Porsche ขยายไลน์ให้กับ 911 ด้วยการเปิดตัว 911 Carrera T (T = Touring) ที่เน้นฟิลลิ่งการขับขี่ไปอีกขั้น เครื่องยนต์ 3.0-liter twin-turbo flat-6 ให้กำลัง 379 hp แรงบิด 331 lb-ft กับน้ำหนักตัวราว 1,470kg ซึ่งเป็นรุ่นที่เบาที่สุดของ generation นี้ ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้ง seven-speed dual-clutch automatic และ seven-speed manual จาก Carrera S ทำความเร็ว 0-100 km/h ได้ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 290 km/h แม้จะมากับเครื่องยนต์รุ่นเริ่มต้น แต่ได้ช่วงล่าง Active sport suspension รวมถึง Sport Chrono package ที่รวม
แม้หน้าตาจะแปลกตา แต่มีหลายเหตุผลที่เราคิดว่า M2 รุ่นนี้น่าสนใจ เพราะนี่คือตระกูล M รุ่นสุดท้ายกับเครื่องยนต์เผาไหม้ 100% BMW M2 ใหม่ ใช้เครื่อง S58 twin-turbocharged 3.0-liter inline-six ตัวเดียวกับใน M3, M4, และ X3 M ให้กำลัง 453 horsepower, 550 Nm of torque 0-100 km/h ใน 3.9 วินาที โดยจะไม่มีรุ่น Competition ออกมาเหมือนรุ่นพี่ มีเกียร์ให้เลือกทั้ง eight-speed M Steptronic transmission และ six-speed manual transmission และจะมีเพียงระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (ไม่มีขับสี่ xDrive ให้เลือก ณ ตอนนี้) มิติตัวถังของ BMW M2
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ของยนตรกรรมพรีเมียมด้วยการเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู i7 ใหม่ เป็นครั้งแรก รถยนต์ซีดานพรีเมียมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มอบที่สุดแห่งประสบการณ์ทั้งการขับขี่ที่เร้าใจ ความหรูหราสง่างาม และห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศอบอุ่นสะดวกสบาย โดยรถยนต์ซีดานพรีเมียมไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport (First Edition) บีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport Gran Lusso ล้วนโดดเด่นทั้งในด้านความหรูหราสะดวกสบาย ความทันสมัย และความยั่งยืน ทั้งยังสะท้อนกลิ่นอายความสปอร์ตและความคล่องตัวในการออกแบบ ตอกย้ำความเป็นผู้นำของบีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้อย่างชัดเจน มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู i7 ใหม่ สะท้อนความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู และจะมาเป็นยนตรกรรมที่นำพาอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าสู่ยุคใหม่แห่งอนาคตได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และวันนี้ เราพร้อมเผยโฉมรุ่นขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้แฟนบีเอ็มดับเบิลยูชาวไทยได้ชมเป็นครั้งแรก กับรุ่นรถยนต์ที่สะท้อนความโดดเด่นครบทุกด้าน ทั้งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ ความสะดวกสบาย สุดยอดประสบการณ์การขับขี่
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางของ Supercar ที่หามาครอบครองได้ยากสุด ๆ และสวยสุด ๆ นี่คือรุ่นพิเศษสุดท้ายก่อนปิดสายการผลิตของ generation ปัจจุบันของ Ford GT LM Edition ที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองให้กับอดีตตำนานแชมป์ Le Mans 2016 และจะมีเพียง 20 คนในโลกเท่านั้นที่จะได้ครอบครองมัน ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีเพียง Ford GT ขุมพลังไฟฟ้าใน generation ถัดไป ตามแผนการขุมพลังโลกใหม่ของ Ford ในรถทุก segment Ford GT LM Edition ได้แรงบันดาลใจจาก Ford GT No. 68 ที่ตกแต่งในโทนสีแดงฟ้า วิ่งเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์ 2016 Le Mans ไปครอบครอง แต่แทนที่จะมาในสไตล์การตกแต่งเดียวกัน Ford GT LM Edition เลือกใช้เพียงโทนสีแดงฟ้าในรายละเอียดบางจุดเช่น carbon fiber และเบาะนั่งภายในห้องโดยสาร ซึ่งผู้โชคดีที่มีโอกาสจับจองจะสามารถเลือกได้สี
เผยโฉมหน้าตา Ford Mustang ใหม่ทั้งคัน แถมยังมาในเวอร์ชันสุดโหดเต็มระบบพร้อมลงแข่งโดยเฉพาะ นี่คือ Ford Mustang GT Gen3 Supercar พัฒนาเพื่อลงแข่งรายการ 2023 Australian Supercars Championship ในตัวถังรหัส S650 ล่าสุด Mustang GT Gen3 Supercar วางเครื่องยนต์ Coyote V8 tuned by Ford Performance อัพเกรดไส้ในทั้งหมดพร้อมเพิ่มความจุเป็น 5.4 ลิตร ให้กำลังรวม 600 horsepower แรงบิด 650 Nm of torque ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วย sequential shift Xtrac P1293 6-speed transaxle gearbox ถือเป็น Ford Mustang generation ที่เน้นสร้างชื่อเสียงด้านความเร็วมากกว่าที่ผ่านมา เพราะนับตั้งแต่เปิดตัวรหัส
รุ่นพิเศษเอาใจคนชอบขับหลัง Audi R8 V10 GT RWD โมเดลสุดท้ายที่จะใช้เครื่องยนต์ V10 FSi engine ทีเด็ดสร้างชื่อเสียงที่เริ่มใช้ครั้งแรกใน S8 ปี 2006 และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 333 คันทั่วโลก ความแตกต่างของ Audi R8 V10 GT จากรุ่นปกติก็คือการจับคู่เครื่องยนต์ 5.2-liter V10 กับระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นครั้งแรก ให้พละกำลังเทียบเท่าตัว Quattro ที่ 611 hp @8,000 rpm แรงบิดลดลงเล็กน้อยเหลือ 417 lb-ft เกียร์ 7-speed dual-clutch ถูกปรับอัตราทดให้ชิดขึ้น เพิ่มอรรถรสในการขับที่สนุกสนานสะใจ ในรุ่นขับหลัง จะมีระบบ torque-rear traction control system ที่ปรับแต่งใหม่เพื่อควบคุมแรงบิดให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถเลือกปรับ Driving mode ถึง 7 รูปแบบได้ที่ปุ่มบริเวณพวงมาลัย ทำงานร่วมกับช่วงล่างแบบ
หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster หนึ่งในซีรีส์นาฬิการะดับไอคอนิกจาก OMEGA เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในเรือนเวลาส่วนใหญ่คงมีภาพจำถึงเรื่องราวการประกาศศักดาให้โลกจารึกในฐานะ Moonwatch นาฬิกาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ผู้ฝากรอยเท้าเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1969 แต่สำหรับสาวก Speedmaster อีกจำนวนไม่น้อยคงรู้กันดีว่า เดิมทีนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพิชิตดวงจันทร์ หากแต่ชื่อ Speedmaster ยังประกาศก้องถึง DNA แห่งความเร็วที่ชัดเจนเข้มข้นจนแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ นับย้อนไปตั้งแต่ปี 1957 ช่วงเวลาที่ปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster จาก OMEGA ได้เริ่มต้นด้วยเรือนเวลาที่มาพร้อมเข็มบอกทิศทางแบบ Broad Arrow รูปทรงหัวลูกศรสุดโดดเด่น และยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดความเร็วมาไว้บนขอบตัวเรือน เพื่อจุดประสงค์สำหรับใช้งานในวงการ Motorsport เรียกได้ว่าก่อนจะไปโลดแล่นบนดวงจันทร์ เหล่านักแข่งรถ ช่างเทคนิค รวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว ต่างก็เคยประทับใจในความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงงานดีไซน์ของ Speedmaster มาแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อของ Speedmaster
การ collaboration ครั้งที่สองของ BMW และ KITH แบรนด์จาก New York ของ Ronnie Fieg ผู้คลั้งไคล้และสะสม BMW รุ่นเด็ด ๆ เอาไว้หลายคัน และการร่วมมือกันครั้งนี้คือ BMW i4 M50 ตกแต่งสีพิเศษ Vitality Green ที่จะมีจำนวนเพียง 7 คันเท่านั้น และยังมีเสื้อผ้า collection พิเศษวางจำหน่ายพร้อมกันอีกราว 51 ชิ้น โดยใช้สี Vitality Green รวมถึงสี Caramel Merino ซึ่งเป็นสีพิเศษของ BMW Individual สำหรับตกแต่งภายในรถคันนี้ ก่อนจะพูดถึง BMW i4 M50 เราขอแนะนำรถคลาสสิคคันข้าง ๆ ก่อน นี่คือ 1972 BMW 1602 Elektro by
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ ตอนนี้ ชื่อของ ALBA แบรนด์นาฬิกาดีไซน์สวยที่มีจุดเด่นเรื่องราคาจับต้องได้ภายใต้คุณภาพการผลิตที่การันตีโดยแบรนด์เรือนเวลาชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง SEIKO กำลังเป็นที่จับตามองด้วยคอลเลกชั่นเท่ ๆ มากมายที่ทยอยเปิดตัวออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “The Reflection Of Japan” ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละคอลเลกชั่นนั้นล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นโดนใจ ด้วยงานดีไซน์ที่สะท้อนถึงคุณภาพความเป็น Japan Product กับนาฬิกาแนว Sport Style ที่หนุ่ม ๆ อย่างเราสามารถหยิบมาสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ล่าสุดทาง ALBA ก็ได้เผยโฉมอีกหนึ่งคอลเลกชั่นใหม่ซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์ความเท่ที่สะท้อนจิตวิญญาณญี่ปุ่นออกมาได้เป็นอย่างดี กับ ALBA Monster Thailand Creation ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือนเวลารุ่นยอดนิยมของรุ่นพี่อย่าง SEIKO ที่ได้รับการขนานนามจากเหล่านักสะสมว่า Monster ด้วยความแข็งแรงบึกบึนของตัวเรือน และดีไซน์ที่ดูแปลกตาแต่มีเสน่ห์ครองใจผู้คนมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 2000 และ Monster ที่ถูกตีความภายใต้ชื่อ ALBA Monster Collection นั้น เป็นการนำเอาเอกลักษณ์ระดับไอคอนิก มาร้อยเรียงเรื่องราวและดีไซน์ใหม่ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาผ่านนาฬิการะบบอัตโนมัติ 3 รุ่น 3 สไตล์ ที่ยังคงความโดดเด่นเอาไว้แบบครบ ๆ ทั้งในเรื่องขนาดตัวเรือนกำลังเข้าข้อที่ 42.4
หมดเวลาแล้วเธอคงต้องไป เรากำลังพูดถึงหัวใจใหญ่ระดับ V8 ที่เคยประจำการในห้องเครื่องของ Mercedes-AMG C63 ในวันที่โลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz ตัดสินใจใช้ขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า ‘E Performance’ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า plug-in hybrid system การันตีว่ามีแรงมากกว่า V8 แบบเก่า ซึ่งสเปคที่แท้จริงจะเป็นยังไง อีกไม่กี่วันได้รู้กันแน่นอน ล่าสุด Mercedes-AMG ได้แง้มภาพ teaser ของ C63 generation ใหม่ในตัวถังซีดานออกมาแล้ว ซึ่งที่จริงหลายคนอาจเคยเห็น C63 E Performance คันเต็ม ๆ มาแล้วในเทศกาล 2022 Goodwood Festival of Speed โดยสเปกตอนนั้นรายงานว่าได้เฉพาะเครื่อง 2.0 ลิตร ก็ได้แรงม้า 473 ตัว มากกว่า RS5 เครื่องยนต์
Generation ที่ 7 ของ Ford Mustang ที่หลายคนเฝ้ารอ ถูกเปิดตัวเผยโฉมหน้าออกมาแล้ววันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะเส้นสายที่เพิ่มฟิลลิ่งความหรูหราและทันสมัย และยังคงมีขุมพลังที่ใหญ่แรงสะใจสไตล์ American Muscle ให้เลือกใช้เหมือนเดิม ขุมพลังของ Ford Mustang ใหม่ยังคงแบ่งเป็น 2.3-liter turbocharged EcoBoost และรุ่นใหญ่ใน Mustang GT เครื่องยนต์ NA 5.0-liter Coyote V8 generation ที่ 4 ซึ่งเป็นตัวแรงสุดของ Coyote V8 เท่าที่เคยมีมาด้วยการพัฒนาใหม่ เพิ่ม air flows เข้าไปเผาไหม้มากขึ้น พร้อมเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ “Dark Horse” ที่มากับตัวเลขแรงสะใจถึง 500 แรงม้า จับคู่เกียร์ 6-speed manual พร้อม rev-matching หรือ 10-speed automatic ที่เน้นความสะดวกสบาย
นี่คือครั้งแรกของ Ferrari 4 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ดูคล้าย SUV มากที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยมีมา มันใช้เครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 715 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD system ที่ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 300 แรงม้า ชื่อ “Purosangue” เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงสายพันธุ์ม้าแข่งที่โด่งดังซึ่งมีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้คนทั้งโลกจะเรียกมันว่ารถ SUV แต่ Ferrari ยังคงยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่รถ SUV” เสียงแข็ง เพราะมันมีความสูงเพียง 62.6 นิ้ว เตี้ยกว่า Lamborghini Urus ถึง 2 นิ้ว มีพื้นที่ ground clearance