Life
เมืองใหญ่ไม่ใช่สวรรค์? โรคภูมิแพ้เมืองใหญ่ งานวิจัยชี้ว่า ‘อยู่เมืองใหญ่ทำลายสุขภาพ’
By: PSYCAT June 12, 2017 63963
การได้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ก็มีข้อดีมากมาย ทั้งโอกาสในหน้าที่การงาน การเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่สะดวกรวดเร็วทันใจ แต่การอยู่ในเมืองใหญ่ก็มีราคาที่เราต้องจ่าย ทั้งเสียงการจราจรจอแจ สภาพอากาศที่ไม่บริสุทธิ์มากพอ นอกจากจะสร้างความรำคาญ ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างที่เราคาดไม่ถึงอีกด้วย
นักวิจัยทำการศึกษาจากผู้ใหญ่จำนวน 144,000 คน จนออกมาเป็นงานวิจัยชิ้นนี้ที่เพิ่งถูกเผยแพร่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยงานวิจัยครั้งนี้โฟกัสไปที่ชีวเคมีในเลือด (blood biochemistry)
สมมติฐานของงานวิจัยครั้งนี้ก็คือการที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ต้องอาศัยอยู่ใกล้ถนนที่รถราวิ่งกันขวักไขว่นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพเรา เนื่องจากมลพิษทางอากาศและเสียงการจราจรส่งผลต่อการเป็นโรคหัวใจ เพราะมันรบกวนการนอนหลับ เพิ่มความดันโลหิต แถมเพิ่มความเครียดให้กับเราอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นมลพิษทางอากาศยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
การตรวจสอบสารชีวเคมีในเลือดครั้งนี้ พวกเขาตรวจสอบทั้งไขมันในเลือดและไตรกลีเซอไรด์ซึ่งถ้ามีปริมาณมากก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะหัวใจวายได้มาก รวมถึงตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งสัมพันธ์กับโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคหลอดเลือดในสมอง สุดท้ายพวกเขาโฟกัสไปที่ปริมาณโปรตีน C-reactive ซึ่งเป็นสัญญานของโรคหัวใจ
ผลการทดสอบออกมาว่าหลังจากที่ควบคุมตัวแปรต่าง ๆ เช่น อายุ เพศ การศึกษา การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานะการสูบบุหรี่ออกไปแล้วพบว่าทุก ๆ การรับมลพิษทางเสียงที่เพิ่มขึ้น 5 เดซิเบลจากบริเวณที่พักอาศัย มีส่วนเกี่ยวข้องกับปริมาณน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น 0.3 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับคนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีเสียงรบกวนน้อยกว่า
ในขณะที่ปริมาณมลภาวะทางอากาศ ก็มีผลต่อปริมาณน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้น 2.3% มีผลต่อปริมาณไตรกลีเซอไรด์ที่เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณมลภาวะทางเสียงและอากาศในที่ที่แต่ละคนอาศัยอยู่
ถ้าให้สรุปอย่างง่ายก็คือสารชีวเคมีในเลือดเหล่านี้กำลังบอกเราว่า เสียงที่ดังเกินไป (เกิน 60 เดซิเบล) มีส่วนในการรบกวนวงจรการนอนหลับของเรา นอกจากนั้นยังสร้างความเครียดสะสมและฮอร์โมนความเครียด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจให้กับเรา
ด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง เราคงไม่สามารถย้ายที่อยู่ได้ตามใจชอบ นักวิจัยเขาก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องย้ายที่อยู่ทันที เพียงแต่พยายามหาหนทางให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่เงียบและได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง หาที่อุดหูมั้ย หรือหาอะไรที่พอกั้นเสียงได้มากกว่าเดิม ก็อาจพอช่วยได้เนอะ