นอกจากมังงะเรื่องดัง แฟชั่นหลุดโลก และดนตรี J-Rock ที่ทำให้วัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก อีกหนึ่งสิ่งที่สร้างชื่อให้กับประเทศนี้คงต้องนับรวมภาพยนตร์สัตว์ประหลาดปี 1954 อย่างเรื่อง Godzilla ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจากปีที่ฉายภาพยนตร์ครั้งแรกก็เนิ่นนานมาถึง 65 ปีแล้ว จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาสัญชาติเดียวกันอย่าง Grand Seiko ไม่พลาดออกนาฬิกาเรือนพิเศษเพื่อร่วมฉลองความสำเร็จของราชามอนสเตอร์ครั้งนี้ Grand Seiko ร่วมฉลองความสำเร็จยาวนานกว่า 65 ปี ของมอนสเตอร์สุดยิ่งใหญ่ของโลกอย่าง Godzilla ด้วยการนำเอกลักษณ์และดีไซน์ของสัตว์ประหลาดมาอยู่บนนาฬิกา SBGA405 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกับรุ่น SBGA403 ตัวเรือนขนาด 44.5 มิลลิเมตร หนา 14.3 มิลลิเมตร ทำจากไทเทเนียมความเข้มสูง สร้างสรรค์ด้วยดีไซน์โมเดิร์นทันสมัยอย่างการแต่งเหลี่ยมมุมของหน้าปัดนาฬิกาที่เป็นงานทำมือจากช่างฝีมือของ Grand Seiko สายนาฬิกาสีดำทำจากหนังฉลามถูกแต่งแต้มสีสันตามรอยแตกของแผ่นหนังด้วยสีแดง เข้ากับเรือนหน้าปัดขนาดกำลังดีประกอบเข้ากับกระจกแซฟไฟร์แบบดูอัลเคิร์ฟตัดแสงสะท้อนอย่างดีเยี่ยม ส่วนสีที่ถูกเลือกให้เป็นสีพื้นของเรือนเวลารุ่นพิเศษคือสีแดงเบอร์กันดี มีต้นแบบมาจากลำแสงความร้อนสูงที่พ่นออกมาจากปากของ Godzilla จากนั้นใช้สีเงินตรงบริเวณแต้มเวลา เข็มบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบร์ท เพื่อทำให้การบอกเวลาชัดเจนง่ายต่อการดู โดยไม่ลืมรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างการแต้มสีแดงและสารเรืองแสงตรงเข็มวินาทีอันจิ๋ว ช่องบอกวันที่บริเวณ 3 นาฬิกา ใช้พื้นเป็นสีดำตัดกับตัวเลขบอกเวลาที่เป็นสีขาวเพื่อให้มองเห็นชัด ส่วนเข็มบอกพลังงานสำรองของนาฬิกาจะอยู่ตรงนำแหน่ง 7
Lamborghini Squadra Corse แผนกพัฒนารถแข่งของค่ายกระทิงเปลี่ยวปล่อยวิดีโอ Teaser ความยาว 33 วินาทีซึ่งเผยให้เห็นรูปทรงบางส่วนของ Lamboghini Aventador ไฮเปอร์คาร์คันใหม่ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในสนามแข่งโดยเฉพาะ คาดว่าจะพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าภายในสิ้นปี 2021 ไฮเปอร์คาร์คันใหม่ของ Lamborghini พัฒนาโดยมีพื้นฐานมาจาก Aventador ซึ่งคาดว่าจะถูกเรียกด้วยชื่อ “SVR” ภาพบางส่วนที่เห็นในตัวอย่างวิดีโอ เราจะเห็นรถโมเดล Aventador สีเขียวที่มีช่องลมบนฝากระโปรงและฮู้ดดูดอากาศขนาดใหญ่บนหลังคา นอกจากนี้ยังมีสปอยเลอร์ขนาดใหญ่และ Difusser ด้านหลังที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ รูปลักษณ์สมเป็นรุ่นพัฒนาเพื่อลงแทร็กโดยเฉพาะ โครงสร้างของ Aventador สร้างขึ้นให้มีน้ำหนักเบาเท่าที่จะทำได้ ตัวรถใช้โครงสร้างชั้นในเป็นเหล็กที่ครอบทับด้วยตัวถังจากคาร์บอนไฟเบอร์ตั้งแต่หัวจรดท้าย ตัวรถกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ให้พลังสูงถึง 830 แรงม้า แรงขึ้นจากโมเดลล่าสุดอย่าง Avantador SVJ ประมาณ 60 แรงม้า ทั้งหมดสั่งงานด้วยชุดเกียร์ Xtrac 6 Speed ที่สร้างขึ้นมาให้ตอบสนองฉับไว เพื่อตอบสนองการเป็นรถยนต์สำหรับแข่งขัน นอกจากไฮเปอร์คาร์คันใหม่ซึ่งมีพื้นฐานจาก Avemtador ที่เตรียมปล่อยมาวิ่งในสนามแข่ง Lamborghini
Sneakersnstuff อยู่ในช่วงฉลองครบรอบ 20 ปี การก่อตั้งร้าน หลังที่ทั้งปีนี้ร่วมงานกับแบรนด์รองเท้ามากมายโดยปล่อยงานคอลแลปส์คู่พิเศษออกมา เป็นคอลเลกชันที่ทำร่วมกับ Adidas ประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน Sneakersnstuff (SNS) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศสวีเดนโดย Peter Jansson และ Erik Fagerlind ในปี 1999 ก่อนรีเทลชื่อดังจะมีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดพวกเขาเตรียมฉลองสาขาใหม่ที่กำลังจะเปิดในลอสแอนเจลิส โดยคอลเลกชันรองเท้าชุดใหม่ที่ทำร่วมกับ Adidas ก็ได้แรงบันดาลใจการออกแบบมาจากเรื่องราวของเมืองแห่งนี้ ผ่านมุมมองของ SNS คอลเลกชันฉลองครบรอบ 20 ปี และร้านสาขาใหม่ในสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรองเท้าทั้งหมด 3 รุ่น คู่แรกคือ Adidas ZX400 4D มี 2 โทนสีคือ Day และ Night คู่แรกเป็นสีส้มที่หมายถึงช่วงประอาทิตย์ขึ้นของลอสแอนเจลิส ส่วนคู่ที่ 2 เป็นสีชมพู-ม่วงที่หมายถึงช่วงพลบค่ำของมหานครที่ไม่เคยหลับใหล ทั้งสองมากับมิดโซล 4D Futurecraft สี Mint Green
Farnsworth House เป็นบ้านพักตากอากาศอันโด่งดังของ Edith Farnsworth ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองพลาโน ในรัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านรูปทรงเรขาคณิตหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1945-1951 ออกแบบโดย Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกลูกครึ่งเยอรมัน-อเมริกัน ผู้บุกเบิกแนวคิดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ บนพื้นที่ขนาด 10 เอเคอร์ ห้อมล้อมด้วยต้นไม้นานาชนิดและอยู่ห่างจากแม่น้ำฟ็อกซ์เพียง 100 ฟุต การออกแบบบ้านใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมเป็นเรขาคณิต นำเสาเหล็กรูปตัวไอ (I) แปดเสามารองรับโครงหลังคา และยกพื้นบ้านขึ้นจากพื้นดิน 5 ฟุต 3 นิ้ว เพื่อให้มองเห็นสเปซตั้งแต่พื้นจรดเพดานได้อย่างแจ่มชัด ด้วยแนวคิดที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ บวกกับรูปทรงเรขาคณิตที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Farnsworth House ถูกขนานนามว่าเป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมสไตล์นานาชาติแห่งศตวรรษที่ 20 และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นอื่น ๆ ทั่วโลก แถม National Trust ยังจัดให้ที่นี่เป็นโบราณสถานเพื่ออนุรักษ์ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม โดยผู้เข้าชมทุกคนจะต้องเช็กอินที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและเข้าชมบ้านหลังนี้ได้ต่อเมื่อมีไกด์นำเที่ยวเท่านั้น แต่เมื่อมีสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ ผุดขึ้นทั่วโลก บ้านเรขาคณิตหลังนี้ก็กลายเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกลืม ซ้ำร้ายคือที่ตั้งที่อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำมากนัก ทำให้
โสเภณี ถือเป็นอาชีพที่อยู่คู่ผู้ชายและโลกใบนี้มาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายประเทศกำหนดให้อาชีพนี้ผิดกฎหมาย จึงเป็นเหตุให้หลาย ๆ คนไม่เคยเห็นชีวิตในด้านต่าง ๆ ของผู้หญิงที่ประกอบอาชีพนี้มากนัก เว้นก็แต่ช่างภาพที่ชื่อ Jane Evelyn Atwood Jane Evelyn Atwood เป็นหญิงสาวจากนิวยอร์กที่เดินทางไปทวีปยุโรปช่วงปี 1971 หลังจากเรียนจบในสาขาละครเวที เธอยังไม่ได้วางแผนเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำในอนาคตจึงเลือกที่จะอาศัยอยู่ในมหานครปารีสต่อ ภาพถ่ายชุดพิเศษนี้จึงเกิดขึ้น ขณะที่ Jane Evelyn Atwood เดินทางไปร่วมงานเปิดแกลเลอรี เธอมีพบเหล่าหญิงสาวชาวฝรั่งเศสยืนเรียงรายอยู่ข้างถนน พร้อมชุดคลุมขนสัตว์และเครื่องประดับ อีกทั้งแต่งหน้าสวยงาม Jane รู้ว่าหญิงสาวเหล่านั้นทำอาชีพขายบริการ โดยขณะนั้นการขายบริการในฝรั่งเศสเป็นเรื่องถูกกฎหมายและอนุญาตให้พวกเธอยืนตามถนนเพื่อเรียกลูกค้าที่เดินผ่านไปมาได้ เย็นวันเดียวกันสาวบริการอาสาพา Jane Evelyn Atwood ไปยังซ่องขนาดใหญ่บนถนน 19 Rue des Lombards ใจกลางมหานครปารีส พวกเธอเริ่มดื่มด้วยกัน ก่อนสาวชาวนิวยอร์กจะเกิดความคิดว่า ต้องการบันทึกความสวยงามเหล่านี้ไว้ โดยให้เหตุผลว่า นี่คือโลกอีกใบที่เธอไม่รู้จักมาก่อนและมันน่าตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ หลังจากคืนนั้น Jane Evelyn Atwood ตัดสินใจเขียนจดหมายไปหาสาวบริการผมบลอนด์ที่รู้จัก เพื่อขออนุญาตถ่ายภาพสาวบริการคนนั้นและเพื่อน ๆ อีกครั้ง หลังจากได้รับคำตอบตกลง
หลังจากที่ Netflix ประสบความสำเร็จในการสร้าง Original Content ของตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ สารคดี การ์ตูน ไปจนถึงรายการโชว์ ส่วนของภาพยนตร์เองก็ไม่น้อยหน้า กำลังเติบโตและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Roma, Bird Box, To All the Boys I’ve Loved Before, Set It Up และ Okja ล้วนได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วโลก ล่าสุดพวกเขากำลังจะปล่อยหนังเรื่องใหม่จัดเต็มโปรดักชั่นยิ่งใหญ่กว่าเดิมมาให้พวกเราได้ชมกันกับ ‘The King’ (เดอะ คิง) ภาพยนตร์แนวพีเรียดที่สร้างจากวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เรื่องราวของกษัตริย์เฮนรีที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษ อดีตเจ้าชายหนุ่มผู้ไม่ปรารถนาจะสืบทอดราชบัลลังก์ แต่กลับต้องขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างกะทันหันหลังพระราชบิดาผู้เหี้ยมโหดสิ้นพระชนม์ เรื่องย่อ เจ้าชายฮัล (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์) ผู้ไม่เคยใส่ใจกับการรับช่วงต่อราชบัลลังก์ เขาจำต้องขึ้นครองราชย์เป็น ‘พระเจ้าเฮนรีที่ 5’ หลังการตายของพระบิดาอย่างไม่ทันตั้งตัว กษัตริย์หนุ่มจึงต้องหาทางรับมือกับการแก่งแย่งชิงดี เขาต้องต่อสู้กับภาระอันหนักอึ้งของมงกุฏ ในช่วงที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เรื่องเล่าลี้ลับที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ถึงตัวตนและพลังอำนาจของปีศาจ สัตว์ประหลาด หรือผีเป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกเมืองทั่วโลก แต่ละชุมชนต่างก็มีเรื่องราวภูตผีประจำถิ่นเป็นของตัวเอง อย่างฝั่งยุโรปมีตำนานแดรกคูลา ทางอเมริกาเหนือมีตำนานเยติ หรือประเทศไทยมีกระหัง กระสือ ผีปอบที่ถูกทำเป็นหนังหลายต่อหลายภาค ส่วนเมืองเกาะมีผู้คนอาศัยมานานอย่างญี่ปุ่นก็มีเรื่องเล่าตำนานปีศาจน่ากลัวเช่นเดียวกัน ในวันนี้ UNLOCKMEN จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เฮียกคิยาโก (Hyakki Yakou) หรือชื่อภาษาไทยทรงพลังว่า ‘ขบวนร้อยอสูรแห่งรัตติกาล’ เพราะการเจอภูตผีปีศาจเพียงแค่ไม่กี่ตนอาจสร้างความสะพรึงกลัวให้กับผู้คนสมัยก่อนไม่มากพอเท่ากับกองทัพปีศาจ เรื่องเล่าสุดคลาสสิกของขบวนร้อยอสูร ถ้าเป็นกลุ่มคนไม่เชื่อเรื่องผีพอได้ยินคำว่าขบวนร้อยอสูรก็คงจะสงสัยหลายอย่าง เช่น ทำไมถึงต้องมี 100 ตน แล้วพวกเขากำลังเดินทางไปไหน ขณะที่ลูกเด็กเล็กแดงในญี่ปุ่นพอได้ยินชื่อของเฮียกคิยาโกก็ร้องไห้เพราะความกลัวไปแล้ว เรื่องราวของเฮียกคิยาโกะเริ่มต้นขึ้นจากบุคคลนิรนามที่ชื่นชอบเรื่องผี ตำนานปีศาจ เขาจึงออกเดินทางไปทั่วเกาะญี่ปุ่นเพื่อค้นหาคำตอบของตำนานผี แต่ละพื้นที่ก็มีประเภทของปีศาจแตกต่างกันไป เมื่อเขาเดินทางพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ จนพอใจจึงนำประสบการณ์เหล่านั้นมาเขียนและวาดภาพรวมผีคล้ายกับกำลังเดินขบวนกันอยู่ บันทึกของบุคคลนิรนามที่เดินทางไปทั่วญี่ปุ่นทำให้ผู้คนรู้จักปีศาจประเภทต่าง ๆ มากขึ้น แถมนอกภาพวาดและบันทึก ยังมีคำบอกเล่าของเหล่าชาวบ้านสมัยยุคเฮอัน ว่าระหว่างกำลังเดินทางข้ามเมืองช่วงฤดูร้อนเห็นขบวนปีศาจจำนวนมากเดินไปทั่วชานเมือง ในขบวนมีปีศาจกว่าร้อยชนิด บ้างก็ว่าเห็นปีศาจหลายตัวลอยอยู่เหนือบ้านคน ซึ่งเมืองที่ถูกพูดว่าพบเห็นปีศาจเยอะสุดก็หนีไม่พ้นเมืองหลวงเก่าแก่อันรุ่งโรจน์อย่างเกียวโต ถ้าเป็นแค่ขบวนที่มีแต่คนแปลก ๆ อาจสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับเด็ก ๆ และชาวบ้านไม่มากพอ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มมีข่าวลือว่าหากใครเห็นเฮียกคิยาโกหรือขบวนร้อยอสูรแล้วจะต้องตายเพราะถูกสาป แต่น่าแปลกที่คนเห็นกลุ่ม แรก ๆ กลับรอดมาเล่าให้ฟังได้ ตำนานที่ถูกเล่าสืบต่อกันมาเรื่อย
“ชีวิตคุณภาพ” เมื่อพูดถึงคำนี้ขึ้นมา Urban Men อย่างเราคงอดรู้สึกไม่ได้ว่าเป็นเหมือนความฝัน เพราะเราทุกคนล้วนอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่ทุกสิ่งล้วนเร่งรีบ ทั้งหน้าที่การงานที่ต้องดีที่สุดเสมอ การเดินทางที่ต้องเผื่อเวลาตลอด หรือช่วงเวลาแห่งการปาร์ตี้สังสรรค์ที่ต้องสุดขีดอยู่เป็นประจำ ทำให้ชีวิตคุณภาพคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ “ชีวิตคุณภาพ” ก็ไม่ใช่โจทย์ที่ยากเกินไปและไม่ใช่ความฝันที่ไกลเกินเอื้อม ถ้ามี “พื้นที่อยู่อาศัย” ที่ช่วยเติมเต็มชีวิต พิถีพิถันเรื่อง Service Design ใส่ใจทุกรายละเอียดการออกแบบมาเพื่อดูแลชีวิตเราให้มีคุณภาพที่ดีได้ รวมถึงตอบทุกโจทย์ความต้องการอันเร่งรีบในเมืองใหญ่แห่งนี้ “SERVICE DESIGN” จุดเริ่มต้นชีวิตคุณภาพ พื้นที่อยู่อาศัยที่ดีควรออกแบบมาเพื่อเติมเต็มคุณภาพชีวิตของลูกบ้านด้วยแนวคิดใหม่ ๆ โดยไม่ใช่แค่ Facility ที่หรูหราเท่านั้น แต่ Facility ต้องผ่านการคิดมาอย่างใส่ใจเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยทุกคน STAY HEALTHY TODAY AND TOMORROW ได้ครบทุกมิติ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เมื่อ “SERVICE DESIGN” คือจุดเริ่มต้นชีวิตคุณภาพ SENA HANKYU HANSHIN จึงร่วมพัฒนา “SENA-AZU” คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่เพื่ออนาคต ที่ให้ความสำคัญเรื่อง Service Design หรือบริการเพื่อการอยู่อาศัย โดยศึกษาจากข้อมูลความต้องการเชิงลึก
เหล่าสุภาพบุรุษที่ชื่นชอบการอ่านมังงะและดูแอนิเมะแถมยังชอบอัปเดตแฟชั่นคงต้องยิ้มกันอีกครั้ง โดยเฉพาะกับแฟนมังงะเรื่อง One Punch Man ผลงานจากปลายปากกาของนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่า ‘ONE’ เพราะในปีนี้มังงะเรื่องดังที่ตัวเอกเก่งจนผิดวิสัยการ์ตูนญี่ปุ่นได้ก้าวเข้าสู่โลกของแฟชั่นอีกครั้งจากการมีคอลเลกชันพิเศษเป็นของตัวเอง เรื่องราวของเหล่าฮีโร่รวมถึงตัวร้ายจากเรื่อง One Punch Man โลกเต็มไปด้วยสงครามจากการโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์จะออกจากหน้าหนังสือการ์ตูนและจอภาพยนตร์มาอยู่บนเสื้อผ้าของ BAIT ที่หนุ่ม ๆ หลายคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ไซตามะ (Saitama) หนุ่มชีวิตตกอับเพราะตกงานและเคยมีความฝันวัยเด็กว่าอยากเป็นฮีโร่ เขาบ้าคลั่งการฝึกฝนเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นฮีโร่ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการซิตอัพร้อยครั้ง ลุกนั่งร้อยครั้ง วิดพื้นร้อยครั้ง วิ่ง 10 กิโลเมตรทุกวัน แถมกินข้าวแค่วันละมื้อเท่านั้น ซึ่งการฝึกบ้าบิ่นทำให้ไซตามะกลายเป็นยอดฮีโร่ที่ล้มคู่ต่อสู้ในหมัดเดียว แต่ต้องแลกกับเส้นผมร่วงหมดหัวกลายเป็นตัวละครหัวใสทำให้ใคร ๆ ต่างก็จดจำเขาได้ เสื้อของไซตามะในคอลเลกชันนี้ออกแบบมาจำนวนมากที่สุดตามสูตรสำเร็จเพราะเขาเป็นพระเอกของเรื่อง โดยไซตามะปรากฏตัวอยู่บนเสื้อยืดสีฟ้า ด้านหลังของเสื้อจะเห็นไซตามะก่อนหัวล้านอีกด้วย ไปจนถึงเสื้ดยืดสีขาว เสื้อฮู้ดสีเทาที่มีเขาประดับอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของเสื้อผ้า ตัวละครต่อมาที่ BAIT เลือกมาอยู่บนเสื้อคงเป็นคนที่ใครหลายคนเดาถูก เพราะจีนอส (Genos) ไซบอร์กที่มีชีวิตวัยเด็กสุดรันทดผู้เป็นศิษย์เอกของไซตามะจะต้องตามอาจารย์ของเขามาอยู่บนคอลเลกชันนี้ด้วยอย่างแน่นอน ชายจริงจังที่อยากแข็งแกร่งและสร้างชื่อเสียงให้เลื่องลือไปไกลากรีนอยู่บนเสื้อยืดสีเหลือง ทัตสึมากิ (Tatsumaki) ซูเปอร์ฮีโร่พลังระดับ S ผู้มีฉายาน่าเกรงขามว่า ‘พายุทอร์นาโดแห่งความหวาดกลัว’ เป็นอีกตัวละครที่เข้าไปครองใจใครหลาย ๆ คน หญิงสาวหน้าตาดีที่มีผมสีเขียวนีออน แถมยังมีพลังจิตแข็งแกร่งสามารถยกสิ่งของน้ำหนักมหาศาลกว่าตัวเอง
ในแวดวงศิลปะน้อยคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อภาพอิสตรีสาวเมืองฟลอเรนซ์อย่าง “Mona lisa (โมนาลิซา)” ผ่านหู ภาพของเธอคือมรดกศิลป์ ผลงานของศิลปินระดับโลก เลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ประเทศฝรั่งเศส สถานที่เสพงานศิลปะที่คนจากทั่วทุกมุมโลกตั้งเป้าว่าจะเดินทางไปให้ได้สักครั้งในชีวิต วันเวลาผ่านไป โลกเปลี่ยนแปลง ลูฟวร์ในฐานะผู้จัดแสดงงานศิลปะจึงนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ชมได้เสพมากกว่าเดินดูภาพบนกำแพงหลังกระจกเช่นที่แล้วมา โดยร่วมมือกับ HTC VIVE arts เพื่อสร้างภาพเสมือนจริงที่ และตั้งชื่อผลงานว่า ‘mona lisa: beyond the glass’ กระบวนการสร้างผลงานใช้ทั้งอินฟราเรด เอกซเรย์และการหักเหของแสงเพื่อสร้างภาพ Portrait ในรูปแบบ 3D และจำลองท่าทางเคลื่อนไหว ในนิทรรศการฉลองครบรอบ 5 ศตวรรษการจากไปของดาวินชีในฝรั่งเศส ห้องจัดแสดง VR คือโซนพิเศษที่แยกไว้ ด้านในห้อง HTC นำ Vive Cosmos Headset จำนวน 11 เครื่องติดตั้งไว้ให้คนได้ชมอย่างเต็มอิ่ม จุใจ จากปกติที่ซื้อตั๋วไปแต่มีเวลาดูเพียง 30 วินาทีรายล้อมด้วยผู้คนเบียดเสียด หนนี้คือการเปิดโอกาสให้ได้ใกล้ชิดมากที่สุดเท่าที่เคยได้ชมกันมา เพราะเมื่อสวม VR จะช่วยตัดบรรยากาศรายล้อมด้านข้างออกไปหมดเลย