลที่มีค่า ผ่านเรื่องราวการเดินทาง และความทรงจำอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งพระองค์ประทับอยู่ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นระยะเวลา ๑๘ ปี จนกระทั่งพระองค์เสด็จนิวัติประเทศไทยในปีพุทธศักราช ๒๔๙๔ เพื่อเสด็จขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ โดยอ้างอิงความทรงจำจาก พระราชหัตถเลขา และไปรษณียบัตร รวมถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ วีดิทัศน์พระราชทานสัมภาษณ์ และการสัมภาษณ์บุคคลสำคัญที่เคยถวายงานพระองค์ ภาพยนตร์สารคดีนี้มุ่งหวังให้ผู้ชมเข้าใจว่าสิ่งใดที่หล่อหลอมให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เติบโตมาเป็นกษัตริย์อันเป็นที่รักของประชาชน ชาวไทย ผ่านการนำเรื่องราวและความทรงจำอันแสนล้ำค่าในวัยเด็กที่กระจัดกระจายของพระองค์มาเรียงร้อยต่อกัน เปรียบเสมือนกับบันทึกการเดินทางไกลของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่สะท้อนสายอันแน่นแฟ้นระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนของพระองค์ และเพื่อแสดงให้เห็นว่า “ท่านมิใช่เพียงแค่ศูนย์รวมแห่งคนไทยทั้งชาติ แต่พระองค์ท่านคือโลกอีกใบหนึ่งของพวกเราชาวไทยทั้งประเทศ” ผู้กำกับ: มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล บทภาพยนตร์โดย: มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล และพรมนัส รัตนวิชช์ กำหนดเข้าฉาย: สำหรับประชาชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถติดตามและรับชมภาพยนตร์สารคดี “บันทึกทางไกล…ถึงพ่อ” (The Journey) ได้โดย ไม่เสียค่าใช้จ่าย ตามช่องทางและรายละเอียด ดังต่อไปนี้ •