บางครั้งการใส่กางเกงยีนส์ หรือสแล็ค ก็อาจจะทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจมากจนเกินไป จึงไม่น่าแปลกใจหากพวกเราจะชอบลองอะไรแปลกใหม่ โดยการเลือกกางเกงประเภทอื่น อาทิ กางเกงวอร์มหรือจ็อกเกอร์ เพื่อมามิกซ์แอนด์แมทช์ในวันหยุดพักผ่อนสบาย ๆ หากใครลองสังเกตดูดี ๆ ในปัจจุบันจะมีกางเกงประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “Zipper Pants” ลักษณะของมันจะคล้าย ๆ กับ จ็อกเกอร์ เพียงแต่มีดีเทลลูกเล่นคือซิปอยู่ปลายขา ด้วยลูกเล่นที่แปลกตา ทำให้ zipper pants กลายเป็นกางเกงคู่ใจของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อเป็นการไกด์ไอเดียสำหรับใส่กางเกง zipper อย่างไรให้ชาว UNLOCKMEN ได้สนุกกับการแต่งตัว เราจึงมีวิธีมิกซ์แอนด์แมทช์แบบง่าย ๆ โดยที่คุณแทบจะไม่ต้องเสียเงินซื้ออะไรใหม่เลย LA to Bangkok จุดเริ่มต้นของกางเกง zipper นั้นมาจากแบรนด์ Fear of God ที่ต้องการสร้างสไตล์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคน LA แต่เนื่องด้วยความเรียบง่ายแต่ดูมีอะไร การแต่งตัวแบบนี้จึงได้แพร่หลายไปถึงคนทั่วโลก รวมถึงชาวไทย ซึ่งวิธีการมิกซ์แอนด์แมทช์ก็แสนง่าย เพียงหาเสื้อวงดนตรี หรือลายกราฟฟิคที่ชื่นชอบ มาใส่กับกางเกง zipper บวกกับสนีกเกอร์โดน ๆ สักคู่แบบนี้ก็ได้ได้ลุค
พูดถึงอินเดีย อย่างแรกที่ทุกคนนึกถึงคืออะไรกันครับ? คงนึกถึงแค่เมืองที่มีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน และเป็นเมืองที่มีประชากรเยอะเป็นลำดับ 2 ของโลก ทุกอย่างต้องดูแน่น ๆ อึดอัดไปหมด เชื่อว่ามีหลายคนคิดแบบนี้ ภาพของอินเดียในหัวจึงไม่ได้สวยงามน่าไปเยือนสักเท่าไหร่ แนะนำว่าสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัวก่อนครับ เพราะเราจะบอกว่านั่นเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนเดียวของคำว่า “อินเดีย” UNLOCKMEN จะพาไปปลดปล่อยความน่าตื่นเต้น ฉีกทุกเส้นทางเดินเอื่อย ๆ ในเมืองหลวง กับการแนะนำ 10 การเดินทางแปลกตาที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและเรามั่นใจว่านี่จะเป็นเส้นทางการเดินทาง ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในอินเดียแน่นอน เมื่อเตรียมพร้อมก็แบกเป้ ไปลุยได้เลย! GUWAHATI TO TAWANG จุดเริ่มต้นแรกกับเส้นทางการเดินทางฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียอย่าง Guwahati ถึง Tawang จะต้องใช้เวลาเดินทางถึง 14-15 ชั่วโมงกับระยะทางประมาณ 509 กิโลเมตร เนื่องจากเส้นทางนี้ค่อนข้างมีความขรุขระเป็นอุปสรรคในการเดินทาง แต่รับรองเลยว่าคุ้มค่าสุด ๆ กับทุกทิศทางในการเดินทางที่มีวิวฉากใหญ่ ๆ ปกคุลมด้วยหิมะและบางส่วนตัดกับหญ้าเขียวชอุ่ม แน่นอนว่าตลอดเส้นทางเรายังสามาถแวะพักที่ Dirang ใน West Kameng เพื่อซึมซับวัฒนธรรมชาวพุทธที่วัด Kalchakra และ Ngingmapa หรือจะหยุดที่ Tezpur
แน่นอนมันคือกรรมพันธ์ุและชาติพันธุ์ของเราชาวเอเชียที่ถูกสร้างมาให้รูปร่างไม่สูงโปร่ง ขายาวเหมือนฝรั่งตาน้ำข้าว ซึ่งโดยค่าเฉลี่ยส่วนสูงชายไทยนั้นสูงแค่เพียง 169.5 เซ็นติเมตร ซึ่งก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่สูงมากนัก ( ที่มา Size Thailand ) แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าผิดหวังหรือเสียใจอะไร ในเมื่อเลือกขนาดตัวไม่ได้ เราก็ต้องมาหาวิธีแก้ไขอำพรางปกปิดจุดไม่เด่นของเรากันไป ซึ่งความจริงแล้วในหลักแฟชั่นเขาก็มีการผลิตเสื้อผ้าออกมาหลากหลากแบบเพื่อปกปิดข้อบกพร่องต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือหนุ่ม ๆ เอเชียอยู่แล้ว วันนี้ UNLOCKMEN จึงรวบรวมข้อมูลวิธีการแต่งตัวอย่างไรให้ดูสูงเพียว เพื่อชายไทยจะได้ดูสูงสง่าในทุกโอกาส Monochrome การใส่เสื้อคุมโทนสีเข้มนั้นจะทำให้คุณดูผอมลง ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบเวลาคุณใส่สีดำกับเสื้อสีสันอื่น ๆ จะเห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจนว่าสีแนว Monochrome จะสามารถปกคลุมความเจ้าเนื้อ และทำให้เราดู Slim ขึ้นได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับดำสนิทไปหมดทั้งตัวเหมือนกับ Gothic เพราะมันจะทำให้ดูดำอึมครึมเกินไปสักนิดนึง Fit ความพอดีคือสิ่งที่ลงตัวที่สุด การใส่อะไรที่มัน Oversize หรือ Under บางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ได้จะออกมาดีเสมอไป ลองคิดภาพคนรุ่นพ่อที่ใส่สูทตัวโคร่ง มันช่างดูอ้วน และตันเอามากจริง ๆ ดังนั้นพยายามหาจุดลงตัวของหุ่นคุณ และใส่อะไรที่มันพอดี ก็จะช่วยให้คุณดูสูงขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนกางเกง ก็ต้องคำนึงถึงรูปร่างอีกนั่นแหละ ถ้าขาเล็กเรียวอันนี้ใส่ Skinny ได้เลย แต่ถ้าพวกขาหุ่นนักกีฬา หลีกเลี่ยงกางเกง Skinny
“โรคซึมเศร้า” กลับมาเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนอีกครั้งเมื่อข่าวไลฟ์โค้ชชื่อดังท่านหนึ่งไล่ผู้ป่วยซึมเศร้าให้ “ไปตายซะ!” โดยอ้างว่าเป็นการทดสอบว่าผู้ป่วยท่านนั้นเสแสร้งแกล้งทำหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าไลฟ์โค้ชชื่อดังเป็นจิตแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถในการวินิจฉัยตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สถานะของไลฟ์โค้ชที่มีคนเชื่อถืออยู่มากอาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาการของโรคซึมเศร้ามากขึ้นกว่าที่เป็น เนื่องจากโรคซึมเศร้าก็เป็นโรคที่มักมีคนเข้าใจอะไรผิด ๆ เป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ชายอย่างเราจะตกเป็นเหยื่อของข้อมูลผิด ๆ เหมือนคนอื่นไม่ได้ และเพื่อการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องเอาไว้แบ่งปันคนอื่นได้อีก วันนี้ UNLOCKMEN เลยเอา 7 ความเข้าใจผิด ๆ เรื่องโรคซึมเศร้าที่คนมักเชื่อกัน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้น! ผู้ชายอกสามศอกเขาไม่ซึมเศร้ากันหรอก! จำไว้เลยว่าทุกคนมีโอกาสเผชิญหน้ากับภาวะซึมเศร้า ไปจนถึงโรคซึมเศร้า ไม่เว้นแม่แต่ผู้ชายอย่างเรา! โรคซึมเศร้าไม่ได้มานั่งเลือกว่าเพราะคุณเป็นผู้หญิงคุณถึงอ่อนแอและเป็นโรคนี้ คุณเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งกว่า คุณไม่มีสิทธิ์เป็นโรคนี้หรอก ดังนั้นหยุดความเข้าใจผิด ๆ นี้ ถ้าคุณรู้สึกแย่เกี่ยวกับตัวเอง การยอมรับตัวเองและพาตัวเองไปพบจิตแพทย์ก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นเรื่องเข้มแข็งต่างหากที่คุณกล้ายอมรับและพร้อมเยียวยาสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต โรคซึมเศร้าเป็นเรื่องของคนที่จิตใจอ่อนแอ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความอ่อนแอทั้งสิ้น นี่คือความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง เหมือนที่เรามีความสุข สมองก็หลั่งสารที่ทำให้เรามีความสุขออกมาเราถึงรู้สึกเช่นนั้น โรคซึมเศร้าก็เช่นกันเพราะสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์เศร้า หดหู่ หมองหม่นของเราดันทำงานผิดปกติ หลั่งมันออกมามากเป็นพิเศษ เราถึงเกิดความเศร้าในปริมาณที่มากผิดปกติ ไม่ได้เกี่ยวกับความอ่อนแอของจิตใจแต่อย่างใด คนเป็นโรคซึมเศร้าต้องเคยผ่านเรื่องแย่ ๆ ร้าย ๆ มาเท่านั้น เราอาจเชื่อว่าผู้ป่วยซึมเศร้าต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตมา หรือมีวัยเด็กที่ย่ำแย่สุด ๆ
ใครเคยมีปัญหาเวลานัดเจอเพื่อนในห้างบ้างไหม? ที่มักจะเสียเวลากับการเดินหากันกว่าจะเจอ เวลานัดกันที่ที่หนึ่ง ไม่ได้แปลว่ามันจะมีจุดเดียว บอกบันไดเลื่อนข้างหน้าห้างมันก็อาจไม่ได้มีแค่อันเดียวก็ได้ UNLOCKMEN เชื่อว่าทุกคนต้องเคยคิดเล่น ๆ หยิบเอามือถือเปิด Google Maps หากันแน่ ๆ ว่ามันจะพาเดินไปถูกได้บ้างไหม แต่คงต้องผิดหวังกันไปเพราะว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งอาคาร Google Maps ก็ไร้ประโยชน์ไปทันตา วันนี้ปัญหาโลกแตกอันนี้ Microsoft เขาชิงตัดหน้าออกตัวช่วยมาแล้ว อย่างแรกเลยถ้าพูดถึง GPS เครื่องมือในการค้นหาตำแหน่งมักจะไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในอาคารที่มีกำแพงและเพดานที่บังสัญญาณดาวเทียม ทำให้เวลาหยิบขึ้นมาใช้งาน จึงไม่สามารถแสดงผลตำแหน่งได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ Microsoft ได้คิดค้นพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ในชื่อว่า Path Guide ที่เกิดมาเพื่อช่วยนำทางในห้างสรรพสินค้าหรือที่ ๆ อยู่ในอาคาร อย่างเช่นลานจอดรถได้อย่างแม่นยำและชัดเจนมากขึ้น Microsoft Research Asia ได้ใช้เวลาตลอดสองปีที่ผ่านมากับการตั้งใจพัฒนาแอปพลิเคชั่นตัวนี้ขึ้นมา เพื่อสามารถช่วยบอกทางได้ในอาคาร โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งสัญญาณ GPS ด้วยซ้ำ Path Guide ทำงานด้วยการใช้คนที่ทำหน้าที่เป็น Leader เดินไปรอบอาคารตามจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งถือสมาร์ทโฟนไปด้วยและผู้ใช้งานทั่วไปก็แค่ใส่ปลายทางที่ต้องการจะไปจากตัวแอปฯ และเดินตามลูกศรบอกทางที่ปรากฏบนจอแค่นี้เอง! ง่าย ๆ ตัวแอปฯ ได้ใช้เซ็นเซอร์บนตัวเครื่องสมาร์ทโฟนในการติดตามเส้นทางการเดินของเรา
การละเมิดลิขสิทธิ์ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่บรรดาแบรนด์ และผู้บริโภคยังคงพบเจอตลอดมา ซึ่งสาเหตุหลักใจความสำคัญของปัญหานี้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็คือยังมีความต้องการซื้อ จึงทำให้อุปทานของการผลิตสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกมาวางจำหน่ายอย่างไม่ลดละ ซึ่งบางครั้งความซวยดันตกไปอยู่กับผู้บริโภคที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คิดว่าได้ของถูกมาครอง แต่ก็ยังมีอีกกรณีคือการลอกเลียนสินค้า แล้วมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียด และนำเสนอเป็นของตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้คือช่องโหว่ทางกฎหมายที่ไม่ครอบคลุมในเรื่องของดีไซน์ หากไม่ได้นำเอาโลโก้ หรือชื่อตราแบรนด์ไปใช้ เช่นเสื้อผ้าผู้หญิงที่คุณเห็นสินค้าดีไซน์ซ้ำกันราว 100 แบบ แค่เพียงเปลี่ยนโลโก้ก็ไม่สามารถทำอะไรในทางกฎหมายได้แล้ว วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ขอหยิบเรื่องราวแบรนด์หนึ่งที่ท้าทาย และลอกเลียนดีไซน์จากแบรนด์ต่าง ๆ มากว่า 40 ปีอย่างไม่เกรงกลัวใครมาฝากกัน Thom McAn คือชื่อบริษัทรองเท้าที่เริ่มต้นกิจการขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1922 จากนาย Ward Melville และ J.Franklin McElwain ที่ได้นำชื่อโปรกอล์ฟมาเป็นชื่อแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งผลิตรองเท้าประเภท dress shoes และมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องคุณภาพสูง และราคาถูก พวกเขาสามารถขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพราะในเวลาเพียงแค่ 5 ปี Thom McAn สามารถเปิดสาขาได้มากกว่า 300 ร้านค้า และหลังจากยุค 60s บริษัท Melville Corporation
หลังจากที่เราโพสต์เรื่องของรถ BMW รวมถึงประวัติของ Logo ที่หลายคนเข้าใจผิดกันมาแล้ว วันนี้เราเลยอยากนำเอาที่มาของ Logo ของ BMW ตัวแรงที่หลายคนชื่นชอบอย่าง “///M” มาให้ชาว UNLOCKMEN ได้ดูกัน เพราะจริง ๆ แล้ว ภายใต้ Logo ที่เป็นแถบสี 3 แถบนี้ มันมีความหมายอะไรมากกว่าที่หลายคนคิดซ่อนอยู่ หากใครที่เป็นคนรักรถรหัส “///M” ตัวจริง บทความนี้จะเป็นอีกบทความหนึ่งที่คุณห้ามพลาด ปีนี้ก็จะเข้าถือว่าเป็นปีที่ 45 แล้ว สำหรับการที่ BMW นำรถของพวกเขามาปรับปรุงออกมาให้มีศักยภาพสูงระดับรถแข่งในสนามอย่าง “///M” โดยโมเดลแรกของ “///M” ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในตอนนั้นก็ คือ BMW M1 อันเลื่องลือ และเปรียบเสมือนบรรพบุรุษของตระกูล M ของ BMW มาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับรถในตระกูล M ของ BMW นั้น ถือว่าเป็นรถตัวตัวท็อปสุด แรงสุด และแพงสุดของแต่ละ Series
ช่วงนี้หลายคนคงจะได้ข่าวการกลับมาของ Nokia กันอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำตัวเก่าสร้างชื่อมาปรับปรุงแปลงโฉมใหม่ อย่างตัว Nokia 3310 ปี 2017 และยังพวก Nokia 3,5,6 ที่ไล่เปิดตัวกันออกมาติด ๆ กันอีก จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า Nokia กำลังเริ่มกลับมาเอาจริงเอาจังกับตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้แล้ว Nokia ภายใต้การนำทีมของ HMD Global ได้พยายามปฏิวัติปรับเปลี่ยนบางอย่างให้น่าประหลาดใจอยู่เสมอ ๆ อย่างล่าสุดกับข่าวการเปิดตัว Nokia 8 เรือธงตัวใหม่ของค่าย Nokia 8 มีสเปคออกมาให้ตั้งหน้าตั้งรอกันคราว ๆ อย่างตัวเครื่องจะมาพร้อมหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 2560×1440 และยังใช้ Qualcomm Snapdragon 835 เป็นตัวประมวลผล นอกจากนี้จะใส่ RAM มาให้ขนาด 4 – 6 GB (ยังไม่คอนเฟิร์ม) และหน่วยเก็บข้อมูล 64GB ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างคือด้านตัวกล้องมีการเปิดเผยออกมาแล้วว่าจะมาแบบกล้องคู่ (Dual-Camera)
“ความขี้เกียจ” เหมือนจะเป็นสิ่งที่ติดตัวทุกคนมาแต่กำเนิด ขึ้นอยู่กับว่าขี้เกียจมาก ขี้เกียจน้อย หรือใช้เกณฑ์อะไรเป็นเกณฑ์ในการวัดความขี้เกียจกันแน่? คราวนี้นักวิจัยจาก Stanford เขาวัดเอาจากปริมาณการเคลื่อนไหวด้วยการเดินของผู้คนในประเทศนั้น ๆ ว่าเดินมากหรือเดินน้อย ประเทศที่เดินทางด้วยการเดินเป็นหลักถูกมองว่ามีความแอคทีฟมากในหนึ่งวัน ในขณะที่ประเทศที่เฉลี่ยออกมาแล้วว่าผู้คนในประเทศเดินเฉลี่ยต่อวันน้อยเหลือเกินก็ถูกมองว่าอุ้ยอ้ายและขี้เกียจไปโดยปริยาย ก่อนจะดราม่าไปกว่านี้ว่าตกลงการเดินสัมพันธ์กับความขี้เกียจจริงหรือเปล่า UNLOCKMEN ขอชวนคุณมาทำความเข้าใจงานวิจัยชิ้นนี้ไปพร้อม ๆ กันก่อน งานวิจัยครั้งนี้นับเป็นการสำรวจพฤติกรรมทางสุขภาพที่ยิ่งใหญ่จนต้องร้องว้าวมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา เพราะมีกลุ่มตัวอย่างมากถึง 717,000 คน จาก 111 ประเทศทั่วโลก โดยการสำรวจครั้งนี้ใช้เครื่องมืออย่างสมาร์ทโฟนเข้าช่วยในการสำรวจว่าในวัน ๆ หนึ่งคนในประเทศนั้น เขาเดินกันวันละกี่ก้าวกันแน่ ผลการสำรวจออกมาว่าฮ่องกงคือประเทศที่แอคทีฟมากที่สุดด้วยการเดินเฉลี่ยต่อคน 6,880 ก้าว ในหนึ่งวัน ในขณะที่ประเทศที่เดินน้อยที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ซึ่งเดินเฉลี่ยต่อคนต่อวันอยู่ที่ 3,513 ก้าว มาดูประเทศใหญ่ ๆ อื่น ๆ กันบ้าง โดยจีนอยู่ที่ 6,189 ก้าวต่อคนต่อวัน ญี่ปุ่น 6,010 ก้าว สหราชอาณาจักร 5,444 และสหรัฐอเมริกาค่าเฉลี่ยต่อคนต่อวัน คือ 4,774 ก้าว
เครื่องมือในการทำงานของสายอาชีพตัดต่อวิดีโอที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นหลักสำคัญขนาดไหน ล้วนเป็นคำตอบที่อยู่ในใจของคนประกอบอาชีพนี้เท่านั้นที่จะเข้าใจได้ดีที่สุด UNLOCKMEN จะขอแนะนำเกร็ดความรู้และ 7 Laptops ตัวเลือกสำหรับคนสายงานตัดต่อที่เน้นการออกทำงานนอกสถานที่เป็นหลัก แต่ก็ต้องการเครื่อง Laptops เจ๋ง ๆ ที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ซึ่งทุกตัวที่เลือกมาล้วนถูกวัดผลด้านประสิทธิภาพอย่างชัดเจนแล้วว่ามันเกิดมาเพื่องานตัดต่อชัด ๆ อย่างแรกก่อนที่จะไปพูดถึงตัวเครื่องกัน เราพูดถึงปัจจัยในการทำงานด้านตัดต่อวิดีโอก่อน เพราะทุกคนย่อมรู้อยู่แล้วว่าเครื่องต้องแรง ระบบประมวลผลต้องเทพ ถึงทำงานได้ลื่นไหลไม่สะดุด ดังนั้นเวลาเลือกชื้อสักเครื่อง ควรจะเริ่มตั้งแต่พื้นฐานที่เครื่องควรมีเลย คือการมีกราฟิกการ์ดแยกเจ๋ง ๆ ของ NVDIA และมี HDD 1TB 7200RPM, หรือ SSD 128GB เป็นอย่างต่ำ นอกจากนี้แรมก็ไม่ควรน้อยกว่า 8 GB ในการทำงานด้านนี้ ส่วนใหญ่ Laptop ที่ราคาสูงกว่าปกติทั่วไปจะอัดสเปคแบบนี้มาให้อยู่แล้ว แต่งานตัดต่อวิดีโอจะต้องดูมากขึ้นกว่าปกติคือเรื่องของจอแสดงผลที่เน้นความละเอียดสูงตั้งแต่ Full HD ขึ้นไป และส่วนที่เน้นเป็นพิเศษอีกอย่างคือตัวประมวลผลหรือที่เราเรียกกันว่า CPU ปกติแค่เห็นขึ้นว่า Intel Core i7 ทุกคนก็ตัดสินใจเลือกกันแล้ว ลองทบทวนกันใหม่สักนิดครับ เพราะจริง ๆ แล้วการทำงานตัดต่อวิดีโอเน้น