สิ่งของทุกอย่างล้วนมีแรงบันดาลใจและจุดกำเนิด รถยนต์เองก็เช่นเดียวกัน คุณจะให้ราคากับโมเดลรถยนต์ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของปีศาจความเร็วสมัยใหม่หลายต่อหลายคันในราคาแค่ไหน โดยเฉพาะถ้ามันคือคันสุดท้ายที่เหลือรอดจากการถูกผลิตออกมาเพียง 3 คันบนโลกและกำลังจะถูกนำออกมาประมูล บรรพบุรุษของเจ้าแห่งความเร็วที่เรากำลังพูดถึงคือ Porsche Type 64 ที่ถูกผลิตขึ้นมาในปี 1939 รถรุ่นนี้เดิมถูกผลิตขึ้นมาเป็น Prototype ก่อนเป็นจำนวน 3 คันเพื่อทดสอบและเข้าร่วมการแข่งขัน Berlin-Rome Endurance Race แต่ยังไม่ทันได้อวดประสิทธิภาพมันก็ถูกสงครามโลกครั้งที่สองมาขัดจังหวะเอาไว้ก่อน โปรเจกต์จึงพับเก็บไป อย่างไรก็ดีลักษณะตัวถังของมันถูกถ่ายทอดออกมาเป็น Porsche Gmund 356 ในเวลาต่อมา ขณะเดียวกันเมื่อเวลาผ่านไป รถตัวต้นแบบอีกสองคันก็ได้รับความเสียหายตามกาลเวลา เหลือเพียงหมายเลข 3 ซึ่งอยู่ในสภาพดีและกำลังจะถูกนำออกประมูลโดย RM Sotheby’s Monterey ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 สิงหาคมนี้ ว่ากันว่ารถยนต์สุดคลาสสิกที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีคันนี้จะสามารถสร้างราคาที่เป็นสถิติใหม่ที่น่าสนใจขึ้นมา Porsche Type 64 คือร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ของประวัติศาสตร์ยานยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์ Flat-Four 32 แรงม้าสภาพสมบูรณ์ ที่มาพร้อมอุปกรณ์แต่งและชุดอะไหล่ครบครัน รวมถึงงานดีไซน์ที่รูปทรงของมันกลายมาเป็นต้นแบบให้รถสปอร์ตของ Porsche มาตลอดเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ที่ไม่ค่อยได้แสดงตัวตนที่ไหนบ่อยนักและนั่นจะทำให้เหล่าคนรักรถและนักสะสมมือหนักที่มาร่วมงาน แข่งกันเคาะราคาเพื่อให้ได้มันไปไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน SOURCE
ระหว่างที่ผู้ชายอย่างเรามุ่งมั่นใช้ชีวิตบนเส้นทางของตัวเองอย่างเต็มที่อยู่ทุกวัน ขณะเดียวกันเวลาทุกวินาทีที่เดินไปข้างหน้าเรื่องของเทคโนโลยีล้ำสมัยในโลกของยานยนต์ก็ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างจีนที่กำลังถูกจับตามองจากคนในแวดวงการรถยนต์ทั่วโลกแบบไม่คลาดสายตา SAIC Motor Corporation หนึ่งในบริษัทยานยนต์ระดับโลกจากประเทศจีนซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เอ็มจี ประเทศไทยที่กำลังมุ่งเน้นพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานทางเลือกออกมา เพื่อให้หนุ่ม ๆ ทั่วโลกได้มีทางตัวเลือกในการซื้อรถยนต์เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ด้วยการพัฒนาภายใต้ 4 แกนหลักคือรถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (Electrification), ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Intelligence Connectivity) , การใช้รถยนต์ร่วมกัน (Car Sharing) และความเป็นสากล (Globalization) โดยพวกเขาใช้ประสบการณ์จากการทำธุรกิจในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกและศูนย์วิจัยพัฒนาที่ตั้งอยู่ทั้งในประเทศจีน, อังกฤษและสหรัฐอเมริกา รวมถึงขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย, อินโดนีเซียและอินเดียเมื่อไม่นานมานี้ มาในปีนี้พวกเขาได้ทำการเปิดตัวรถยนต์หลากหลายรูปแบบทั้งชนิดขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Cell) , รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ (EV) รวมถึงรถต้นแบบที่สามารถเชื่อมต่อกับการสื่อสาร 5G ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ China Mobile, Huawei และ Shanghai International Auto City เพื่อสร้างอาณาจักรของรถยนต์แห่งอนาคต โดยทั้งหมดจัดแสดงในงาน Auto