แม้ว่ากรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร จะเป็นมหานครที่ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรติดขัด แต่การมีรถยนต์ส่วนตัว ก็ยังเป็นการเดินทางที่ดีที่สุด หากเทียบกับการเดินทางด้วยขนส่งมวลชนบ้านเรา ที่ยังอยู่ในช่วงเวลาของการขยับขยาย ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างทั่วถึง บางครั้งการจะโบกวิน ขึ้นสองแถว ไปต่อรถไฟฟ้า ลงมาโหนรถเมล์ นั่งเเท็กซี่ ขึ้นเรือข้ามฟาก รวม ๆ แล้วอาจเสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายในการการเดินทางต่อเที่ยว มากกว่าเติมน้ำมันรถยนต์ด้วยซ้ำ สำหรับผู้ชายที่เริ่มลงหลักปักฐาน มีงานมีรายได้ ควรจะสร้างความภูมิใจด้วยการควักเงินตัวเองซื้อรถแบบไม่ต้องเดือดร้อนครอบครัว เชื่อเถอะว่าการที่ได้ขับรถคู่ใจ ซึ่งหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไปทำงาน ได้ขับพาพ่อแม่ พาคนที่เรารักไปเที่ยวในทุก ๆ ที่ ที่อยากไป มันคือความรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นความโคตรเท่ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ นอกจากจะได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านี้ด้วยตัวเอง ซึ่งนี่ก็เป็นไอเดียสำคัญที่ทีมพัฒนาของ TOYOTA ได้หยิบเอาความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ ที่อยากให้คนรอบตัวได้มีความสุขจากรถคันนั้นของเค้า เป็นจุดกำเนิดของแนวคิด “The New Value Pioneer” ที่ใส่ฟังก์ชั่น และความปลอดภัยมาให้อย่างล้นหลาม ในรถซับคอมแพคที่ราคาคุ้มเกินคุ้ม ตอบคุณสมบัติควรค่าจะเป็นรถคันแรกในการครอบครองได้ครบทุกข้อ THE BUDGET สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่ควรจะตอบตัวเองให้ได้ก่อนจะซื้อรถสักคัน คือเรื่องเงินในบัญชี การซื้อรถยนต์สักคันไม่ใช่เรื่องเล็ก จึงจำเป็นต้องตั้งงบประมาณให้ดี จำกัดงบให้สอดคล้องกับความสามารถทางการเงิน รายได้หักค่าใช้จ่าย หักภาษี หักเงินเก็บ
ใกล้เข้ามาทุกที กับ Tokyo Motor Show 2017 เทศกาลรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของฝั่ง JDM ที่แม้แต่ฝรั่งยังต้องบินมาเยี่ยมชม เพราะมีครบทั้งรถเท่ รถคลั่ง รถแรง และรถรุ่นใหม่ ๆ ที่มักจะนำมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่นี่ และปีนี้เป็นปีที่แฟน ๆ ซูบี้จะได้ตื่นเต้นก่อนใคร เพราะ Subaru จะเปิดตัว 2 รุ่นพิเศษเป็นครั้งแรกในงานนี้ มีทั้ง WRX STi S208 และ BRZ STi Sport Edition ในโทนสีเดียวกัน ขอเริ่มจาก Subaru BRZ STi Sport Edition ก่อน เพราะนับตั้งแต่วันที่เปิดผ้าคลุมรถ Sport Coupe คันนี้ออกมา คนทั้งโลกก็ต่างเฝ้ารอวันที่ Subaru จะปลุกเสกเวอร์ชั่น STi เรียกพลังให้ BRZ แรงสมกับหน้าตา ลบคำครหาว่าแรงแต่รูป สูบไม่ไป แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่โผล่มาสักที ตอนนี้มันโผล่มาแล้วครับ
ไม่ว่าใครก็ต้องการรถยนต์ที่ขับดูดี ขับสนุก ขับแล้วภาคภูมิใจ ที่สำคัญคือ มีรูปลักษณ์โดดเด่นสวยงามสะดุดตากันทั้งนั้น แต่จะมีรถแบบที่ว่าสักกี่คัน ที่มีคุณสมบัติตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วน โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเรา การซื้อรถสักคันนั้น มันต้องมีความเจ๋งอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในรถคันนั้นด้วย DNA ความเจ๋งที่ว่านี้แหละ เป็นจุดที่จะทำให้เรารู้สึกหลงใหลรถแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากกว่าอีกแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และแน่นอน ฟีลลิ่งการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเข้มข้นผ่านทุกยุคสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่ที่ล้ำหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับ DNA ของรถยนต์ MINI ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังมองหารถสักคันหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นรถที่ขับสนุก เร้าใจ ได้ฟีลลิ่งความมันส์เสมือนขับ Go-Kart ในสนามแข่ง และมีความแตกต่างเป็นตัวของตัวเองกว่าใครบนท้องถนน สะท้อนคาแรคเตอร์ของผู้ขับได้ทันที ก็คงจะเป็นรถยนต์จากค่ายอื่นไปไม่ได้ ด้วยสมรรถนะระดับตำนานที่เป็นเลิศจนยากจะมีใครเลียนแบบได้ ยังคงถูกถ่ายทอดต่อมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จนหลายคนถึงกับยกย่องให้รถยนต์จากค่าย MINI เป็นหนึ่งในตำนานที่ยังมีชีวิต และไม่เคยทิ้งจิตวิญญาณความเป็นตัวเองไปเลยแม้แต่น้อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เรียกว่าเห็นแค่เสี้ยวเดียวของรถ หรือได้ยินคำว่า MINI แม้แต่คนที่ไม่ได้สนใจรถยนต์ ยังสามารถนึกภาพในหัวออกได้ทันที วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักเรื่องราวของรถยนต์ไซส์กะทัดรัด แต่สมรรถนะใหญ่เกินตัว จากต้นกำเนิดมาจนถึงยุคปัจจุบัน และหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยว่า ทำไม MINI ถึงได้กลายเป็นรถที่คนนิยมไม่เสื่อมคลาย คงต้องย้อนไปไกลถึงปี 1959 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีคนทั่วไปได้ทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์
ผู้ชายกับ Supercar มันเกิดมาคู่กันแบบยากจะแยก บางคนชื่นชมผลงานการออกแบบทุกเส้นสาย บางคนก็ถึงขั้นอยากออกแบบสร้างมันขึ้นมาเองซะเลย ซึ่งถ้าพูดถึงการทำอะไรต้องสุดทาง คงไม่มีใครเกินคนญี่ปุ่นเป็นแน่ และคนที่มีชื่อเสียงสุด ๆ มีความอินกับรถ Supercar สุด ๆ ไล่ตามความฝันไปถึงขั้นเคยเป็น head of designer ให้กับ Ferrari และ Pininfarina ออกแบบรถสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์อย่าง Ferrari Enzo และ Maserati ‘birdcage 75th’ ก็เป็นผลงานของผู้ชายสายเลือดบูชิโดที่ชื่อ Ken Okuyama Ken Okuyama ชายผู้ผันตัวมาสร้างสรรค์ผลงานน่าตื่นเต้นใหม่ ๆ ถูกใจเศรษฐีญี่ปุ่นกันมาแล้วก่อนหน้านี้ไม่นาน กับรหัส Kode9, the 1960’s italian racing cars ที่ผสมผสานกลิ่นอายของ Italian Supercar ให้เข้ากับความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว มาถึงผลงานชิ้นล่าสุด Kode57 ที่อยู่ตรงข้ามกับความเรียบง่าย หันไปเน้นความฉูดฉาดจากพื้นฐานของ Ferrari แต่ถูกปรับแต่งดีไซน์ลายเส้นใหม่ให้ดูเก๋าสไตล์ Race car
ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าบรรดาคนดังนั้นล้วนมีส่วนสำคัญในการชักจูงใจให้เราอยากทำตัวเลียนแบบตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมล้วนขอให้เหมือนกับไอดอลในดวงใจไว้ก่อน เพราะจากความเชื่อของผู้ชายที่คิดว่าบุคคลต้นแบบนั้นมีความเท่ คูลอยู่แล้ว หากเราทำตามก็จะดูดีไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าผ้าใบที่เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนเองก็มักจะเลือกซื้อตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ดังนั้นเราจะพามาดูว่าคนดังคนไหนเคยใส่รองเท้ารุ่นอะไรแล้วทำให้เกิดเป็นกระแสให้คนอยากไปซื้อมาใส่ตามจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันบ้าง Kurt Cobain = Converse All Star , Jack Purcell ราชาเพลงกรันจ์ผู้เป็นตำนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การแต่งตัว หรือดนตรี ที่ตัวของเขาชื่นชอบการใส่รองเท้า Convers Chuck Taylor All Star และ Jack Purcell เป็นชีวิตจิตใจแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเองก็ยังสวมใส่รองเท้า Converse ความนิยมของ Kurt ถึงขั้นทำให้ผู้ชายทั่วโลกต้องเลือกซื้อรองเท้า Converse เพราะว่าอยากจะแต่งตัวตามเขา ซึ่งตัวของ Kurt Cobain เองก็จะสวมใส่เพียงรองเท้าสีดำเท่านั้น แล้วนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดเซอร์ จนเกิดเป็นสไตล์กรันจ์ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี เวลานึกถึง Converse ก็จะนึกถึง Kurt Cobain เช่นกัน Paul Walker =
แม้ชีวิตในเมืองจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตในเมืองใหญ่มักถูกจํากัดไว้ด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง หน้าที่การงานอันบีบคั้นซึ่งต้องแข่งขันกับเวลา บ่อยครั้งที่ Urban Men อย่างเรา ๆ ต้องจัดสรรชีวิตเผื่อให้กับภาระกิจรอบด้าน จนไม่เหลือพื้นที่สําหรับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัว แค่จะหาความสุขจากการเริ่มต้นเติมพลังชีวิตในเช้าวันใหม่ ด้วยการดื่มกาแฟดี ๆ สักแก้ว ก่อนออกไปผจญความวุ่นวายในเมือง ยังดูเป็นสิ่งที่ทําได้ลําบาก เพราะคงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงนัก หากจะต้องตื่นเช้าขึ้นอีกชั่วโมง สองชั่วโมง บากบั่นดั้นด้นเดินทางในช่วงเวลาเร่งรีบเพียงเพื่อจะแวะจิบกาแฟแก้วโปรดที่ร้านประจําระหว่างทาง ก่อนที่จะตาลีตาเหลือกไปเข้างานให้ทัน โดยที่ยังไม่ได้ละเลียดรสชาติกาแฟให้เต็มที่เสียด้วยซํ้า จะดีกว่าไหมหากเราสามารถสร้างพื้นที่ความสุข ดื่มด่ำรสชาติของกาแฟด้วยการชงกาแฟสดจากเมล็ดคั่วบดดื่มเองจากที่บ้าน ฉีกข้อจํากัดของเวลาที่เร่งรีบ ด้วยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Nespresso Essenza Mini ผู้ช่วยสําคัญที่จะมาสร้างช่วงเวลาสุนทรีจากการดื่มกาแฟ ซึ่งผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีเพื่อตอบสนอง Lifestyle คนเมืองได้ถูกจุด ตรงใจ กับชีวิตที่ไม่เพียงแค่ถูกจํากัดอยู่ในกรอบเวลาอันเร่งรีบ เพราะในเรื่องของพื้นที่อยู่อาศัยภายในเมืองคืออีกหนึ่งข้อจํากัดที่ต้องใช้สอยแทบทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ดูจากชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าที่พื้นที่ไม่ใช่ปัญหาของ Nespresso Essenza Mini ด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด ดีไซน์เรียบเท่ร่วมสมัย สามารถแทรกตัวอยู่ในครัว ห้องนั่งเล่น ห้องทํางาน หรือมุมกาแฟเล็ก ๆ ในออฟฟิศได้อย่างกลมกลืน ดูเผิน ๆ
สูท ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายได้ดีอย่างหนึ่ง แต่ด้วยวัฒนธรรมของคนไทยที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับมันเสียเท่าไหร่ เนื่องด้วยโอกาส และอากาศที่มีให้เลือกใส่ได้น้อยครั้ง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วผู้ชายอย่างเราจะได้ใส่สูทก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ งานเลี้ยง หรือจะเป็นงานแต่งใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความเป็นทางการเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากหนุ่มไทยหลายคนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อยไปเสียหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีความรู้ อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดจะตัดชุดสูทสักชุดไว้ใส่ลุยทุกงานว่าควรจะต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงนำชุดสูท 4 แบบที่สามารถพบเห็นได้ง่าย และสามารถใช้เป็นไกด์แนวทางหากต้องการชุดสูทแบบครอบจักรวาลสามารถไปได้ทุกงาน Plain Navy One-Button เป็นสูทที่นิยมกันมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และนิยมขายแบบสำเร็จรูป ถ้าคุณมีช่วงลำตัวสั้น สูทแบบ 1 กระดุมจะเป็นแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่รัดจนเกินไป และไม่ทำให้สูทเข้ารูป จึงเหมาะกับคนที่ต้องการพรางรูปร่างช่วงลำตัว แต่ถ้าเราพอมีทุนทรัพย์เพียงพอ การหาร้านตัดสูทดี ๆ แบบสั่งตัด เลยก็ดีกว่าเพราะเราจะสามารถเลือกคัทติ้ง และเนื้อผ้าแบบที่ชอบเองได้ โดยที่อาจจะเลือกเป็นผ้าน้ำหนักปานกลาง ประมาณ 11-12 oz เพื่อให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนจนไป แถมกันหนาวได้ด้วย ซึ่งถ้าต้องเลือกเฉดสีที่กลาง ๆ สามารถใส่ได้บ่อยสุดก็คงหนีไม่พ้น Navy เพราะจะใส่ไปออกงาน ไหนก็ดูดีได้ไม่ซ้ำใคร Plain Grey Two-Button ก่อนหน้านี้เราบอกไปแล้วว่าอยากให้ใส่สูทสีเข้ม เพื่อพรางตัว และใส่ได้ทุกโอกาส
บางคนมักจะมีปัญหากับกระเป๋าเดินทางอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเรื่องของการที่กระเป๋ามีน้ำหนักเกิน หรือโดนคนอื่นหยิบกระเป๋าผิดไป ไม่ก็เราหยิบผิดเอง เนื่องจากหน้าตาของกระเป๋าเดินทางส่วนมากคล้ายกันไปหมด หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังประสบปัญหาเหล่านี้ บวกกับกำลังมองหากระเป๋าเดินทางใบใหม่อยู่พอดี วันนี้เรามีกระเป๋าเดินทางดี ๆ มาแนะนำ อีกทั้งยังรับประกันได้เลยว่า ปัญหาทุกอย่างที่คุณเจอมาจะหมดไป เพียงแค่คุณได้ลองใช้ “Freitag Zippelin” ใบนี้ หลายคนคงรู้จักแบรนด์ที่มีชื่อว่า “Freitag” กันบ้างอยู่แล้ว อาจจะด้วยความโดดเด่นของวัสดุที่ใช้ในการผลิตกระเป๋าอย่างผ้าใบรถบรรทุกที่ผ่านการรีไซเคิล หรือว่าจะเป็นถุงผ้าใบที่มีภาพพิมพ์ดีไซน์เท่ ๆ ทำให้กระเป๋าจากแบรนด์ “Freitag” นั้นมีข้อดีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของลวดลายที่ไม่มีใครเหมือน และความสามารถในการกันน้ำได้เป็นอย่างดีจากการที่ใช้ผ้าใบเป็นวัตถุดิบหลักในการทำกระเป๋า “Freitag” ทำกระเป๋าหลากหลายรูปแบบออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเป้ รวมไปถึงกระเป๋าเดินทางอย่าง “Freitag Zippelin” ที่เรากำลังจะพูดถึงเป็นพิเศษในวันนี้ด้วย “Freitag Zippelin” เป็นกระเป๋าเดินทางขนาดความจุ 85-Liter ที่มีการผสมผสานกระเป๋าเดินทางแบบ Duffel กับ Rolling Suitcase เข้าด้วยกัน โดย “Freitag Zippelin” ใบนี้ มีการติดตั้งล้อมาให้เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมันมีขนาดความกว้าง 16.5 นิ้ว สูง
เจอจั่วหัวไปอาจจะงง ก็เห็นอยู่ว่ามันชื่อ Polaroid แต่ทำไมมันไม่ได้ผลิตโดย Polaroid ที่จริงแล้ว Polaroid เลิกผลิตกล้องไปแล้วเป็นเวลาร่วม 10 ปี และเลิกผลิตฟิลม์ไปแล้วประมาณ 9 ปี ซึ่งแฟนพันธ์แท้กล้อง Polarod อาจจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า มีกลุ่มคนที่หลงรักเสน่ห์ของมัน ไม่ยอมปล่อยให้แบรนด์นี้ตายไปจากประวัติศาสตร์ จึงเปิดบริษัทชื่อ Impossible Project พร้อมเช่าโรงงานและกว้านซื้ออุปกรณ์ Polaroid ทั้งหมด กระบวนการผลิต พร้อมสิทธิการใช้ชื่อแบรนด์ Polaroid เพื่อสานต่อการผลิต Instant Camera ต่อไป ในช่วงแรก Impossible Project เน้นผลิตฟิลม์ Polaroid เพียงอย่างเดียว ก่อนจะเปิดตัวกล้องโปรเจคแรกไปเมื่อปีที่แล้ว ในชื่อ i-1 กล้องหน้าตาสุด vintage แต่ผสมผสานเทคโนโลยีกล้องทันสมัยเข้าไป และปีนี้ Impossible Project ได้เปิดตัวโปรเจคที่ดึงเอาความเป็น Polaroid ออกมาใช้แบบเต็ม ๆ ทั้งรูปทรงและชื่อแบรนด์ โดยมีการดึงเอาโมเดลเก่า OneStep ปี 1977
หากกล่าวถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่บ่งบอก และสะท้อนความเป็นอเมริกันชน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Tommy Hilfiger อยู่ในนั้น เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนในการปฎิวัติสไตล์การแต่งตัวของชาวอเมริกันรวมถึงคนทั่วโลก ย้อนกลับไปราว ๆ 30 กว่าปีก่อน นาย Thomas Jacob Hilfiger ต้องการอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาและเพื่อนได้ลงขันเพื่อรับเสื้อผ้ามาขายจนเกิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ โดยพวกเขาใช้ชื่อร้านว่า People’s Place ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้ Thomas สามารถขยายสาขาได้กว่า 10 สาขาในเวลาไม่นาน เขาจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าสู่การมีธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ธุรกิจที่ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย แต่ก็ต้องมาสะดุดในปีที่ 7 ของการทำงาน เพราะว่างานที่มุ่งเน้นแต่เรื่องดีไซน์ แต่ขาดความรอบคอบ และเชี่ยวชาญในการบริหารเงิน ก็ไม่อาจทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ เมื่อร้าน People’s Place ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนสุดท้าย Thomas ต้องร้องขอต่อศาลให้กลายเป็นบุคคลล้มละลายด้วยวัยเพียง 25 ปี จากความล้มเหลวในครั้งนี้ เขาจึงได้ค้นพบว่าการดูแลการเงิน และงานบริหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจแฟชั่นไม่แพ้เรื่องของดีไซน์เสื้อผ้า หลังจากล้มเหลวในธุรกิจแรก เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก
ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ผู้ชายเมืองค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้การแต่งตัวมีความอิสระหลากหลาย แถมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถูกตีกรอบว่าจะต้องใส่สูทผูกไทด์มาทำงาน ปัจจุบันเทรนด์การแต่งตัวที่เรียกว่า ‘สปอร์ตแวร์’ จึงได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากความคล่องแคล่ว เคลื่อนไหวง่าย สวมใส่สบาย อีกทั้งดีไซน์ของเสื้อผ้าแนวสปอร์ตสปอร์ตยุคนี้ สามารถทำออกมาได้รับกับสไตล์คนเมืองที่สามารถใส่ไปเที่ยว ทำงาน รวมถึงไปออกกำลังกายแบบเท่ ๆ ได้ไม่แพ้การแต่งตัวประเภทอื่น ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าการแต่งตัวแนวสปอร์ต คือต้องใส่เสื้อกีฬา กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบเทรนนิ่งเท่านั้น แต่ช้าก่อน เพราะสปอร์ตแวร์แนวคิดใหม่ของ JASPAL MAN ที่ออกแบบเสื้อผ้าโดยนำเอาสไตล์โอเรียนทอลมามิกซ์กับสไตล์ฟิวเจอริสติก ทำให้ได้สไตล์เสื้อผ้าที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน เดินห้าง แฮงเอาท์ อย่างดูดีได้ และยังพร้อมใช้ใส่ออกกำลังกายอย่างมีสไตล์ได้อีกด้วย วันนี้เราขอแนะนำ Style Guide “THE ACTIVE STYLE” ที่ผู้ชาย UNLOCKMEN สายสปอร์ตไม่ควรพลาด เพราะสามารถนำไปปรับประยุกต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard, Play Hard ของเราได้ เพื่อความหล่อของร่างกาย และสุขภาพที่ดีได้พร้อมกัน THE ACTIVE STYLE Active Style จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่เหมาะสมกับหนุ่มไทยในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นชุดที่ตอนเช้าใส่ไปทำงาน พอตกเย็นสามารถใส่ชุดเดียวกันเพื่อไปออกกำลังกายต่อได้ แบบไม่ต้องพกเสื้อผ้าเยอะแยะวุ่นวาย
ช่วงเวลาที่ตื่นเต้น มีความสุขจนที่สุดสำหรับผู้ชาย คงไม่มีโอกาสไหนจะดีไปกว่าช่วงมองหารถคันใหม่ จาก ที่เคยนั่ง ๆ นอน ๆ เราจะพุ่งไปค้นหาสารพัดข้อมูลรถยนต์ อัพเดททุกเทคโนโลยีเท่าที่มีในท้องตลาด ย้อนไป ถึงจุดเริ่มต้นก่อตั้งแบรนด์ในประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดใจสุดๆ ด้วยความรู้สึกรักพี่เสียดายน้อง คันนั้นก็ดี คันนี้ก็อยากได้ แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ ในรูปทรงเดิม ๆ เราอยากแนะนำให้ลองหันไปมองรถ SUV เป็นอีกหนึ่งไอเดียทางเลือก ด้วยศักยภาพที่รวมเอาจุดเด่นของรถทุกแบบเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ Work Life Balance ได้อย่างครบถ้วนในคันเดียว ซึ่งปัจจุบันรถ SUV ก็มีความสปอร์ต หรูหรา เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบาย สมรรถนะที่ดี และความปลอดภัยที่เพียบพร้อม ทันสมัยไม่แพ้กัน ขนไปได้ครบครันทั้งเพื่อนฝูง สมาชิกครอบครัว และข้าวของสัมภาระมากมาย และที่สำคัญคือรถ SUV ก็มีความเป็นสปอร์ต พรีเมียม อยู่สายเลือดอย่างเต็มเปี่ยม และนี่คือเหตุผลบางข้อ ที่แม้แต่ Hugo จุลจักร จักรพงษ์ ยังหันมาเลือกใช้รถ SUV อเนกประสงค์ เป็นรถในชีวิตประจำวัน DRIVE