‘The Notorious Bully’ การตกเป็นกระแสที่แสดงให้เห็นถึงความคลั่งและแข็งแรงกว่าใคร เป็นของโปรดที่ Conor McGregor เสพติดอย่างเห็นได้ชัด แต่ความคลั่งครั้งล่าสุดที่ยกพวก 20 คนไปถล่มรถ Bus ขนนักสู้ UFC fighters ใน Brooklyn’s Barclays Center หลังแถลงข่าว UFC 223 press conference จนเละเป็นโจ๊ก เพื่อปัญหาส่วนตัวจากการเหม็นขี้หน้ากันกับ Khabib Nurmagomedov คลิปวีดีโอหลากหลายมุมสามารถบันทึกภาพ McGregor ในโหมดบ้าคลั่ง วิ่งล้อมรถ ตะโกนด่า และโยนสารพัดสิ่งของตั้งแต่ที่กั้นเหล็ก ไปจนถึงรถเข็นเหล็ก ใส่รถ UFC Bus แบบเต็ม ๆ เศษกระจกแตกกระจายทำให้ 2 นักสู้บาดเจ็บ Michael Chiesa มีแผลแตกบนในหน้าหลายจุด และ Ray Borg บาดเจ็บที่ดวงตา ต้องยกเลิก Match ที่กำลังจะขึ้นชกทันที แถมยังต่อย Security Guard
เมื่อมาถึงวันหยุดยาว ไม่มีอะไรจะเพลินไปกว่าการนั่งจิบเบียร์พร้อมกับแกล้ม นั่งดูหนัง Sci-Fi เพลิน ๆ แบบได้ทั้งความมันส์และความรู้จาก Netflix ชนิดฝังร่างกายใหจมโซฟาบ้าน เสน่ห์ของหนัง Sci-Fi คือการได้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ทั้งจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่อยู่อาศัย อาหารการกินและชีวิตความเป็นอยู่ เคยสงสัยไหมว่าโลกในอนาคต มนุษย์จะมีความเป็นอยู่อย่างไร วันนี้เราจะพาไปสำรวจโลกอนาคตในจินตนาการ จากบรรดาซีรีส์ยอดฮิตทาง Netflix ที่คู่ควรแก่การนอนดูอยู่บ้านช่วงวันหยุดยาวกัน 1. รูปลักษณ์ของคุณเปลี่ยนได้ราวกับเสื้อผ้าในอัลเทอร์ด คาร์บอน (Altered Carbon) คุณอาจจะเคยผ่านตาซีรีส์เกี่ยวกับโลกอนาคตมาหลายเรื่อง แต่ซีรีย์ที่สร้างจากนวนิยายนัวร์ไซเบอร์พังก์คลาสสิกของ ริชาร์ด เค. มอร์แกน เรื่องนี้ จะทำให้คุณขบคิดกับมันมากกว่าที่เคย อัลเทอร์ด คาร์บอน (Altered Carbon) พาเราไปสำรวจโลกในปี ค.ศ. 2384 ที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด และเข้ามามีบทบาทหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น เราจะเห็นโลกอนาคตที่ทุกคนสามารถเปลี่ยนร่างกายของตัวเองได้เหมือนกับเปลี่ยนรองเท้า! และยังเต็มไปด้วยจักรกลที่มีศักยภาพเทียบเท่ามนุษย์ รถลอยในอากาศ ด้วยเหตุนี้มันจึงนำไปสู่การตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าพื้นฐาน อิทธิพลของอำนาจเงิน และความสัมพันธ์ในแบบที่ไม่ได้ยึดอยู่กับรูปลักษณ์ของเราอีกต่อไป 2. ชีวิตคือการต่อสู้ใน 3% ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังที่ตัวเอกต่างต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิต คุณอาจเคยผ่านตาซีรีส์เรื่องนี้ในรายการแนะนำของคุณมาบ้าง เพราะใน
เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านน่าจะเป็นวัยรุ่นยุค ’90s – 2000 กันมาก่อน… เปิดเรื่องมาแบบนี้เราไม่ได้มีเจตนาแซวว่าคุณกำลังเข้าสู่ช่วง ‘วัยรุ่น(ใหญ่)’ แล้ว แต่ทีมงาน UNLOCKMEN ตั้งใจจะบอกว่าถ้าใครที่เป็นวัยรุ่นยุคนั้นก็น่าจะเติบโตมาพร้อมกับเพลงแนว Disco, Soul, Funk จากผู้ชายที่ cool ที่สุดคนหนึ่งซึ่งก็คือ ‘บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์’ หรือ บุรินทร์ Groove Riders ที่เรารู้จักกันดี ซึ่งเขาแจ้งเกิดในทันทีนับตั้งแต่อัลบัมแรกของวงที่ใช้ชื่อว่า DiscoVery ปล่อยออกมาเมื่อปี 2544 ทั้งงานเดี่ยวของเขา และกับวง Groove Riders ทำให้เราดิ้นกระจายมานาน และไม่ได้มีแต่เพลงแดนซ์มันโคตรเท่านั้น เพลงซึ้ง ๆ ก็ถูกนำไปใช้ในงานวิวาห์กันเป็นว่าเล่น ส่วนเพลงเศร้าทำน้ำตาร่วงก็ทำงานได้ดีเหลือเกิน ซึ่งเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ติดหูทุกคนก็คือเสียงร้องของคุณบุรินทร์ที่มีทั้งความนุ่มลึก mood & tone ที่เข้ากับแนวเพลง ยังไม่รวมลีลาบนเวทีและสไตล์การแต่งตัวที่จัดจ้าน สำหรับผลงานทางด้านดนตรีของเขากับ Groove Riders มีสตูดิโออัลบัม 3 ชุด ไล่มาตั้งแต่ DiscoVery (2544) , DiscoVery2 (2545) และ The Lift (2550)
ดูหนังธรรมดา ๆ มันก็น่าเบื่อเกินไป วันว่าง ๆ แบบนี้ต้องหาเวลามาดูหนังพล็อตแปลกไปจากที่เคยดูกันบ้าง UNLOCKMEN ขอแนะนำ 10 เรื่องพล็อตล้ำ ๆ หลากหลายแนว ไม่ว่าจะทริลเลอร์ โรแมนติก หรือแม้แต่อะนิเมะ อย่ามัวแต่คิดว่ามีแค่หนังสืบสวนเท่านั้นที่จะมีพล็อตล้ำ ๆ ได้ พล็อตล้ำ ๆ มันสามารถมีได้ในหนังทุกแนวเลยต่างหาก มาดูกันให้ครบ รับรองว่าได้หนังใจดวงใจเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน Predestination (2014) Director : Michael Spierig, Peter Spierig เรื่องย่อ : The Barkeep เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่มีหน้าที่หยุดยั้งอาชญากรไม่ให้ก่อเหตุร้ายแรง ด้วยการเดินทางข้ามเวลาไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคต และงานสุดท้ายก่อนลาวงการของเขาคือหยุดยั้ง Fizzle bomber นักวางระเบิดตัวฉกาจ แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายอย่างนั้น ยิ่งเขาถลำลึกลงไป เขายิ่งค้นพบปริศนาที่เป็นปมต่อกันยาวเหยียดไปเรื่อย ๆ และเป็นเขานี่แหละที่ต้องคลายปมนั้นด้วยตัวเอง มันเจ๋งตรงนี้! : ทำความเข้าใจก่อนว่ามันไม่ใช่แค่หนัง Sci-Fi ล้ำ ๆ ยิงกันมัน ๆ แล้วจบกันไป แต่ต้องเตรียมสมองคุณให้พร้อม กับหนังพล็อตล้ำเรื่องนี้
สำหรับคนที่เกิดในยุค 70’s – 80’s เป็นต้นมา น่าจะเติบโตพร้อมกับภาพความเท่ของมือกีตาร์วง Rock and Roll ที่ถือว่าหล่อกินเรียบกว่าใครในวง เป็นอาชีพที่เท่สุดยอดกว่าอาชีพใด ทำรายได้ถล่มทลาย สาววิ่งกรี๊ดตามรถตู้เพราะอยากจะโยนตัวเองเอาใส่บรรดามือกีตาร์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความคูลของ Slash กับกีตาร์ Gibson คู่ใจ หรือความเท่ของ The legendary Jimi Hendrix กับกีตาร์ Fender ข้างกาย แต่ใครจะไปคาดคิดว่าปัจจุบัน บริษัทกีตาร์ระดับขึ้นหิ้งทั้ง 2 แบรนด์ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เป็นหนี้ก้อนใหญ่มหาศาลและไม่มีทีท่าว่าจะหมุนมาจ่ายทัน เสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างสูง ดูเหมือนยุคสมัยนี้จะเป็นยุคแห่งเก้าอี้ดนตรี ใครปรับตัวไม่ทัน ก็มีโอกาสล้มพับได้ทุกราย ไม่ว่าจะเคยยิ่งใหญ่มาแค่ไหน เอาง่าย ๆ ก็คือสิ่งที่เราเห็นจากวงการ Magazine ที่ปิดเล่มล้มกองกันจนเกือบหมดแผง จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่เว้นแม้แต่ในอุตสาหกรรมกีตาร์ที่มี Big Player หลัก ๆ อยู่แค่ 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับ Iconic อย่าง Gibson และ
เราอาจชื่นชอบการฟังเพลงจากวงโปรดจนฟังครบทั้งอัลบั้มวนแล้ววนอีก นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ พอลองฟังวงใหม่ ๆ มันก็ช่างไม่ถูกใจเอาซะเลย อย่างที่เราเคยแนะนำไว้ใน B SIDE SONG 101 : งัดวิชาค้นหาเพลงในหลืบหน้า B ที่ไม่ดัง แต่ฟังแล้วโคตรโดน ดังนั้นจึงต้องพึ่งวิธีที่จะช่วยให้เราได้เพลงใหม่ในกลิ่นอายเก่า ๆ ด้วยการหาวง SIDE PROJECT มาฟังดูบ้าง วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำ 5 วง SIDE PROJECT จากวงดังที่คุ้นเคยให้ได้ฟังกันแบบยาว ๆ Stone Sour Corey Taylor จาก Slipknot จริง ๆ Corey เนี่ย อยู่กับ Stone Sour มาก่อน ตั้งแต่ปี 1992 แล้วเพิ่งมาจอยกับ Slipknot ในอีกไม่กี่ปีต่อมา ซึ่งแนวเพลงไม่ได้หนีจากกันมากนัก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเสียงของ Corey ที่หลายคนช่ืนชอบในความแข็งแรงของพลังเสียง ซึ่งทั้งสองวงยังคงมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน แม้ว่า Slipknot จะได้รับความนิยมมากกว่า ชนิดที่ว่าแม้จะไม่ได้ฟังเพลงหนัก ๆ
ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ชายที่เหงา หว่อง โดดเดี่ยวมาจากขั้วหัวใจอย่างแท้จริง หรือเป็นผู้ชายสายเฮฮาปาร์ตี้แต่อยากอินกับอารมณ์เหงา หรือจะเป็นสายแซะที่ชอบแซะคนเหงาวอนนาบีเป็นชีวิตจิตใจ UNLOCKMEN ก็อยากแนะนำว่าหนังสือของ Haruki Murakami นักเขียนญี่ปุ่นขวัญใจชาวเหงาชาวหว่องเหมาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง! คุณจะได้เข้าถึงความเหงาแบบที่คุณชอบ หรือคุณจะได้เข้าใจคนเหงา (ในกรณีที่คุณเป็นคนไม่เหงา) หรือยิ่งเป็นสายแซะการเข้าใจคนที่คุณจะแซะให้ถ่องแท้ก็เป็นคุณสมบติของนักแซะที่ดีที่คุณพึงมี (จะได้แซะให้ถึงแก่นยิ่งขึ้น) มา เราอาสาแนะนำ 5 เล่มของ Haruki Murakami หรือเฮียมู ให้ผู้ชายอย่างคุณได้เลือกอ่านกัน Norwegian Wood : ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย เล่มนี้เป็นเล่มที่ได้ชื่อว่าแมสสุดในบรรดาหนังสือของเฮียมู อ่านไม่ยาก เข้าถึงไม่ยาก แต่ดีกรีความเหงาความหว่องมาเต็มล้นทะลัก ใครที่เป็นคนเหงาจะได้เข้าถึงความเคว้งคว้างสุดฤทธิ์ชนิดที่ว่าร้องไห้ยังร้องไม่ออก ส่วนใครไม่ชินกับความเหงาอาจจะร้องโห! คนอะไรชีวิตมันจะหว่องได้ขนาดนี้วะ? ส่วนสายแซะก็คงแซะกันมัน เรื่องนี้ว่าด้วยความรัก ความตาย (ตามชื่อเรื่องที่แท้จริง) แต่เราบอกเลยว่าเป็นอีกเรื่องที่งดงามตรึงใจ อ่านจบแล้วก็ยังลืมไม่ลงได้ง่าย ๆ จริง ๆ South of the Border, West of the Sun : การปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาได้มากทีเดียวสำหรับ ‘Ready Player One’ ภาพยนตร์แนว Action/Adventure/Sci-Fi ผลงานล่าสุดของผู้กำกับล้ำจินตนาการ เจ้าของฉายาพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง Steven Spielberg ที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังของ Ernest Cline ซึ่งฮิตมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 2045 ช่วงที่โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการล่มสลาย แต่ผู้คนพบทางรอดชีวิตที่ THE OASIS จักรวาลเสมือนจริงที่เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เป็นใครก็ได้ สร้างขึ้นโดย James Halliday (Mark Rylance) ซึ่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลและอำนาจในการควบคุม THE OASIS ทั้งหมดให้กับคนแรกที่ได้กุญแจทั้ง 3 ดอก เพื่อเปิดประตูสู่ไข่อีสเตอร์ดิจิทัลที่เขาซ่อนไว้ในสถานที่หนึ่ง ทำให้เกิดเกมการแข่งขันทั่วโลก แต่เวลาผ่านไป 5 ปี สกอร์บอร์ดกลับยังว่างเปล่า จนกระทั่งฮีโร่หนุ่มม้ามืดอย่าง Wade Watts (Tye Sheridan) ในร่างอวตารที่ใช้ชื่อว่า Parzival เอาชนะการแข่งขันได้เป็นคนแรก จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปแบบโคตรสนุกถูกใจใครหลายคน นอกจากตัวหนังแล้ว สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เพลงในหนังที่ยอดเยี่ยม ทั้งธีมประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ประพันธ์โดย Alan Silvestri รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเพลงในเรื่องนี้ก็เท่มาก ๆ โดยแต่ละเพลงได้รับการคัดเลือกโดย Spielberg เอง ร่วมกับ Zak Penn ผู้ร่วมเขียนบท ซึ่งแม้ว่าฉากในหนังจะเป็นปี
ในบรรดาหนังสายลับที่โด่งดัง ชื่อของ James Bond ต้องโผล่ติดอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยภาคต่อที่มีมาอย่างยาวนานตลอด 50 ปี และความสนุกตามแบบฉบับหนัง Action ล้างผลาญผสมผสานกันสาวสวยภาคละคน ทำให้ซีรีส์ James Bond ได้รับความนิยมจวบจนถึงปัจจุบันนี้ แน่นอนว่าเป็นสายลับฝีมือดีก็ต้องมีรถประจำตัวสุดไฮเทคที่จะช่วยให้ทำภารกิจได้สำเร็จง่ายขึ้น ซึ่งสายลับอย่าง James Bond หรือที่เรารู้จักกันในรหัสลับ 007 นั้นใช้รถยนต์ต่างยี่ห้อต่างรุ่นมากมาย แต่รถที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวแบบขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือแบรนด์รถสปอร์ตจากเกาะอังกฤษอย่าง Aston Martin ที่สายลับหนุ่มรายนี้มักเลือกใช้มาตลอดเกือบทุกภาค วันนี้ UNLOCKMEN ได้คัดเลือก 5 สุดยอดรถ Aston Martin ที่เราชื่นชอบมากที่สุดจากทุก 007 มานำเสนอ ไม่เน้นความใหม่ เน้นแต่ความหล่อล้วน ๆ Aston Martin DB5 เริ่มต้นคันแรกอย่าง DB5 ที่เหมือนเป็นรถประจำซีรีส์ชุดนี้เลยทีเดียว เพราะตั้งแต่เจ้า DB5 คันนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในภาค Goldfinger ซึ่งรับบทโดย Sean Connery มันก็ได้ปรากฏตัวและถูกใช้อีกหลายครั้งในภาคอื่น
หนัง Hollywood ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่หนังเดี่ยวทำออกมาภาคเดียวจบอีกต่อไป เพราะเทรนด์การทำหนังสมัยนี้มักสร้างแบบปลายเปิดที่สามารถขยายเรื่องราวภาคต่อไปได้อีกเป็นไตรภาคหรือมากกว่านั้น ซึ่งมีบ้างที่ประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับต้นฉบับและแป๊กอย่างไม่มีชิ้นดี แต่บางค่ายกลับจะเลือกทางที่ฉลาดกว่าด้วยการสร้างภาคต่อในรูปแบบทีวีซีรีส์ ที่นอกจากจะขยายเรื่องราวได้ยาว ๆ แล้วยังสามารถวัดความเสี่ยงจากยอดผู้ชมทางบ้านได้อีกด้วย วันนี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำทีวีซีรีส์จากหนังชื่อดังที่ประสบความสำเร็จมาแล้วและกลับมามอบความสนุกในรูปแบบทีวีซีรีส์ผ่านทางจอแก้วอีกครั้ง LIMITLESS จากหนังชื่อดังเมื่อปี 2011 แสดงนำโดย Bradley Cooper สู่ซีรีส์ทางจอทีวีในปี 2015 เวอร์ชั่นนี้เป็นเรื่องราวของ Brian Finch หนุ่มธรรมดา ๆ ได้ค้นพบยาวิเศษชื่อ NZT ที่ช่วยปลดล็อคสมองให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 100% ทำให้เขามีความสามารถเหนือกว่าคนทั่วไปในทุก ๆ ด้าน ด้วยความพิเศษนี้ทำให้เจ้าหน้าที่สาว FBI อย่าง Rebecca Harris สนใจในตัว Finch และดึงตัวเขามาร่วมมือช่วยกันไขคดีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ซึ่งตัวซีรีส์มีความเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่นหนังโรงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตัวละครจากเวอร์ชั่นหนังโรงอย่าง Eddie Morra ได้มาปรากฏตัวมีบทบาทในเวอร์ชั่นซีรีส์เหมือนกัน แถมตัวคนรับบทอย่าง Bradley Cooper นั้นเป็นคนอำนวยการสร้างเองอีกด้วย SHOOTER หนังแอ็คชั่นขึ้นชื่ออีกเรื่องหนึ่งของ Mark Wahlberg
หากคุณคือผู้ชื่นชอบการดูหนังและเข้าโรงหนังเป็นชีวิตจิตใจ การได้เจอรอบหนังที่สงบสุขช่างเป็นของขวัญพิเศษของโลกใบนี้ซะจริง ๆ เพราะความเป็นจริงเรามักจะเจอปีศาจหลายรูปแบบที่ออกมาวาดลวดลายป่วนการดูหนังของคุณ ให้คุณต้องหลุดจากสมาธิอันแน่วแน่มารำคาญกับพวกเขาแทน ยุคนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องปิดเสียงโทรศัพท์ขณะเข้าโรงหนัง เพราะพวกเราผ่านการปลูกฝังมานานหลายปี แต่ยังมีพฤติกรรมที่คนทำคิดว่าน่ารัก คิดว่าธรรมดา แต่สำหรับคนอยากเสพหนังให้เต็มปอดอย่างพวกเรานั้นรับไม่ได้ วันนี้ UNLOCKMEN ขอแนะนำวิธีรับมือกับคนดูหลายประเภทที่พบเจอเป็นประจำในโรงหนัง ให้คุณได้เป็นฮีโร่ผู้ทวงความสงบของโรงหนังกลับคืนมา ทั้งสำหรับตัวเอง และสำหรับคนรอบข้างได้ดูหนังอย่างมีความสุขตลอดเรื่อง คนดูผู้หิวโหย “กร๊อบแกร๊บ ๆ “ เสียงเขย่าถุง เคี้ยวขนมไม่หยุดปาก เดี๋ยวก็ดูดน้ำจนแห้ง แล้วเขย่าน้ำแข็งตามสัญชาตญาณ แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะมีขนมขายอยู่หน้าโรงหนัง ถ้าจะมีคนซื้อเข้ามากินมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้ากินเสียงดังจนเกินไปมันก็แปลก เพราะมันสามารถรบกวนคนอื่นได้มากกว่าที่คนทำจะคาดคิด พึงระลึกไว้เสมอว่าเราสามารถทำอะไรก็ได้ที่ไม่ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น นั่นหมายถึงไม่รบกวนหรือสร้างความรำคาญด้วยนั่นเอง และการเคี้ยวเสียงดังในที่สาธารณะก็ดูเป็นมารยาทที่ต้องระวังให้มากด้วยเช่นกัน ทางแก้ : ถ้าเป็นคนมีขันติก็อดทนไปก่อน เพราะโดยค่าเฉลี่ยของการกินขนมไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง เรียกว่าโฆษณาจบไม่นานของกินก็น่าจะหมดแล้ว แต่ถ้าคนข้าง ๆ พกมาหลายห่อเหลือเกิน แถมยังขยี้เขย่าราวกับนั่งกินกันในบ้าน สำหรับสายบู๊กล้าลุย ก็ควรบอกตรง ๆ เพราะอาจจะไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่รำคาญ คุณอาจกลายเป็นฮีโร่ช่วยดับเสียงคนดูผู้หิวโหยให้คนรอบข้าง ก็เป็นได้…………. พ่อแม่ผู้คอยอธิบายกับเจ้าหนูน้อยจำไม เด็กน้อยหน้าตาน่ารักนอกโรงหนัง แต่เมื่อเข้ามาอาจจะกลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไม ซักไซ้พ่อแม่ตลอดเวลาว่า ตัวนั้นมาไงอะ ? มันทำงี้ได้ไงอะ ?
หนัง SEXY มีฉากเร่าร้อนผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ปลื้ม แต่บางทีไปดูในโรงหนังพร้อมคนเป็นสิบเป็นร้อยมันก็กระอักกระอ่วนปลดปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปได้ไม่เต็มที่ ยิ่งโรงไหนมีพ่อแม่อุตริพาเด็กมาดูยิ่งเจื่อนกันแบบบอกไม่ถูก สู้ดูที่บ้านก็ไม่ได้ โชคดีที่สมัยนี้เรามี NETFLIX ที่อำนวยความสะดวกให้เราดูทั้งหนังทั้งซีรีส์อยู่บ้านได้แบบฉ่ำใจ และนี่คือหนัง SEXY ทั้ง 5 เรื่องที่หาดูได้จาก NETFLIX Blue Is the Warmest Colour Blue Is the Warmest Color ขึ้นชื่อเรื่องฉากโคตร SEXY เป็นอย่างมาก เอาเป็นว่ารวมหนังฉากวาบหวามทีไรเรื่องนี้เป็นต้องติดอันดับอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางกายระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงที่ฉายยาวกว่า 10 นาที! (โดยหารู้ไม่ว่าของจริงเขาถ่ายทำนานถึง 10 วัน) ใครที่เคยสัมผัสหนังเรื่องนี้จากในโรงแล้วยังไม่ฉ่ำใจเชิญเปิดดูได้จาก NETFLIX ให้ไวเลย Eyes Wide Shut Eyes Wide Shut ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ SEXY สุดสะเด่าเร้าใจจนผู้ชายคนไหนก็ห้ามพลาด ยิ่งถ้าดูที่บ้านชวนสาวมาดูด้วยเรารับรองว่ายิ่งซี้ด อายุผู้ชมระดับ 20+ ก็คงการันตีได้ประมาณหนึ่งว่าหนังเรื่องนี้จะถึงพริกถึงขิงแค่ไหน เอาเป็นว่างดงามทั้งฉาก SEXY เนื้อเรื่อง