MUSIC

Balming Tiger กลุ่ม Alternative K-POP ที่เวียร์ดที่สุดในวงการเพลง !

By: GEESUCH November 21, 2023

นี่เป็นคนฟังเพลงที่โชคดีมาก ๆ ย้ำว่ามาก ๆ มาเสมอ ตรงที่เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเบื่อกับเพลย์ลิสต์โปรดหรือ Track เก่งที่เปิดฟังซ้ำ ๆ ทุกวันขึ้นมาเมื่อไหร่ ขอแค่ได้บ่นกับถอนหายใจแปปเดียวเท่านั้นแหละ หน้า Youtube หรือ Streaming จะสลับอัลกอริทึมบางอย่าง เพื่อจูงมือวงหรือเพลงซึ่งเราไม่เคยฟังมาก่อนมาให้ โดยที่จะเป็นเพลงแบบโคตรถูกใจทุกครั้ง  

“แน่นอนว่า Balming Tiger เป็นหนึ่งในวงนั้น นั้น นั้น นั้น .. (โปรดอ่านด้วยเสียงเอคโค่กังวาลที่สุด)”

ขออุทานให้กับวันแรกที่รู้จักกันเมื่อปีที่แล้วก่อนเลย โอ้โห เพลง SEXY NUKIM แม่งระเบิดความเบื่อที่อยู่เต็มสมองของเรากระจุยเหมือนถูกลูกซองบรรจุความคิดสร้างสรรค์อันวายป่วยยิงแบบลากหัวคม ๆ นี่มันใช้คำว่า Hip-Hop มานิยามชองร่า (กระแดะปะ) ได้อยู่มั้ย แล้วอะเรนจ์ให้เมนแรปของวงสุดแมสที่สุดในโลกนี้อย่าง BTS ให้เท่ขนาดนั้นได้ไงอะ ที่สำคัญอีกคำถาม เอ็มวีต้องเท่เกินไปทุกตัวแบบนี้เลยเหรอไง ? ทุกคนที่แสดงคือศิลปินรึเปล่า มันเหมือนตัวละครจากหนัง Art เวียร์ด ๆ มากกว่าเยอะเลย วงอะไรไม่รู้แต่โคตรเบียวเลยเว้ย !!!  

นี่คือเหตุผลส่วนหนึ่งที่ Geesuch ต้องเขียนบทความนี้มาป้ายยา Balming Tiger ให้ใครก็ตามที่กดอ่านอยู่ เพราะเหตุผลอีกส่วนมันเกิดขึ้นหลังจากที่เราได้อ่านเรื่องราวของพวกเขาเพื่อใช้เป็นข้อมูลทำบทความนี้แล้ว คำว่า ‘เก่งสัส’ กับ ‘บ้าสัส’ ของพวกเขามีที่มาที่ไปชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่ก็ตั้งกลุ่มขึ้นมา


เพราะพวกเราคือกลุ่ม Alternative K-POP หนึ่งเดียวของจักรวาล

(ไล่จากซ้ายไปขวา) Wnjn / Mudd The Student / Hong Chanhee / Leesuho / Omega Sapien / Sogumm / San Yawn

เราอาจจะต้องเริ่มต้นอธิบายความเป็น Balming Tiger ให้ทุกคนตามที่วงต้องการจะนำเสนอตัวเองก่อน พวกเขาไม่ใช่วงดนตรี (เพียงอย่างเดียว) แต่นิยามกลุ่มของตัวเองว่า Multi-National Alternative K-Pop Group ที่เกิดจากการรวมตัวระหว่างเพื่อนของเพื่อน เจอกันในปาร์ตี้แล้วเคมีเข้ากันบ้าง ไปจนถึงการไดเรกชวนเข้ากลุ่มจาก Instagram เลยก็มี และที่ต้องใช้คำว่า “Multi-National” นั่นเพราะสมาชิกไม่ได้มีหลากสัญชาติ ถึงแม้จะเบสออนจากเกาหลีใต้เป็นหลักก็ตาม

คำว่า “K-POP” มีความหมายในเชิงตื้นคือการที่ทั้งกลุ่มต่างเติบโตขึ้นมาจากกระแสธารของดนตรี K-POP แต่กลับมีแรงบันดาลใจจากดนตรีต่างกันแบบสิ้นเชิง จนงงว่ามารวมกลุ่มกันเพราะเคมีมนุษย์มากกว่ารสนิยมการฟังเพลงแน่แหละ ก็มีตั้งแต่ Girls’ Generation / 2NE1 / Rick Rubin / Diplo / Michael Jackson ไปจนถึงญี่ปุ่นฮิปฮอป 90s อย่างทรีโอ M-flo แต่ถึงจะแตกต่างกันมากขนาดไหน ความหมายในเชิงลึกของคำนี้ที่ทั้งกลุ่มแทบจะเหมือนกันเลยคือการยอมรับ Asian Part ของตัวเอง พร้อมปั้นให้เกิดแนวดนตรีในแบบที่อยากทำออกมาจริง ๆ

ก่อนที่จะเล่าประวัติการก่อตั้งของกลุ่ม Balming Tiger เราจำเป็นที่จะต้องทำหน้าสารบัญเพื่อเล่าประวัติสมาชิกทั้ง 11 คนของกลุ่มนี้ซะก่อน นอกจากจะเป็นการอัพเดทข้อมูลปี 2023 ของสมาชิกที่ยัง Active อยู่แล้ว ก็เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าทำไมเสียงและภาพของพวกเขาและเธอถึงออกมาไม่เหมือนใครเลยแม้แต่นิดเดียว คำตอบของสมการสุดเหวออยู่ในบรรทัดถัด ๆ ไปจากนี้แล้ว


Balming Tiger

สมาชิกทั้งหมด 11 คน (อัพเดทล่าสุดปี 2023)

Seoul / Palisades Park / N.J. / Monterrey / Mexico  

DJ Abyss (Founder / Producer / Promoter & Marketing Strategy) 

Yi Miseon

DJ Abyss (คนซ้ายสุด)

หนึ่งในสมาชิกท่านหนึ่งผู้ก่อตั้ง Balming Tiger เธอเป็น DJ ในคลับต่าง ๆ ในเกาหลีใต้ เป็นอดีตสมาชิกของกลุ่มฮิปฮอปชื่อ Billie Birkin รวมถึงเคยเป็นดีเจในคลับชื่อดังของกรุงโซลอย่าง SOAP Club และเป็นดีเจรายการวิทยุใต้ดินเพลงอิเล็กทรอนิกส์ตอนปี 2017 ร่วมกับ No Identity และ San Yawn ผู้ก่อตั้งหลักของกลุ่มอีก 2 คน เธอเป็นเสาหลักของทีมที่ไม่ใช่ทำงานเฉพาะแต่เรื่องเพลง แต่ยังเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์กลุ่มด้วย (แต่หลัง ๆ เจ๊แกไม่ค่อยได้ออกในเพลงและบทสัมภาษณ์เท่าไหร่ละ) 

San Yawn (Founder / Producer / Director / AR)

Kang San

ก่อนจะร่วมก่อตั้ง Balming Tiger คุณ San Yawn โปรดิวเซอร์ที่โด่งดังในซีนกลางคืนของผับในเกาหลีใต้ ในช่อง Sound Cloud ของเขาเองไปด้วยเพลงส่วนตัวแนว EDM / Hip-Hop / Funk / Techno ไปจนถึงเพลงแนวทดลองที่ได้อิทธิพลจากแนวดนตรีทั่วโลก ในกลุ่มนี้เขามีตำแหน่งสำคัญเป็นผู้กำกับไดเรกชั่นของวง แล้วก็เป็นคนคอยเชื่อมสัมพันธ์ให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างสนุก รวมถึงสร้างคอนเนกชั่นกับสื่อต่าง ๆ ในฐานะของ AR อีกด้วย 

Jan’ Qui (Videographer)

อีกหนึ่งในสมาชิกวงยุคบุกเบิกของกลุ่ม ความตลกคือตอนแรก Jan’ Qui จะเข้ามาเป็นคนทำเพลงของกลุ่ม แต่พออยู่ไป ๆ มา ๆ กลับเห็นว่า Visual เป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อวงดนตรีวงหนึ่งซึ่ง Balming Tiger ก็ยังขาดสิ่งนี้ และที่โชคร้ายคือไม่มีสมาชิกคนไหนในกลุ่มมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนยกเว้นตัวเอง ทำให้เขาเลือกเป็น Videographer ทำ Music Videos เจ๋ง ๆ ให้กับวง

Henson (Editor)

Henson Hwang

ตำแหน่งของ Henson คือเป็น Videographer / Editor ให้ทีม พร้อมกับเป็น Writer (ไม่แน่ใจว่านักเขียนของกลุ่มนี้ต้องทำอะไรเหมือนกัน) ดูเหมือนจะเป็นแพลนเนอร์และคนติดต่องานให้กับวงด้วย เป็นอีกหนึ่งในสมาชิกวงยุคบุกเบิกของกลุ่ม

Omega Sapien (Singer / Songwriter)

Jeong Ui-seok

ก่อนที่จะเริ่มทำเพลงฮิป-ฮอป พ่อหนุ่ม Jeong Eui Seok (ชื่อจริงของโอเมก้า) เติบโตมาแบบ Third Culture Kid เคยอาศัยอยู่ที่จีน ญี่ปุ่น อเมริกา และเกาหลี เขาอาศัยในช่วงสั้น ๆ อยู่ที่ New Jersey, USA แล้วก็ไปเรียนจบด้านวิศกรรมที่ Tokyo Keio University ที่ญี่ปุ่น ความสับสนความกลัวในชีวิตที่ต้องย้ายถิ่นฐานเพื่อปรับตัวอยู่เสมอนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่เขาก็สามารถผ่านมันมาได้ด้วยการพาชีวิตไปเจอกับเพลง Hip-Hop แนวดนตรีที่อนุญาตให้เขาระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเป็นไรห์ม จากนั้นเขาก็เริ่มทำเพลงตั้งแต่เรียนมัธยม แสดงในคลับต่าง ๆ พร้อมกับปล่อยเพลงลง Sound Cloud 

** Third Culture Kid (TCK) หรือ Third Culture Individuals (TCI) คือคนที่ใช้ชีวิตตอนก้าวผ่านวัยอยู่ภายนอกวัฒนธรรมของพ่อแม่หรือสัญชาติตัวเอง วัฒนธรรมแรกของมนุษย์คือวัฒนธรรมที่พ่อแม่ของเขาเติบโตมา วัฒนธรรมที่สองคือวัฒนธรรมในพื้นที่ที่ครอบครัวย้ายไปอยู่ ส่วนวัฒนธรรมที่สามคือคือความสัมพันธ์ที่ TCI มีร่วมกัน นั่นคือระยะห่างจากสองวัฒนธรรมแรกนั่นเอง **

Credit : The MATTER

ชื่อ Omega Sapien ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวละครจากดิจิมอนที่เก่งที่สุดที่เกิดจากร่างฟิวชั่นอย่าง Omegamon เพื่อเป็นการถ่ายทอดแนวคิดวิวัฒนาการจาก Ape สู่ Homo Sapien และสู่วิวัฒนาการนอกกรอบ Omega Sapien เหนือมนุษย์ทั่วไป ก่อนที่จะเข้ากลุ่ม Omega ทำงานเป็นโปรดิวซ์เพลง Trap ในประเทศญี่ปุ่นกับอเมริกามาก่อน แต่พอตัดสินใจกลับเกาหลีสไตล์เพลงของตัวเองก็เปลี่ยนไป มีความอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นจากการเข้าคลับในอินแทวอน 

Omega Sapien เข้ากลุ่มโดยการพบ Balming Tiger vol.1 : ‘虎媄304 มิกซ์เทปแรกของ Balming Tiger บน Sound Cloud ด้วยความประทับใจแบบสุด ๆ เขาเลยส่งข้อความส่วนตัวไปหา San Yawn ใน IG เพื่อขอมิตติ้งคุยกันและเข้ากลุ่ม “ผมชอบสิ่งนี้เพราะไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน ฮิปฮอปคือฮิปฮอป อิเล็กทรอนิกส์ก็คืออิเล็กทรอนิกส์ แต่ K-POP ทุกอย่างผสมกลมกันในหนึ่งเดียว” เดือนตุลาคมปี 2018 โอเมก้าก็ปรากฎตัวในเพลง Rich & Clear ของกลุ่มเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ

 

Sogumm (Singer & Songwriter)

Kwon So-hee

เดิมที Kwon So-Hee อาศัยอยู่ในประเทศจีนจนถึงตอนเรียนชั้นประถมอายุ 5 ขวบ และเริ่มหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็กเพราะเห็นช่อง Cover เพลงบน Youtube ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณมาก ๆ จนทำให้ตัวเองได้รับแรงบันดาลใจของ Micheal Jackson มาเต็ม ๆ เมื่อย้ายกลับเมือง Daejeon ประเทศเกาหลีใต้ ความหลงใหลในดนตรีของเธอก็ยังคงอยู่ จึงเริ่มทำโปรดิวซ์เขียนและร้องเพลงด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยม

ปี 2017 พออายุได้ 23 เธอก็ได้เข้าไปทำงานกับค่ายซึ่งทำเพลงให้กับบริษัททำ Ost ประกอบซีรีส์ แต่เธอบอกว่ามันเป็นที่ที่ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ เธอหลงใหลในเพลงแบบศิลปะที่เปี่ยมจิตวิญญาณ ไม่ใช่อะไรที่ทำเพลงเป็นเพื่อขายอย่างเดียว เธอตัดสินใจเลิกทำงานกับค่ายเพลงนั้นในเวลาไม่นาน 

ในปี 2019 Sogumm เดบิวต์เพลงชื่อ 사랑해줘 (Trust Me) แล้วปล่อยลง Soundcloud จนทำให้ได้รับความสนใจจาก DJ Wegun / Punchello / Jeebanoff พอสะสมชื่อเสียงเข้าตัว ก่อนที่ในปีเดียวกันนั้นเอง Sogumm หันเหชีวิตของตัวเอง ตัดสินใจลงสมัครรายการเรียลิตี้ค้นหาศิลปินชื่อ ‘Sign Here’ พร้อมชนะเป็นที่ 1 ของรายการจนได้เซ็นต์สัญญาเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนที่ 2 ของค่าย AOMG ที่รันโดย Jay Park หลังจากนั้นก็ทำเพลงออกมา 1 อัลบั้ม Sobrightttttttt ส่งผลให้ปี 2020 ชนะรางวัลใหญ่ Rookie of Year ของ Korean Music Awards และปี 2023 ก็ออกจาก AOMG เนื่องจากสัญญาหมดลง

 

Mudd The Student (Singer-Songwriter)

Yoon Seung-min

San Yawn เรียกสมาชิกอายุน้อยที่สุดของ Balming Tiger ว่าเป็น Trainee ของกลุ่มมาก่อน นี่คือแรปเปอร์ที่แปลกไม่ใช่น้อย เพราะได้แรงบันดาลใจในการทำเพลงมาจากวงดนตรีร็อกอินดี้อย่าง Pavement / Dinosaur Jr. / Sonic Youth เป็นต้น Mudd The Student เข้าจอยกลุ่มกับ Balming Tiger ในปี 2018 พร้อม ๆ กับเดบิวต์เป็น Solo Artist ด้วยตัวเอง ตระเวณสร้างผลงานอันน่าทึ่งโดยการแข่ง Vans “Musicians Wanted” ในปี 2019 และติด TOP 5 จากนั้นจึงลงสนามใหญ่เข้าแข่งขันรายการแรปที่ดังที่สุดในเกาหลีใต้อย่าง Show Me The Money ซีซั่น 10 และเข้ารอบรองชนะเลิศติดท็อป 8 คนแรก ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ Be’O ได้ที่ 2  

 

Unsinkable (Producer)

Kim Tae-hyun

เขาถูกเชิญให้เป็น DJ ในงานวันเปิด Mix Tape แรกของกลุ่ม Balming Tiger (Balming Tiger vol.1 : ‘虎媄304) ที่ The Henz Club ทำให้ได้พบกับสมาชิกของ Balming Tiger แล้วก็แลกคอนแทคกันไป จากนั้นในปี 2018 เขาก็เข้าเป็นโปรดิวซ์กับ Beat Maker ให้กับกลุ่มนี้  

Wnjn (Singer-Songwriter / Lead Dancer)

Han Won-jin

 Main Vocal หลักประจำของกลุ่มคู่กับ Sogumm และเป็น Lead Dancer สายเต้นประจำกลุ่มด้วย เขาคืออีกคนที่ทำให้ Balming Tiger มีความเป็นเมโลดี้ R&B / Soul มากขึ้น นอกจากพาร์ทแรปไฟไหม้และ Electronic Beat ไฟฟ้าสถิตอันดุเดือด นอกจากนี้ Wnjn เองก็เป็นโปรดิวซ์ในอัลบั้มเดี่ยวของสมาชิกในกลุ่ม เช่น อัลบั้มปี 2019 Sobrightttttttt ของ Sogumm อีกด้วย 

Hong Chanhee (Photographer / Designer / Stylist / Art Director / Video Director / DJ for Performances)

Hong Chan-hee

“I Do Everything Except Music” คือคำที่เขาใช้อธิบายตำแหน่งของตัวเองตอนถูกสัมภาษณ์ สมาชิกที่บางทีก็เป็น Perormer หน้าเวที / อยู่ที่ DJ Set คอยกดบีทข้างหลัง / โดยเอกลักษณ์ของเขาคือการถือกล้อง Handycam จากยุค Y2K คอยเก็บโมเมนต์ทั้งข้างล่างและบนเวทีของทั้งกลุ่ม

Leesuho (Producer, Video Director)

อีกหนึ่ง PD ตัวโหดประจำกลุ่ม ที่เป็นคนเนรมิตรพาร์ทอิเล็กทรอนิกส์อันวายป่วงให้กับกลุ่ม จุดเริ่มต้นความสนใจในการทำเพลงของ Leesuho คือตอนที่เขาย้ายไปเม็กซิโกตอนอายุ 15 แล้วเน็ตมันช้าจนไม่มีอะไรทำจนได้แต่นั่งฟังเพลงทั้งวัน จนสงสัยตัวเองว่าน่าจะเริ่มเองบ้าง และมีอินสไปร์ในการทำเพลงจาก Aphex Twin และ Leesuho เข้ามาจอยกลุ่ม Balming Tiger เพราะเป็นแฟนตัวยงอยู่แล้ว ส่วนที่ตัดสินใจอยู่ยาว ๆ เพราะตั้งแต่ก่อนอยู่กลุ่เขาก็ถูกปฎิบัติเหมือนคนในครอบครัวสำหรับทุกคน แล้วมันก็สนุกจัด ๆ และเขาเป็นสมาชิกคนล่าสุกของกลุ่มที่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันตอนปี 2021 / Leesuho เคยทำให้เอ็มวีให้หลากศิลปินดัง ไม่ว่าจะ Woo / CL / B.I / J-hope เป็นต้น


กว่าจะมาเป็นกลุ่มศิลปินยาหม่องตราเสือ

San Yawn ก่อตั้ง Balming Tiger ขึ้นตอนปี 2017 ร่วมกับ DJ Abyss ในห้องว่าง ๆ แห่งหนึ่งอยู่ชั้นบนเหนือร้านอุปกรณ์ขายศิลปะติดกับมหาวิทยาลัย Hongik University ทั้งคู่เป็นเพื่อนและเป็นดีเจจัดรายการวิทยุใต้ดินเพลงอิเล็กทรอนิกส์ของสถานีในกรุงโซลร่วมกันอยู่แล้ว และมีความคิดต้องการริเริ่มจะสร้างแรงกระเพื่มอันแตกต่างให้กับวงการดนตรีโลกมาโดยตลอด ในวันเดียวกันนั้นเองทั้งคู่จึงวางแผนฟอร์มทีมที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ แพชชั่น และจะต้องเป็นอะไรที่มากกว่า K-Pop ซึ่งมีรูปแบบหลักเหมือนกันหมดคือทุกคนมีหน้าที่เป็น Performer เพียงอย่างเดียว 

Balming Tiger จะเป็นกลุ่มที่ประกอบไปด้วย Rappers / Producers / Directors / Video Director / Marketing / Writer นั่นแหละที่ทำให้พวกเขามีความเป็น Collective Artist กลุ่มศิลปินที่เชี่ยวชาญแขนงต่างกัน แต่มารวมตัวกันอยู่ในประเภทของงานศิลปะที่เรียกว่า ‘ดนตรี’  

ในตอนแรก San Yawn ตั้งใจจะใช้ชื่อวงว่า Balming Koala แต่ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Balming Tiger และแน่นอนต้องมีแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์ยาดมขี้ผึ้ง Tiger Balm หรือตราเสือที่พวกเราคนไทยคุ้นเคยกันดี ก่อตั้งโดย  Aw Chu Kin ในปี 1870s ซึ่งที่ใช้ชื่อนี้เพราะว่าตัวกลุ่มอยากให้วงดังไปทั่วโลกในระดับไม่ต่างกับแบรนด์ยาดมจากเอเชียที่ดังไปทั่วโลกตัวนี้ 

“เราไม่ได้กำหนดว่าสมาชิกของ Balming Tiger ต้องเป็นคนประเภทไหน เราโคตรที่จะยินดีต้อนรับทุกคนหากว่าคุณเก่งในงานที่ตัวเองทำจริง ๆ และมีเคมีเข้ากันกับเอเนอร์จี้ของพวกเรา”

– San Yawn


กลุ่มเสือผงาด

หมุดหมายสำคัญแรกในช่วงอนุบาลกลุ่มให้เป็นที่รู้จักของผู้คน เริ่มต้นตอนปี 2018 เมื่อกลุ่มได้ปล่อย Mixtape ชื่อ Balming Tiger Vol. 1: 虎媄304 ประกอบด้วยทั้งหมด 8 เพลง 

ส่วนตัวเราว่าอัลบั้มนี้คือรากฐานของ Balming Tiger จริง ๆ คือเอางี้ ถ้าไม่เปรียบเทียบเพลงยุคบุกเบิกกับเพลงยุคปัจจุบันที่มี 11 คนนะ เพลงตอนนั้นก็สะใจมาก มีความเป็น Jazz ผสม New Edge ลอย ๆ มีกลิ่นอายของ Hip-Hop Old School กลองชัด ๆ แบบที่เราคุ้นกัน แต่พอกลุ่มได้เติมสมาชิกอย่าง Omega , Mudd , Sogumm และคนอื่น ๆ เข้ามาแล้วเนี่ย เพลงมันสะใจขึ้นจัด ๆ เหมือนมีสลัดดี ๆ ให้หนึ่งจาน แต่ละคนเทซอสสูตรพิเศษของตัวเองลงมาเลย เดี๋ยว San Yawn จะกำหนดไดเรกชั่นพร้อมปรุงมันให้อร่อยเอง

Balming Tiger Vol. 1: 虎媄304

การแสดงสดของ Balming Tiger ในช่วงแรก ๆ เกิดขึ้นในปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ Joyful Delivery เป็นคลับเล็ก ๆ ที่คนในกลุ่มจะผลัดกันจัด DJ Live Session ของตัวเองวนไป และมีการชวนศิลปินคนอื่นมาเป็น Special Guest ในงานแต่ละค่ำคืนต่างกันไปด้วย ปี 2019 นี่เขา Jay Park มาเลยนะ คอนเนคชั่นแข็งจัด และที่เลือกทำโชว์แบบนี้ก็เพื่อเป็นการทำให้ตัวกลุ่มกับแฟนเพลงรู้สึกว่าเป็น Crew เดียวกัน และทำให้การเป็นศิลปินแบบพวกเขาเป็นอะไรที่จับต้องได้

ทีนี้ก่อนจะเข้าเรื่องของปี 2020 ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา Balming Tiger สะสมเพลงเอาไว้อยู่จำนวนหนึ่ง เอาจริง ๆ ก็ต้องบอกว่าน้อยมากแหละ แค่ 3 เพลงเท่านั้น คือ I’m Sick / Armadillo / Kolo Kolo (ถ้าตามกลุ่มมาถึงปัจจุบันจะพบว่าพวกเขาปล่อยเพลงค่อนข้างช้า) แต่ ! ไอ 3 เพลงนี้มันคือหมัดฮุกหมดเลยเว้ย อย่าง Kolo Kolo (ชื่อเพลงมาจากเสียงไอของโปรดิวซ์ Unsinkable) ก็ไปเป็นไวรัลใน Tik Tok เกิดปรากฎการณ์ #hakunamatatachallenge และดีงามถึงขนาดว่าเอ็มวีถูกเสนอชื่อเข้าชิงใน Berlin Music Video Awards เลยด้วยซ้ำ แล้วไม่นาน Vans ก็จับกลุ่มนี้ทำคอลเลกชั่นพิเศษ ลวดลายมีความเป็น Naive Art แบบเด็กวาด สนุกสนาน เป็นจุดกำเนิดปักชื่อวงบนวงการเพลงโลก แต่ก่อนหน้านั้นทางวงก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ Van มาอยู่แล้ว พวกเขาเคยแสดงในปาร์ตี้ House of Vans และถูกเชิญไปเป็นกรรมการ Musicians Wanted ที่ Mudd The Student เคยแข่งนั่นแหละ พอเข้าสู่ปี 2020 ก็เลยได้เล่นในเทศกาล SXSW และถูก 88 Rising ดึงเข้าไปร่วมแสดงใน DOUBLE HAPPINESS Winter Festival ยัง ๆ ไฮป์ต่อเนื่องเพราะ Armadillo ก็ได้รับรางวัล 2020 Korean Hip-Hop Awards มาครอบครอง 


หลักการทำงานของ Balming Tiger ในด้าน Production

จะเห็นว่า Balming Tiger ได้รางวัลจากเอ็มวีถึง 2 ครั้ง เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า Jan’ Qui ตำแหน่ง Videographer คิดถูกแล้วว่าสมการของวงดนตรีที่ดีนั้น Visual ของวงก็สำคัญมาก ๆ แล้วมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะเอ็มวีทุกตัวของกลุ่มนี้บ่งบอกลักษณะนิสัยของเพลง คาแรคเตอร์ของวง ความเป็น Asian ครบจบใน 4 นาที

ถึงจะแสดงออกด้วยเอเนอร์จี้บ้าบอคอแตก แต่หลักการทำงานของ Balming Tiger นั้นชัดเจน พวกเขาปักธงอันเดียวกันว่าต้องการที่จะทำเพลงซึ่งทั้งกลุ่มจะมีทางมานั่งเสียใจทีหลัง และมันต้องเชื่อมโยงคนในกลุ่มทั้งหมดเข้าด้วยกัน พร้อมกับดับกระหายความต้องการของตัวเอง 

“พวกเราสร้างกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแพลทฟอร์มแนะนำศิลปินรุ่นใหม่ และเป็นศิลปินอิสระที่ไม่ได้รับการยอมรับจากตลาดโลก เพราะพวกเราเข้าใจว่ากลุ่มศิลปินทางเลือกแบบ Balming Tiger ที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลัก เราต้องการความเข้าใจ ความคิดเห็น และการซัพพอร์ต เพื่อให้ประสบความสำเร็จ” 

จะเห็นว่านี่เป็นกลุ่มที่ปล่อยให้สมาชิกทำ Solo Project ของตัวเองได้เลย แถมแต่ละคนก็ยังไปสนุบสนุนกันและกันด้วย

อีกสิ่งที่น่าสนใจของ Balming Tiger คือการเป็นผู้คนที่เติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรม K-POP เรียกว่าเป็นเจ้าของมันก็ได้ ทั้งยังนิยามตัวเองว่าเป็น K-POP แต่ทั้งเพลง การทำการตลาด การเต้น และหลาย ๆ อย่างต่างกันสิ้นเชิงจากหน้าตาของวง K-POP ที่พวกเรารู้จักกันในปัจจุบัน การเป็น Alternative ทางเลือกให้กับคนฟังเพลง K-POP สำหรับพวกเขามีความหมายอย่างไรกัน ?  

พวกเขามองว่าวงการ K-POP เป็น ‘ปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรม’ มากกว่าเป็นเพียง ‘แนวเพลง’ เพราะมันมี Sub Genre / Sub Culture อันเดอร์ใต้สิ่งนี้มากมายเต็มไปหมด พวกเขาบอกว่าคุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของผู้คนในวัฒนธรรมนี้และวงการ K-POP คือการยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วเสมอ ดังนั้นจึงทำให้ศิลปินใหม่ ๆ สามารถนำเสนอสิ่งใหม่มาอยู่ในสิ่งที่มีอยู่แล้วได้แบบเป็นตัวเองอยู่เสมอ


และเป็นวงที่ใส่ใจกับการ Performance แบบสุดขีดเช่นกัน

บอกตั้งแต่แรกแล้วว่า DJ Abyss กับ San Yawn เขาหาคนที่เอเนอร์จี้คลิกกัน เราไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีคัดคนยังไงนะ แต่เหล่า Performer หลักอย่าง Omega Sapien / Sogumm / Mudd The Student / Wnjn นี่เคมีแบบเนื้อคู่กันเลยครับ เราท้าให้ทุกคนไล่ดูทุก Live Session ของกลุ่ม มันบ้าบอและไฮป์จัดทุกโชว์เลยเว้ย เหมือนทุกคนตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง มีท่อนมาไฮป์ด้วยกัน มีท่าเต้นแปลก ๆ เหมือนกำลังทำพิธีกรรมอะไรสักอย่างด้วยนะ เบียวสุด 5555 Omega Sapien เคยให้สัมภาษณ์ในช่อง Asian Boss เอาไว้

“ไม่ว่าจะ 5 คน 10 คน หรือ 50,000 คน ยังไงพวกเขาก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด เพราะหาก 5 คนยังทำให้ดีไม่ได้ แล้วคนเป็นหมื่นจะทำให้ออกมาดีได้อย่างไร”


สุดยอดผลงานคอลแลบกับ RM แห่ง BTS ในเพลง 섹시느낌 SEXY NUKIM

ปี 2022 เหล่าเสือแห่ง Balming Tiger เดินสูตรเดิม ปล่อยเพลงน้อยแต่เอาให้เปรี้ยง ซึ่งปีนั้นก็เลยจัดให้แฟนคลับ 1 เพลงถ้วน ! ชื่อว่า SEXY NUKIM หมัดหนักของเพลงนี้คือการทำเพลงที่คอลแลบกับศิลปินอื่นนอกกลุ่มเป็นครั้งแรก และเขาคืแ RM หรือ Kim Nam-joon ลีดเดอร์แห่ง BTS ล่ะ  

“ผมเป็นแฟนคลับพวกเขาตั้งแต่ได้ฟังเพลง JUST FUN! ตอนปี 2021 เพลงแบบ Jam ที่โปรดที่สุดตลอดกาลของผม พวกเขาเป็นกลุ่มที่ผลิตทั้งผลงานเพลงและวิชวลได้เป็นของจริงที่สุดในเกาหลี เป็นกลุ่มที่มีความสามารถอย่างแท้จริง” 

– RM (ลีดเดอร์ของวง BTS) 

โอเมก้าบอกว่า RM ได้สร้างเมจิกของตัวเองเอาไว้ในเพลงได้อย่างสุดยอด ความตลกเบื้องหลังเพลงนี้คือเอาจริง ๆ ตอนแรกมันเกือบไม่เกิดขึ้น ถ้าผู้นำกลุ่มอย่าง San Yawn ไม่ได้เป็นเพื่อนกับ Boi โปรดิวเซอร์ของ BTS ตอนเรียนมหาวิทยาลัยดนตรีด้วยกัน เพราะตอนแรกก็มีลิสต์รายชื่อคนที่จะคอลแลบเยอะนะ แต่อยากได้ RM สุดแหละ 555 โอเมก้าบอก “ยังไงผมว่าแม่งเป็นไปไม่ได้ว่ะ” สุดท้ายก็ได้มา แล้วเพลงนี้คือบีทระดับมาสเตอร์พีซ ท่อนแรประดับมาสเตอร์พีซ ท่าเต้นและเอ็มวียิ่งพีคเข้าไปใหญ่ 


ปี 2023 และหลังจากนี้ของครอบครัวเสือ

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน Balming Tiger ก็ยังคงเป็นกลุ่ม Alternative K-POP ที่ไม่มีค่ายเพลง และรันทุกอย่างด้วยตัวเองอยู่  

“ไม่มีค่ายเพลง ควบคุมความคิดสร้างสรรค์ทั้ง 100% ด้วยเงินของพวกเราเอง ผมไม่ต้องการให้คนอายุ 50 ที่ไหนไม่รู้มาบอกว่าเพลงไหนควรผ่านหรือไม่ผ่าน เข้าใจใช่มั้ยว่าผมหมายถึงอะไร ? มันไม่ง่ายนะ แต่เพราะแบบนั้นแหละมันจึงมีความหมายที่จะลงมือทำ มันยิ่งทำให้รู้สึกเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นในการที่เราจะเป็นคนทำให้เด็กรุ่นใหม่หันมามอง Balming Tiger แล้วรู้สึกได้จริง ๆ ว่าพวกเขาก็สามารถทำสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง ผมภูมิใจกับสิ่งนั้นนะ” 

– Omega Sapien 

ปีนี้พวกเขาชนะรางวัล THE GRULKE PRIZE 2023 ที่จัดโดยเทศกาลดนตรี SXSW ในสาขา Developing Non-U.S. Act – Balming Tiger รางวัลแด่คนทำงานเพลงสร้างสรรค์ที่ริเริ่มคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งเอสาไว้อย่างแรงกล้า Anderson .Paak & The Free Nationals / Leon Bridges / Haim และ CHVRCHES ล้วนเคยได้รางวัลนี้มาแล้ว  

และไม่พูดถึงไม่ได้ก่อนส่งท้าย ปี 2023 เป็นปีที่หน้าตื่นเต้นของทั้งกลุ่ม Balming Tiger และแฟนเพลง เพราะพวกเขาเพิ่งปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกชื่อ January Never Dies ออกมา  

January Never Dies

อัลบั้มนี้สมาชิกของ Balming Tiger ทั้งหมดเช่าบ้านพักที่อยู่บนภูเขาอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม เพื่อแลกเปลี่ยนไอเดียและเข็นทั้ง 14 เพลงออกมาจนกลมกล่อม (หรือจะเรียกว่าให้เละเทะเอาแต่ใจที่สุดดี) ซึ่งใช้ระบบการทำงานแบบออฟฟิศเลย เข้างาน 10:00 โมง และขลุกอยู่ในสตูดิโอจนถึงเวลา 17:00 หลายคนอาจจะสงสัยว่าด้วยความที่ Balming Tiger มีรสนิยมทางดนตรีแตกต่างกันมาก ๆ เวลาทำเพลงรวมอัลบั้มจะทำยังไง มันเป็นงี้ จะมีลีดเดอร์คนหนึ่ง (คิดว่าคงมี San Yawn ด้วย) เป็นคนกำหนดไดเรกชั่นของเพลง ส่วนคนที่เหลือก็เติมความเป็นตัวเองเข้าไป จบ.

แล้วขอสปอยล์ก่อนที่ทุกคนจะไปเปิด Streaming ฟังกันต่อทั้งอัลบั้มกันเอง อัลบั้ม January Never Dies คือการตั้งคำถามกับความกว้างที่จะจำกัดกลุ่ม Balming Tiger พร้อมกับดูสิว่าพวกเขาจะกระโดดขี่หลังเสือแล้วทะลุมันออกไปได้มั้ย ทำให้อัลบั้มนี้ไปกันใหญ่เลย (ชมนะบอกก่อน) หาแนวเพลงมาคุมแทบไม่ได้จนแทบจะเรียกด้วยแนวเพลงตามด้วยชื่อวงแล้ว และมันไม่ได้มีแค่การทำบีทผ่าน Sampling และ Soft Ware บนคอมพิวเตอร์อย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ในอัลบั้มนี้มีเพลงชื่อ SOS พวกเขาใช้ดนตรีสดมาอะเรนจ์ได้แบบโคตร Balming Tiger คือฟังแล้ววิงเวียนศรีษะคล้ายจะเป็นลม ต้องการยาหม่องตราเสือด่วน พาร์ทแรปโคตรดุแอบเห็นความเป็นพังก์ร็อกของ Mudd The Student ความอิเล็กทรอนิกส์โดยโอเมก้าอย่างลงตัว 


เราเชื่อว่าสมการที่อัลบั้มแรกของ Balming Tiger ไปได้ดี เป็นเพราะความเป็น ‘ครอบครัว’ ที่กลุ่มมีให้ต่อกัน พวกเขาผูกพันและเหมือนไม่ได้มองเป็นงานแต่แรก แต่มันคือการทำสิ่งที่สนุกแล้วดันได้เงิน .. จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร Highsnobiety นิตยสารถามทุกคนในกลุ่มว่า “Balming Tiger มีความสำคัญอย่างไรต่อพวกคุณ ?” คำตอบของพวกเขาแทบจะไม่หนีจากกันเหมือนให้ใครตอบแทนใครก็ได้เพราะใจมันตรงกันจริง ๆ ล่ะ

“เหมือนครอบครัว / เป็นเพื่อนสนิท / เป็นศุนย์บำบัดให้ได้หลุดออกจากโลกใบนี้ / บ้านหลังที่สองและครอบครัว / ทุกคนเป็นเหมือนบ้าน / แต่คิดว่าพวกเราเหมือนคณะละครสัตว์เหมือนกันนะ : )”


Source :

1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 / 11 / 12

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line