ในรายชื่อรถยนต์ที่ดีที่สุดของ Mercedes-Benz หนึ่งในนั้นจะต้องมีรุ่น W201 Mercedes 190 series เวอร์ชันพิเศษ Cosworth ที่ทั้งแรร์และเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก มันคือรถ Road-legal ที่ถูกสร้างจากต้นแบบสำหรับลงแข่งรายการ Deutsche Tourenwagen Meisterschaft (DTM) เพื่อแข่งกันชิงตำแหน่งแชมป์กับ BMW M3 อย่างดุเดือดตลอดยุค ’80s – 90s Mercedes-Benz 190 E Cosworth เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Mercedes-Benz และสำนักแต่งรถชื่อดังจากอังกฤษ ‘Cosworth’ ซึ่งในช่วงปี 1980s เป็นครั้งแรกที่ค่ายตราดาวเปิดตัวรถซีดานหรูขนาด Compact ก่อนหน้าที่จะมี C-Class ในอีกหลายปีต่อมา ผลงานการออกแบบโดย Bruno Sacco หัวหน้าฝ่ายออกแบบผู้สร้างผลงานระดับตำนานมากมายในช่วง 1975 – 1999 ไม่ว่าจะเป็น S-Class W126, W140 รวมถึง R129 SL convertible ซึ่งเกือบทุกรุ่นที่ผ่านมือล้วนถูกยกย่องว่าเป็น
รถที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Iconic ที่ดีที่สุดในกลุ่ม Luxury sedan ต้องมีพื้นที่สำหรับ Jaguar XJ อยู่ในนั้น ด้วยระยะเวลาทำตลาดที่ยาวนานกว่า 50 ปี ก่อนจะเกษียณตัวเองอย่างถาวรไปในปี 2019 ตลอดระยะเวลานั้น ตัวถังที่สวยงามและหายากเหมาะแก่การสะสมที่สุดก็คือ XJ Coupe Mk II generation ทำตลาดในช่วงปี 1975 -1978 ผลิตออกมาทั้งหมดจำนวน 10,500 คัน วันนี้สำนักแต่งรถเลือด Polish ชื่อ “Carlex Design Studio” ได้เปิดโปรเจคปั้น Jaguar XJ Coupe ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ custom Jaguar XJ Coupe จะเป็นโปรเจคล่าสุดภายใต้ “Carlex Jewel line” ซึ่งจะเน้นการปั้นตัวถังรถ classic cars ให้มีความทันสมัยด้วยดีไซน์ที่แตกต่าง แน่นอนว่าอาจจะไม่ถูกใจนักอนุรักษ์ของเดิม เพราะจากภาพที่เราเห็นนั้นมันคือ Restomod XJ Coupe
ในสารพัดรุ่นย่อยของ Ford Mustang จะเรียงความยิ่งใหญ่นับจากรุ่น GT, Mach 1, Boss, GT350 และรุ่นสูงสุดในตระกูลก็คือ Shelby GT500 ใช้ขุมพลัง 5.2-liter supercharged Predator V8 760 แรงม้า ซึ่งเปิดตัวไปล่าสุดในปี 2020 ล่าสุดก็ถึงเวลา refresh ความสดใหม่ ด้วยการเปิดตัว “GT500 Heritage Edition” ใช้แรงบันดาลใจจากตำนานรุ่นเก๋า 1967 Shelby GT500 ของ Carroll Shelby รถ Iconic car ในโทนสีฟ้า Brittany Blue มาโมดิฟายอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสัญลักษณ์จงอางอสรพิษ และเป็นรถที่เจ้าตัวภาคภูมิใจที่สุดคันนึง ใน edition ใหม่นี้เป็นการอัพเดทลุคภายนอกด้วยการนำสีฟ้า Brittany Blue กลับมาใช้อีกครั้ง แต่ถ้าลูกค้าต้องการ Wimbledon White stripe เส้นสีขาวพาดกลางรถ สัญลักษณ์ที่สร้างโดย
รถยนต์ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความอิสระ ด้วยถนนเปิดโล่งให้เราสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ โดยมีคนขับเป็นผู้กำหนดทิศทางอยู่หลังพวงมาลัย เราจึงมักจะเห็นโฆษณารถยนต์ที่พาตัวเองออกจากเมืองใหญ่ไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่รถยนต์ทุกคันที่จะแกร่งพร้อมลุยได้ทุกสภาพถนนอันท้าทาย จากถนนลาดยางสู่ทางฝุ่นสุดสมบุกสมบัน ได้เท่ากับ Mercedes-Benz GLE รถยนต์ mid-size luxury SUV ที่นอกจากความแกร่งพร้อมลุย ยังเป็นรถยนต์ที่สะท้อนความภาคภูมิใจในความสำเร็จให้กับเจ้าของ เต็มไปด้วยความหรูหรา สะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย และความปลอดภัยสูงสุดในคันเดียว ความสำเร็จของรถยนต์ SUV สุดแกร่งจากค่าย Mercedes-Benz เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ปี 1996 Mercedes-Benz เปิดตัวรถยนต์ Concept SUV คันแรกของค่ายในชื่อ “AAVision” เป็นครั้งแรกของรถยนต์ Sport Utility ที่พัฒนามาเพื่อเสริมทัพให้ G-Class โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ AAVision ได้เพิ่มฟีเจอร์และความสะดวกสบายที่เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะในอดีต G-Class นั้นมีความดิบแกร่งเน้นลุยในฐานะรถยนต์ Off-roader พันธุ์แท้ จึงไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ต่างกับ G-Class ในปัจจุบันที่ยังคงเป็นที่สุดด้านความแกร่ง พร้อมใส่เทคโนโลยีและกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่คนทั้งโลกยอมรับ
Aston Martin DBX super SUV คันแรกจากค่ายที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2020 เป็นรถ SUV ที่ใช้ขุมพลัง 4.0-liter V8 จาก Mercedes-AMG 542 แรงม้า แรงบิด 735 นิวตันเมตร ซึ่งแรงมากแล้วสำหรับบอดี้ SUV แต่สำหรับสำนัก Mansory รถเดิม ๆ ยังแรงไม่พอ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดอย่าง Lamborghini Urus ที่มาพร้อมม้ากว่า 600 ตัว กว่าจะรอ Aston Martin เปิดตัวรุ่น High-performance ของ DBX ที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าจาก AMG GT73 ออกมาคงจะช้าไป จึงตัดสินใจสร้างผลงานที่แรงแซง Urus มาให้ก่อนแล้วเรียบร้อย Mansory’s Aston Martin DBX ถูกนำมาอัพเกรดเป็น Super SUV ด้วยการเปลี่ยน turbochargers
สงครามรถหรูที่แข่งกันฉีกกฎความสะดวกสบายในห้องโดยสาร เป็นอีกตลาดที่ดุเดือดไม่แพ้ SUV หรือ segment อื่น โดยมีหัวเรือธงอย่าง Mercedes-Benz S-Class, BMW 7-Series และในฝั่ง Audi ก็มีตระกูล A8 อัครมหายานยนต์สำหรับผู้บริหารที่ต้องการโลกแห่งความสงบและสบายในเบาะหลังของยานพาหนะ ขุมพลังของ A8 มีให้เลือก 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นเริ่มต้น 3.0-liter V6 A8 55 TFSI Quattro, 4.0-liter V8 A8 60 TSFI Quattro และรุ่นตัวถังยาว A8 L 60 TFSI Quattro เครื่องยนต์ V8 รุ่นใหม่มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยประหยัดน้ำมัน ลดการคายไอเสีย ด้วยการใช้เพียงแค่ 4 สูบ จากทั้งหมด 8 สูบได้ในขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ ซึ่งแม้จะมาในตัวถังที่กว้างใหญ่ ก็ยังสามารถทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน
ถือเป็น Supercar ที่สร้างหน้าตาและยกระดับความหล่อให้กับชาวอเมริกันทั้งชาติ สำหรับ Chevrolet Corvette C8 ที่พัฒนามาไกลจนดูคล้าย Ferrari เข้าไปทุกที อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนมาใช้ platform mid-engine นับตั้งแต่ Corvette เปิดตัวสู่โลกในปี 1953 มันจึงสามารถฉีกขีดจำกัดติดตาในอดีตไปได้อย่างสิ้นเชิง และแน่นอนว่ามันได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม สองปีผ่านไป จากขุมพลัง 6.2 ลิตร V8 ที่เคยทำตัวเลขได้เพียง 490 แรงม้า ก็ถึงเวลาอัพเกรดมัดกล้ามใหม่ในรุ่นย่อยที่สูงกว่าเก่า ขอแนะนำ 2023 Chevrolet Corvette Z06 mid-engine layout supercar เพิ่มความแรง เป็น 670 แรงม้า แรงบิด 624 นิวตันเมตร ทั้ง ๆ ที่ลดความจุเครื่องยนต์ LT6 V8 ลงเหลือเพียง 5.5 ลิตร ผลิตจาก aluminum พร้อม Dry Sump
เรื่องของความเร็ว คือเสน่ห์ที่ผู้ชายทุกคนต่างหลงใหล มันเป็นการแข่งขันที่อยู่ในเกือบจะทุกกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา สัตว์ ไปจนถึงยานพาหนะ ซึ่งสิ่งที่ใกล้ตัวพวกเรามากที่สุดก็คือรถยนต์ การที่เราเร็วกว่าคู่แข่ง ถือเป็นความภูมิใจที่ทำให้ความตื่นเต้นและอะดรีนาลีนในร่างกายต้องตื่นตัวทุกครั้ง ทุกวันนี้รถยนต์ถูกพัฒนาให้แรงและเร็วจนเกือบจะถึงขีดจำกัดในโลกที่ทำเวลา 0-100 km/h ภายในตัวเลข 2 วินาทีกันเป็นว่าเล่น แต่สิ่งที่ท้าทายขีดจำกัดของผู้สร้างรถยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ด้านอัตราเร่ง แต่สำหรับรุ่นใหญ่ที่เรากำลังจะพูดถึงสถิติ “เร็วที่สุดในโลก” คือการประชันด้านความเร็วสูงสุด (Top Speed) จินตนาการที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นความจริง และนี่คือ 3 สุดยอดซุปเปอร์คาร์ ที่สามารถทำความเร็วได้สูงที่สุดในโลก 3. Koenigsegg Agera RS 1MN package – 444.8 km/h (2017) Agera RS เคยสร้างสถิติโลกความเร็ว 444.8 km/h ซึ่งทดสอบกัน ณ ลานเครื่องบินเก่า ในประเทศเดนมาร์ก เครื่องยนต์ 1,160 hp twin-turbo V8 ถูกอัพเกรดให้เป็น 1,360 แรงม้า ด้วยแพคเกจ “The
ใครเคยเล่นเกม Need For Speed: Most Wanted ต้องหลงใหลในรถ BMW E46 M3 ซึ่งย้อนไปในยุคนั้น เราแทบไม่รู้รายละเอียดของรถคันนี้เลย คิดว่าเป็นเพียงแค่ M3 แต่งซิ่งธรรมดา แต่ที่จริงแล้วมันมีแรงบันดาลใจจาก BMW M3 ที่มีอยู่จริง นี่คือ BMW E46 M3 GTR V8 Race Car ที่ถูกสร้างขึ้นเพียง 2 คันในโลกที่ใช้เครื่องยนต์ V8 เพื่อลงแข่งขันรายการ GT โดยเฉพาะ ในปี 2000 เป็นปีที่ BMW North America ต้องการลงแข่งขันในรายการ Rolex Grand-Am Champion โดยมีเป้าหมายต้องการเอาชนะ Porsche ซึ่งเป็นเจ้าสนามแข่ง กวาดเรียบทุกแชมป์ในยุคนั้น จึงตัดสินใจหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างรถ GT เพื่อสร้าง M3 ที่จะพาอภินิหารการคว้าแชมป์ให้กลายเป็นเรื่องจริงได้ BMW จึงปรึกษากับ
Porsche ถือเป็นค่ายรถ Supercars ที่มักจะขยับตัวไปสร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ก่อนค่ายคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง segment ใหม่ของ Super-SUV ด้วย Cayenne ที่ไม่ทิ้งลาย ใส่จิตวิญญาณความแรงใน Turbo GT จนทำสถิติเร็วที่สุดใน Nurburgring (Nordschleife) หรือการสร้าง Taycan ขุมพลัง EV ที่วันนี้ขายดีแซงหน้า 911 ไปแล้ว และโมเดลล่าสุดคืออีกสัญญาณถึงการเอาจริงเอาจังในโลกแห่ง Supercars พลังไฟฟ้า จากการซุ่มพัฒนา 718 ทั้ง Cayman และ Boxster ด้วยขุมพลังใหม่แบบ Electric Power 100% ข่าวการพัฒนา Porsche 718 พลังงานไฟฟ้านั้นถูกต่อยอดมาจากการเปิดตัว Mission R Concept ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา พื้นฐานของ Supercars ไซส์เล็กขุมพลังไฟฟ้าที่ถูกอธิบายภายหลังว่าเป็นเพียงแนวคิดและ Porsche อาจจะไม่ได้ผลิตมันออกมาจริง แต่เมื่อแหล่งข่าวเผยถึงโครงการ Electrified Cayman
ในยุคที่สังคมนิยมความรุนแรง นักธุรกิจ นักการเมือง อาจต้องการมากกว่าแค่ยานพาหนะที่หรูหรา แต่ต้องมาพร้อมความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน แนวคิดที่ทำให้ Klassen สำนักแต่งรถในเยอรมนีนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับ Rolls-Royce Culllinan สุดยอด SUV ที่ทั้งหรูและแรง ด้วยการเสริมเกราะรอบคัน กันได้ทั้งกระสุนและระเบิด ทุกชิ้นส่วนรอบคันตั้งแต่หลังคาไปจนถึง chassis ถูกเสริมความแกร่งด้วยเกราะกันกระสุนระดับ CEN 1063 BR6 armor proofing ซึ่งสามารถต้านทานได้ถึงระดับระเบิดมือ DM51 สองลูกซ้อน เช่นเดียวกับกระจกที่เปลี่ยนมาใส่ bulletproof glass ทุกบาน มั่นใจได้ว่ากระสุน automatic rifle จะไม่สามารถพุ่งทะลุเข้ามาสัมผัสร่างกายได้แน่นอน ด้านอุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัย ก็ได้จัดการอัพเกรดใหม่หมดตั้งแต่ระบบควบคุมไฟฟ้าซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของรถ ช่วงล่าง บานประตู ครอบคลุมถึงจุดที่ละเอียดอ่อนของ Cullinan ได้ถูกเปลี่ยนมาใช้วัสดุกันกระสุนทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นรถถังในร่าง Luxury SUV ที่พร้อมลุยฝ่าทุกวงล้อมของศัตรูได้สบาย ๆ โดยที่คนดูจากภายนอกจะไม่รู้เลยว่า Rolls-Royce คันนี้ผ่านการ custom เสริมแกร่งมารอบคันด้วยผลงานการออกแบบที่แนบเนียนของ Klassen ขุมพลังยังคงเดิมจากเครื่องยนต์ความจุ 6.7-liter V12
กาลเวลาที่ดำเนินผ่านไปล้วนมีเรื่องราวเกิดขึ้นจนเป็นที่จดจำอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่วงการรถยนต์ ที่ในแต่ละยุคสมัยต่างก็มีการผลิตโมเดลออกมามากมาย เป็นการปักหมุดความทรงจำที่จะคอยกระตุ้นให้คุณนึกถึงช่วงเวลาในอดีตเมื่อคุณได้เห็นโมเดลต่าง ๆ เหล่านั้น แต่สำหรับในยุค 50’s คงไม่มีรถยนต์รุ่นไหนจะโดดเด่นไปกว่า Mercedes-Benz 300 SL Gullwing W198 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ ตระกูล SL รุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1954-1957 มีจุดเด่นคือดีไซน์ที่สวยงามพร้อมประตูปีกนกนางนวล (Gullwing) ที่โดดเด่น, หรูหรา และเท่เกินกว่าใครในเวลาเดียว เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่คอยานยนต์ต่างต้องพูดถึง รวมไปถึงดีไซน์ต่าง ๆ ที่สง่างามทั้งตัวฝากระโปรงหน้าที่มีความยาว ฝากระโปรงหลังมีความโค้งมน เบาะลายตารางหมากรุก ทุก ๆ ตำแหน่งได้สะกดทุกสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง เดิมที Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความเร็วในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทาง Maximilian Hoffman ตัวแทนผู้นำเข้าในอเมริกาได้เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่เราต้องการ ณ ที่นี้ คือรถสปอร์ตของ Mercedes-Benz ที่ยอดเยี่ยม” จนกระทั่งในเดือนกันยายน ปี 1953 Maximilian Hoffman