ซัมซุงจัดงานเปิดตัว “ซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 8” (Samsung Galaxy Note8) สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดที่เคยมีมา อย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Do Bigger Things – ทำให้ใหญ่กว่า ใจคิด” ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลที่ต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว 22 กันยายนนี้ ในงานเปิดตัวได้รับเกียรติจากไทยเทเนี่ยม วงแร็พเปอร์ชื่อดังแห่งยุคมาโชว์ลีลาแร็พเพลงที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษสำหรับซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 8 โดยเฉพาะ พร้อมด้วย เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี นักแสดงและนักเขียนบทสายฮา, ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา เจ้าของ Hive Salon, พะยูน-ปัณพัท เตชเมธากุล และ ออสซี่-อรช โชลิตกุล คู่หูนักวาดภาพไทยที่มีผลงานระดับโลก มาร่วมแชร์ประสบการณ์ Do bigger things นอกจากนี้ยังมีดาราและเซเลบชื่อดังเข้ารวมงาน บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด จุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างวิถีแห่งอนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
ต้องยอมรับในข้อหนึ่งว่าบรรดาคนดังนั้นล้วนมีส่วนสำคัญในการชักจูงใจให้เราอยากทำตัวเลียนแบบตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมล้วนขอให้เหมือนกับไอดอลในดวงใจไว้ก่อน เพราะจากความเชื่อของผู้ชายที่คิดว่าบุคคลต้นแบบนั้นมีความเท่ คูลอยู่แล้ว หากเราทำตามก็จะดูดีไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าผ้าใบที่เราเชื่อว่าชาว UNLOCKMEN หลายคนเองก็มักจะเลือกซื้อตามไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ ดังนั้นเราจะพามาดูว่าคนดังคนไหนเคยใส่รองเท้ารุ่นอะไรแล้วทำให้เกิดเป็นกระแสให้คนอยากไปซื้อมาใส่ตามจนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองกันบ้าง Kurt Cobain = Converse All Star , Jack Purcell ราชาเพลงกรันจ์ผู้เป็นตำนานไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การแต่งตัว หรือดนตรี ที่ตัวของเขาชื่นชอบการใส่รองเท้า Convers Chuck Taylor All Star และ Jack Purcell เป็นชีวิตจิตใจแม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาเองก็ยังสวมใส่รองเท้า Converse ความนิยมของ Kurt ถึงขั้นทำให้ผู้ชายทั่วโลกต้องเลือกซื้อรองเท้า Converse เพราะว่าอยากจะแต่งตัวตามเขา ซึ่งตัวของ Kurt Cobain เองก็จะสวมใส่เพียงรองเท้าสีดำเท่านั้น แล้วนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงยีนส์ขาด ๆ เสื้อยืดเซอร์ จนเกิดเป็นสไตล์กรันจ์ที่แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี เวลานึกถึง Converse ก็จะนึกถึง Kurt Cobain เช่นกัน Paul Walker =
แม้ชีวิตในเมืองจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตในเมืองใหญ่มักถูกจํากัดไว้ด้วยความเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง หน้าที่การงานอันบีบคั้นซึ่งต้องแข่งขันกับเวลา บ่อยครั้งที่ Urban Men อย่างเรา ๆ ต้องจัดสรรชีวิตเผื่อให้กับภาระกิจรอบด้าน จนไม่เหลือพื้นที่สําหรับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนตัว แค่จะหาความสุขจากการเริ่มต้นเติมพลังชีวิตในเช้าวันใหม่ ด้วยการดื่มกาแฟดี ๆ สักแก้ว ก่อนออกไปผจญความวุ่นวายในเมือง ยังดูเป็นสิ่งที่ทําได้ลําบาก เพราะคงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงนัก หากจะต้องตื่นเช้าขึ้นอีกชั่วโมง สองชั่วโมง บากบั่นดั้นด้นเดินทางในช่วงเวลาเร่งรีบเพียงเพื่อจะแวะจิบกาแฟแก้วโปรดที่ร้านประจําระหว่างทาง ก่อนที่จะตาลีตาเหลือกไปเข้างานให้ทัน โดยที่ยังไม่ได้ละเลียดรสชาติกาแฟให้เต็มที่เสียด้วยซํ้า จะดีกว่าไหมหากเราสามารถสร้างพื้นที่ความสุข ดื่มด่ำรสชาติของกาแฟด้วยการชงกาแฟสดจากเมล็ดคั่วบดดื่มเองจากที่บ้าน ฉีกข้อจํากัดของเวลาที่เร่งรีบ ด้วยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Nespresso Essenza Mini ผู้ช่วยสําคัญที่จะมาสร้างช่วงเวลาสุนทรีจากการดื่มกาแฟ ซึ่งผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีเพื่อตอบสนอง Lifestyle คนเมืองได้ถูกจุด ตรงใจ กับชีวิตที่ไม่เพียงแค่ถูกจํากัดอยู่ในกรอบเวลาอันเร่งรีบ เพราะในเรื่องของพื้นที่อยู่อาศัยภายในเมืองคืออีกหนึ่งข้อจํากัดที่ต้องใช้สอยแทบทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ดูจากชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าที่พื้นที่ไม่ใช่ปัญหาของ Nespresso Essenza Mini ด้วยขนาดตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด ดีไซน์เรียบเท่ร่วมสมัย สามารถแทรกตัวอยู่ในครัว ห้องนั่งเล่น ห้องทํางาน หรือมุมกาแฟเล็ก ๆ ในออฟฟิศได้อย่างกลมกลืน ดูเผิน ๆ
มีหลายคนที่ตอนนี้กำลังอยู่ในออฟฟิศในขณะที่อาการเมาค้างยังคงทำการเหวี่ยงศีรษะไปจนแทบจะอ้วกแตก หลังจากที่ปาร์ตี้ และดื่มสุรามาสารพัดชนิดเมื่อคืนที่ผ่านมา บางคนก็อาจจะรู้มากรีบปิด Tag งดการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ตั้งแต่ในคืนวันปาร์ตี้ เพื่อจะได้เตรียมการโทรลาป่วยกับเจ้านายในตอนเช้าได้อย่างแนบเนียน แต่อย่างที่รู้ ๆ กันว่า ไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่บริษัทไหนบนโลกก็ตามคงจะไม่มีที่ไหนเห็นดีเห็นงามในการลาหยุด ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อคืนดื่มเหล้าหนักไปหน่อยเลยไปทำงานไม่ไหวครับเจ้านายแน่ ๆ ยกเว้นบริษัทหนึ่งในประเทศอังกฤษที่ทำให้พนักงานของเขาไม่ต้องใช้ข้ออ้างใด ๆ ให้มีเรื่องต้องผิดใจกันกับเจ้านายในภายหลัง บริษัทที่ว่านี้มีชื่อว่า DICE เป็นบริษัทจัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ต และเพื่อให้พนักงานในบริษัททุกคนนั้น มีประสบการณ์ และหลงใหลในการเสพดนตรีพวกเขาจึงสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งให้พนักงานออกไปเที่ยวในตอนกลางคืน และดูการเล่นสดของวงดนตรีต่าง ๆ รวมไปถึงการออกไปฟังดนตรีสดตามผับ และบาร์ แน่นอนว่า การออกไปเที่ยวยามราตรีนั้นคงจะหนีไม่พ้นการดื่มอย่างแน่นอน บริษัท DICE ก็ยินดีให้พนักงานที่เมาหนักมาเมื่อคืนลางานได้!! โดยไม่มีความผิด แต่ขอแค่ให้พนักงาน Text หานาย Phil Hutcheon ซึ่งเป็นบอสของพวกเขาด้วย Emoticon ตามที่กำหนดมาได้แก่ Emoticon *music*, *beer* หรือ *sickface* ผ่านทาง WhatApps เท่านั้นเป็นอันรู้กันว่า เมื่อคืนหนักมาแล้ววันนี้ขอลาเพราะเมาค้างอยู่นะครับเจ้านาย Phil Hutcheon อธิบายเอาไว้ว่า “ทีมงานของเราทุกคนต้องอยู่กับเสียงดนตรี และการแสดงสด
สูท ถือเป็นสิ่งที่บ่งบอกความเป็นชายได้ดีอย่างหนึ่ง แต่ด้วยวัฒนธรรมของคนไทยที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับมันเสียเท่าไหร่ เนื่องด้วยโอกาส และอากาศที่มีให้เลือกใส่ได้น้อยครั้ง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วผู้ชายอย่างเราจะได้ใส่สูทก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ งานเลี้ยง หรือจะเป็นงานแต่งใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความเป็นทางการเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากหนุ่มไทยหลายคนจะอ่อนด้อยประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้น้อยไปเสียหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีความรู้ อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจว่าถ้าเกิดจะตัดชุดสูทสักชุดไว้ใส่ลุยทุกงานว่าควรจะต้องเลือกยังไง วันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงนำชุดสูท 4 แบบที่สามารถพบเห็นได้ง่าย และสามารถใช้เป็นไกด์แนวทางหากต้องการชุดสูทแบบครอบจักรวาลสามารถไปได้ทุกงาน Plain Navy One-Button เป็นสูทที่นิยมกันมากที่สุด เพราะหาซื้อง่าย และนิยมขายแบบสำเร็จรูป ถ้าคุณมีช่วงลำตัวสั้น สูทแบบ 1 กระดุมจะเป็นแบบที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่รัดจนเกินไป และไม่ทำให้สูทเข้ารูป จึงเหมาะกับคนที่ต้องการพรางรูปร่างช่วงลำตัว แต่ถ้าเราพอมีทุนทรัพย์เพียงพอ การหาร้านตัดสูทดี ๆ แบบสั่งตัด เลยก็ดีกว่าเพราะเราจะสามารถเลือกคัทติ้ง และเนื้อผ้าแบบที่ชอบเองได้ โดยที่อาจจะเลือกเป็นผ้าน้ำหนักปานกลาง ประมาณ 11-12 oz เพื่อให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนจนไป แถมกันหนาวได้ด้วย ซึ่งถ้าต้องเลือกเฉดสีที่กลาง ๆ สามารถใส่ได้บ่อยสุดก็คงหนีไม่พ้น Navy เพราะจะใส่ไปออกงาน ไหนก็ดูดีได้ไม่ซ้ำใคร Plain Grey Two-Button ก่อนหน้านี้เราบอกไปแล้วว่าอยากให้ใส่สูทสีเข้ม เพื่อพรางตัว และใส่ได้ทุกโอกาส
หากพูดถึงคงไม่มีใครไม่รู้จัก IKEA (อีเกีย) แบรนด์จำหน่ายเครื่องเรือนและของใช้ในบ้าน สุดโด่งดัง นับตั้งแต่แบรนด์ได้เข้ามาประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 6 ปี วันนี้เราจะพาสาวกอีเกียไปรู้จักตัวตนของแบรนด์มากขึ้น IKEA เริ่มก่อตั้งขึ้นในประเทศสวีเดนเมื่อปี 1943 (พ.ศ. 2486) อิเกียได้มุ่งมั่นสรรสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ผู้คนทั่วไปในทุก ๆ วัน ด้วยการนำเสนอเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่มีรูปแบบหลากหลาย ดีไซน์สวยงาม พร้อมทั้งประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่า ในราคาที่ผู้คนทั่วไปเป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันอิเกียเป็นบริษัทค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีจำนวนสโตร์มากกว่า 393 แห่ง ใน 48 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัท อิคาโน่ จำกัด (Ikano Private Limited) ผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนให้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และร่วมส่งเสริมโครงการต่าง ๆ ที่สร้างประโยชน์ให้แก่เยาวชนและสิ่งแวดล้อม “ไม่ว่าใครก็มีบ้านในฝันกันได้ทั้งนั้น” นี่คือแนวคิดเบื้องต้นและเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์แคตตาล็อกอิเกียเล่มใหม่ที่ชวนทุกคนมาจัดสรรพื้นที่ให้กับชีวิต Make Room for Life ด้วยแรงบันดาลใจและไอเดียในการจัดแต่งห้อง ที่จะทำให้ห้องเล็ก ๆ กะทัดรัดสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของทุกคนในครอบครัว และเนรมิตพื้นที่การใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัวตามที่ใจฝัน นางเบญจวรรณ อูมาร์ค ผู้จัดการสโตร์
“ไม่ได้อยากให้ทุกคนแค่ซื้อสินค้ามาใช้ แต่อยากให้ทุกคนรู้สึกอุ่นใจที่มีมูจิอยู่ในไลฟ์สไตล์” คือประโยคจากปากของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินชื่อของเขาเป็นครั้งแรก แต่ในระดับโลกชื่อของนาโอโตะ ฟุคาซาวะ ได้รับการยอมรับในฐานะดีไซน์เนอร์ที่เคยร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกทั้งในอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สเปน รวมทั้งในเอเชีย นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังครองตำแหน่งคณะกรรมการที่ปรึกษางานดีไซน์ของมูจิ แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติญี่ปุ่นที่ดึงดูดและครอบครองใจคนไปทั่วโลก ในโอกาสฉลอง “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” มูจิ จึงจัดนิทรรศการ “What is MUJI?” นิทรรศการที่จะทำให้เรารู้จักแก่นแท้งานดีไซน์ของสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครองใจคนจำนวนมาก รวมถึงเปิดโอกาสให้ UNLOCKMEN ได้ร่วมพูดคุยกับ นาโอโตะ ฟุคาซาวะ ดีไซเนอร์คนสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้ มูจิ โด่งดังไปทั่วโลกด้วย ดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นเรื่องสำคัญของมูจิ “การออกแบบสินค้ามูจิแต่ละชิ้นจะมองที่ฟังก์ชั่นเป็นหลัก เพราะดีไซน์พยายามที่จะทำให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้” นี่คือคำตอบจากนาโอโตะ ฟุคาซาวะเมื่อถูกถามถึงงานออกแบบของมูจิที่แม้เราจะเห็นว่าออกมาเรียบง่าย แต่ก็ดึงดูดใจ ใครจับจองเป็นเจ้าของไปแล้วมักไม่เคยหยุดที่ชิ้นเดียว แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าสินค้าทุกชนิดของมูจิ ให้ความสำคัญกับการใช้งานมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ละเลยเรื่องการดีไซน์และพยายามย้ำกับเราว่า “แต่ก็พยายามให้ดีไซน์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นด้วย” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สินค้าของมูจิแต่ละชิ้นทั้งใช้งานได้ และมีดีไซน์น่าใช้จนใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ Wahat is MUJI: อบอุ่นใจ เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ มูจิไม่ใช่แค่สินค้า
มินิมอลสไตล์ การแต่งตัวแบบเรียบง่าย ไม่เน้นลวดลายเยอะ ค่อนข้างจะได้รับความนิยมในบ้านเรา ด้วยความดูดีได้แบบไม่ต้องเยอะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มไทยที่ไม่ได้ต้องการความเป็นแฟชั่นจ๋า เน้นฟังก์ชั่นให้ใส่ได้ทุกโอกาสเป็นหลัก พร้อมทั้งยังสามารถนำกลับมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ สำหรับคนที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าจริง ๆ แล้วความหมายในเชิงการแต่งตัวสไตล์มินิมอลเป็นเช่นไร ทีมงาน UNLOCKMEN จะขอนิยามคำจำกัดความแบบง่ายว่า “การแต่งตัวน้อย” ซึ่งน้อยในที่นี่ไม่ได้แปลว่า ต้องแต่งน้อยชิ้น เพียงเสื้อกางเกงจบ การแต่งตัวสไตล์มินิมอล คุณจะสามารถเล่นกับเลเยอร์ก็ได้ เพียงแต่เราจะไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่อง รูปทรงสัดส่วน ลวดลาย และสี สักเท่าไหร่ จะเน้นอะไรที่เรียบง่ายเข้าไว้ ใส่ได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ แม้กระทั่งเครื่องประดับ ซึ่งสไตล์การแต่งตัวแบบมินิมอลที่เหมาะคนไทย ก็เป็นอะไรที่ง่ายจนคุณแทบจะไม่ต้องคิดอะไร อีกทั้งสามารถทำได้เสมอ เพราะเนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้วิธีการแต่งตัวมินิมอลแบบไทย ๆ ก็คือการสวมเสื้อเชิ้ตสไตล์ oxford กับกางเกง chinos สีเบจ แล้วก็สวมรองเท้า dress shoes อย่าง loafer หรือ oxford โทนน้ำตาล เรียกได้ว่าเป็นชุดเก่งไม้ตายสำหรับหนุ่มมินิมอลไทย และเพื่อเพิ่มไอเดียในการแต่งตัวไม่ให้จำเจ ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้นำสไตล์จากร้านแบรนด์ดังที่ได้คัดสรรมาแล้วว่ามีสไตล์เรียบง่าย ตอบโจทย์ความมินิมอล
หากกล่าวถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่บ่งบอก และสะท้อนความเป็นอเมริกันชน แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Tommy Hilfiger อยู่ในนั้น เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขามีส่วนในการปฎิวัติสไตล์การแต่งตัวของชาวอเมริกันรวมถึงคนทั่วโลก ย้อนกลับไปราว ๆ 30 กว่าปีก่อน นาย Thomas Jacob Hilfiger ต้องการอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เขาและเพื่อนได้ลงขันเพื่อรับเสื้อผ้ามาขายจนเกิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ โดยพวกเขาใช้ชื่อร้านว่า People’s Place ด้วยผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้ Thomas สามารถขยายสาขาได้กว่า 10 สาขาในเวลาไม่นาน เขาจึงเลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าสู่การมีธุรกิจเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ธุรกิจที่ดูเหมือนจะกำลังไปได้สวย แต่ก็ต้องมาสะดุดในปีที่ 7 ของการทำงาน เพราะว่างานที่มุ่งเน้นแต่เรื่องดีไซน์ แต่ขาดความรอบคอบ และเชี่ยวชาญในการบริหารเงิน ก็ไม่อาจทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ เมื่อร้าน People’s Place ประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง จนสุดท้าย Thomas ต้องร้องขอต่อศาลให้กลายเป็นบุคคลล้มละลายด้วยวัยเพียง 25 ปี จากความล้มเหลวในครั้งนี้ เขาจึงได้ค้นพบว่าการดูแลการเงิน และงานบริหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจแฟชั่นไม่แพ้เรื่องของดีไซน์เสื้อผ้า หลังจากล้มเหลวในธุรกิจแรก เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก
คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยให้ความสนใจเรื่องประโยชน์ใช้สอยของรองเท้า เท่ากับเรื่องดีไซน์ หรือกระแสความนิยมที่มาและไปเป็นพัก ๆ จึงเกิดปัญหาว่าเมื่อใช้ไปได้ไม่นาน กลับรู้สึกว่ามันใส่ไม่สบาย หรือบางครั้งก็ถึงขั้นทรมานเท้า สุดท้ายก็ต้องเสียเงินซื้อ หรือเปลี่ยนคู่ใหม่อยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเรื่องรองเท้า เราจะเลือกใส่ตามเทรนด์ฮิตนิยมเพียงอย่างเดียวคงไม่ดีแน่ โดยเฉพาะรองเท้าที่เราสวมใส่กันเป็นประจำ ยิ่งต้องทำหน้าที่มอบความสบายเท้าทุกก้าวเดิน ควบคู่ไปกับการเสริมบารมีความดูดี ดูเท่เข้ากับทุกสไตล์แฟชั่นการแต่งตัว โดยเฉพาะการเลือกซื้อรองเท้าแตะลำลอง ที่ควรจะมอบความนุ่มสบาย ให้สุขภาพเท้า และทุกย่างก้าวเดินได้ผ่อนคลาย แต่หลายคนอาจจะมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป โดยคิดว่าใส่อะไรก็ได้ที่มันดูดี จนมองข้ามเรื่องประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงไป ซึ่งอันที่จริงแล้วในปัจจุบัน รองเท้าแตะลำลองเพื่อสุขภาพ ก็ถูกออกแบบได้อย่างสวยงาม แถมประโยชน์การใช้งานก็ดีกว่ารองเท้าแบบธรรมดาเป็นไหน ๆ ดังนั้น UNLOCKMEN จึงมี Tips เบื้องต้นสำหรับใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าแตะลำลองคู่ต่อไป ให้เหมาะสมกับสภาพเท้า และหล่อสบายอย่างมีสไตล์ที่สุดมาแนะนำ เลือกรองเท้าแตะให้เหมาะสำหรับกิจกรรม ไม่ใช่เรื่องแปลกหากผู้ชายอย่างเราจะมีรองเท้าแตะลำลองหลายคู่ เนื่องจากรองเท้าแตะถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างรองเท้าแตะลำลอง 2 ทรงยอดฮิต Casual Sandals เป็นแบบรองเท้าที่นิยมมากที่สุดในบ้านเรา ด้วยลักษณะนุ่ม ทำจากยาง สวมใส่แล้วรู้สึกสบายเท้า โดยเฉพาะการได้ใส่หลังจากเดินด้วยรองเท้าหนังมาทั้งวัน การใส่รองเท้าทรงนี้ ช่วยให้เท้าผ่อนคลาย ระบายอากาศจากความอับชื้น
แม้แทบทุกคนจะเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าอย่าดูคนแค่ภายนอก แต่ใช่ว่าเราจะมีเวลา มีโอกาสในการเรียนรู้นิสัยใจคอใครต่อใครได้ทุกคน ยิ่งในกรณีที่พบเจอกันเป็นครั้งแรกยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีการวิจัยออกมาว่า ก่อนที่จะได้พูดคุยทำความรู้จักกันดีพอ มนุษย์ก็ใช้ประสบการณ์จากบุคลิก รูปลักษณ์ภายนอก มาเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอกันไปแล้วเรียบร้อย โดยระยะเวลาในการประเมินก็จะแตกต่างออกไป แบบฉับไวก็เริ่มตั้งแต่แว้บแรกทันทีที่เห็นหน้า ไปจนถึงราว ๆ ครึ่งนาที แต่โดยเฉลี่ยมนุษย์จะใช้เวลาแค่ไม่เกิน 7 วินาทีเท่านั้น ในการตัดสิน ให้คะแนนความน่าไว้ใจ ความน่าพูดคุย น่าคบหา ต่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ที่เราอยากให้ชาว UNLOCKMEN นำช่วงเวลา 7 วินาทีอันแสนมีค่า ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้ารู้กลยุทธ์การสร้างความประทับใจให้ตรงจุดตั้งแต่ 7 วินาทีแรก ก็เปรียบเสมือนเรามีกุญแจดอกสำคัญที่จะนำไปปลดล็อคกำแพงในจิตใจ เพิ่มแต้มต่อด้วยการสร้าง First Impression ให้ประทับใจผู้คนทั้งหลายที่เราต้องพบเจอกันเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการพบปะลูกค้า, เจรจาธุรกิจ, สัมภาษณ์งาน, สร้างมิตรใหม่, หรือเข้าหาผู้ใหญ่ในเหตุการณ์สำคัญ ใครจะไปรู้ว่า เวลาแค่ 7 วินาที อาจจะนำพาไปสู่โอกาสอันยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ง่ายขึ้น เคล็ดวิธีในการสร้าง First Impression นั้นทำได้ไม่ยาก Amy Cuddy ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสังคมจากมหาวิทยาลัย Harvard
ทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ผู้ชายเมืองค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้การแต่งตัวมีความอิสระหลากหลาย แถมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ถูกตีกรอบว่าจะต้องใส่สูทผูกไทด์มาทำงาน ปัจจุบันเทรนด์การแต่งตัวที่เรียกว่า ‘สปอร์ตแวร์’ จึงได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากความคล่องแคล่ว เคลื่อนไหวง่าย สวมใส่สบาย อีกทั้งดีไซน์ของเสื้อผ้าแนวสปอร์ตสปอร์ตยุคนี้ สามารถทำออกมาได้รับกับสไตล์คนเมืองที่สามารถใส่ไปเที่ยว ทำงาน รวมถึงไปออกกำลังกายแบบเท่ ๆ ได้ไม่แพ้การแต่งตัวประเภทอื่น ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่าการแต่งตัวแนวสปอร์ต คือต้องใส่เสื้อกีฬา กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบเทรนนิ่งเท่านั้น แต่ช้าก่อน เพราะสปอร์ตแวร์แนวคิดใหม่ของ JASPAL MAN ที่ออกแบบเสื้อผ้าโดยนำเอาสไตล์โอเรียนทอลมามิกซ์กับสไตล์ฟิวเจอริสติก ทำให้ได้สไตล์เสื้อผ้าที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวัน ไปทำงาน เดินห้าง แฮงเอาท์ อย่างดูดีได้ และยังพร้อมใช้ใส่ออกกำลังกายอย่างมีสไตล์ได้อีกด้วย วันนี้เราขอแนะนำ Style Guide “THE ACTIVE STYLE” ที่ผู้ชาย UNLOCKMEN สายสปอร์ตไม่ควรพลาด เพราะสามารถนำไปปรับประยุกต์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard, Play Hard ของเราได้ เพื่อความหล่อของร่างกาย และสุขภาพที่ดีได้พร้อมกัน THE ACTIVE STYLE Active Style จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่เหมาะสมกับหนุ่มไทยในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นชุดที่ตอนเช้าใส่ไปทำงาน พอตกเย็นสามารถใส่ชุดเดียวกันเพื่อไปออกกำลังกายต่อได้ แบบไม่ต้องพกเสื้อผ้าเยอะแยะวุ่นวาย