เทศกาลเปิดตัวรถใหม่ใน 2023 Goodwood Festival of Speed คราวนี้เป็นผลงานจาก Lamborghini ที่นำเสนอ SC63 LMDh race car รถแข่งสำหรับ Le Mans คันใหม่ ซึ่งเป็นรถที่ได้ชื่อว่า “the most advanced race car ever” ขุมพลังของ Lamborghini SC63 LMDh ถูกพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อการแข่งขันในสนามโดยเฉพาะ เครื่องยนต์ twin-turbocharged 3.8-liter V8 Hybrid แยก turbo ไว้นอกเครื่องเพื่อให้รับอากาศสำหรับระบายความร้อนได้เต็มที่มากขึ้น รวมถึงง่ายต่อการดูแลรักษา และช่วยกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งแม้จะไม่มีการพูดถึงตัวเลขแรงม้าอย่างเป็นทางการ แต่ก็เดาได้จาก class ที่มีข้อบังคับว่ารถแข่งต้องมีไม่เกิน 671 แรงม้า
PICO 4 VR HEADSET entry-level VR ที่เด่นทั้งเรื่องความคุ้มค่า ได้ของครบเซ็ทแบบไม่ต้องซื้อเพิ่ม น้ำหนักเบาสบายหัวกว่า Oculus Quest 2 ภาพคมชัด controller ควบคุมได้แม่นยำ เป็น VR ทั้งตัวเริ่มต้นและตัวจบครบได้ในเครื่องเดียว เดิมทีรู้จักแค่ Oculus Quest พึ่งมารู้จักแบรนด์ PICO หลังจากเห็นคนรีวิวกันเยอะจนต้องไปหามาเล่นบ้าง หลายคนเทียบราคากันอาจจะดูเหมือนห่างกันไม่มาก แต่ของ Oculus ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมอย่างเช่น Head Strap สายรัดปรับระดับแยกเอง หรือจะเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Meta Quest Pro ก็ราคาโดดไปไกล ในด้านความคุ้มค่าของ PICO 4 ที่จ่ายเงินน้อยกว่า แต่ได้ของครบกว่า ประหยัดทั้งเงินและเวลาสั่งของ ซึ่งจุดนี้ถือว่าทำได้ดีมาก จากที่เล่นมาพักใหญ่ ๆ ด้านประสิทธิภาพไม่แพ้ Oculus Quest 2 แน่นอน เพราะแม้แต่ processor ก็ใช้ Qualcomm Snapdragon
ยังคงเดินทางส่งต่อความรักไซส์ BIG อย่างต่อเนื่องมาจนถึงครั้งที่ 5 กับทริป MINI BIG LOVE STORY เมื่อวันที่ 24 – 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา และครั้งนี้แน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพความประทับใจมาฝากชาว UNLOCKMEN เหมือนเช่นเคย สำหรับทริปนี้ทาง MINI THAILAND ได้รวมพลเหล่า #MINIster กลุ่มคอมมูนิตี้คนรัก MINI กว่า 20 ครอบครัว มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางจังหวัดจันทบุรี เพื่อสานต่อ BIG LOVE STORY ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สวยงามของเมืองจันท์ ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา เมืองเก่า และป่าชายเลน กับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยสนับสนุนวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น รวมไปถึงร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จัดเต็มกิจกรรมที่ทั้งสนุกสนาน และเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวชาว MINI ได้เป็นอย่างดี โดยทริป MINI BIG LOVE STORY ที่จังหวัดจันทบุรี นั้นเริ่มกิจกรรมแรกด้วยการพากลุ่ม MINIster ไปช้อป ชม
ถึงเวลาเปิดตัวรหัสใหม่ล่าสุด all-new CLE ตัวแทนที่รวบทั้ง C-Class Coupe และ E-Class Coupe เข้าไว้ด้วยกันตามแนวทางใหม่ของ Mercedes-Benz แม้จะมี wheelbase เท่ากับ C-Class แต่หากวัดความยาวของตัวรถจะได้ 191 นิ้ว ซึ่งยาวกว่า C-Class ถึง 4 นิ้ว และยาวกว่า E-Class coupe เล็กน้อย จึงคาดว่าจะเป็นรถตัวถัง Coupe ที่ใช้งานได้สบายทั้งการบรรทุกสัมภาระและสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง อีกความน่าสนใจคือการมีทางเลือกขุมพลังมากกว่า โดยมีเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง 3.0-liter 375 แรงม้า เกียร์ 9-speed automatic ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถูกวางอยู่ใน CLE 450 4Matic แต่คาดว่าสเปกนี้ไม่น่าจะมีขายในประเทศไทยแน่นอน รุ่นที่คาดว่าจะทำตลาดในไทยคือ CLE300 4Matic เครื่องยนต์ 2.0-liter turbo พร้อม
Maurice Lacroix แบรนด์ชื่อดังแห่งสวิส กับการเปิดตัวนาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่ที่ไม่หวั่นเกรงต่อสภาวะท้าทายของโลกใต้น้ำ ด้วยการหวนคืนสู่นาฬิกานักดำน้ำใน PONTOS S Diver โดยในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นศูนย์กลางการจัดงานเปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำ PONTOS S Diver ปี 2566 สำหรับภูมิภาคเอเชีย ณ โรงแรมหรู W Hotel บนเกาะสมุย เมื่อวันที่ 8 – 10 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยทาง มอริส ลาครัวซ์ นำโดย คุณสเตฟาน วาเซอร์ กรรมการผู้จัดการ มอริส ลาครัวซ์, คุณ มาแซล กู้ด ผู้อำนวยการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ระดับโกลบอล และคุณรวิศ เหตานุรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายขาย มอริส ลาครัวซ์ ภูมิภาค อินโดจีน ได้บินมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยตัวเอง พิเศษสุดกับเซอร์ไพรส์ของงานนี้คือ การเปิดตัวของ ลีเดีย ลีอิช
จำ Mercedes-Benz C111 concept จากปี 1970s ที่เรานำเสนอไปก่อนหน้านี้ได้ใช่มั้ยครับ? อย่างที่บอกว่ามันยังคงถูกใช้เป็นรากฐานในการพัฒนารถรุ่นใหม่ ๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากความ timeless ร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นประตู Gullwing doors, รูปทรง aerodynamic รวมถึงตำแหน่งที่วางสัญลักษณ์ตราดาวด้านหน้า นำมาปรับเพิ่มเทคโนโลยีและดีไซน์สมัยใหม่ กลายเป็นโมเดลแห่งอนาคตรุ่นใหม่ในรหัส “Vision One-Eleven concept car” ด้านหน้าของ Vision One-Eleven เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเก็บรักษากลิ่นอายของ C111 เอาไว้ แม้จะต้องปรับเอาโคมไฟ pop-up ออกเนื่องจากผิดกฎหมายในปัจจุบัน กระจังด้าหน้าถูกแทนที่ด้วย LED panel ที่โชว์ตำแหน่งไปตัดหมอกแทนที่ของจริง และยังสามารถแสดงข้อความที่ต้องการได้อีกด้วย ส่วนช่องดักอากาศถูกปรับให้กลมกลืนอยู่ใต้จอ LED panel เช่นเดียวกับไฟเบรกด้านหลังที่ถูกแทนที่ด้วย LED panel สามารถแสดงข้อความและ emoji ให้รถคันหลังได้ ด้านสมรรถนะนั้นถูกวางตำแหน่งให้แรงน้อง ๆ AMG One ด้วยเทคโนโลยี axial-flux motor และ
นี่คือรถในฝันของคนกล้าที่จะฝันจาก Porsche ที่ได้เปิดตัว Mission X โปรเจกต์ใหม่ที่ต้องการสร้างไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าเร็วที่สุดในโลก ให้สามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนน เพื่อฉลองความยิ่งใหญ่ของ Porsche ในวันครบรอบ 75 ปี การเปิดตัว The 356 “No.1” Roadster รถยนต์คันแรกของ Porsche ในปี 1948 Mission X คือโปรเจกต์การคิดค้นเทคโนโลยีสำหรับรถสปอร์ตแห่งโลกอนาคต ที่เหนือชั้นกว่าที่เคย มันเปรียบเสมือนความสำเร็จอีกขั้นของรถสปอร์ตตัวท็อปในทศวรรษที่ผ่านมา เช่น 959, Carrera GT และ 918 Spyder ด้วยแนวคิดที่ว่า “ความกล้าที่จะฝัน และรถยนต์ในฝันเป็นเหรียญสองด้านสำหรับเรา ปอร์เช่ยังคงเป็นปอร์เช่ได้ทุกวันนี้ด้วยการสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง” โดยในด้านดีไซน์ของ Mission X นั้นก็หลุดโลกไม่แพ้แนวคิดของมัน ในรูปทรงโฉบเฉี่ยวพลิ้วไหว เป็นไฮเปอร์คาร์ที่ดูแปลกตากว่าที่เคยมีมา มาพร้อมกับหลังคาทรงโดมที่ทำจากกระจกคาร์บอนบางเบา ประตูแบบ Le Mans-style เพิ่มความเท่หรูหราไปอีกระดับ ไฟหน้าทรงสูงแนวตั้งที่มีหน้าตาล้ำยุคไม่ซ้ำใคร ตัวรถมีขนาดที่กะทัดรัดกว่า Carrera GT และ 918 Spyder
ตั้งแต่วันแรกในปี 1992 ที่ Honda ตัดสินใจปักหมุดว่าเราจะเป็นรถยนต์ที่ทั้งขับสบาย ตอบโจทย์การเป็นรถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และให้สมรรถนะยานยนต์ที่ดีเยี่ยม สามารถลงเล่นเกมในไลน์รถแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยจุดเริ่มต้นมาจากรุ่น NSX-R ที่ได้ปักหมุดเป็นหนึ่งในใจของคนรักรถแข่งมาจนถึงทุกวันนี้ จากจุดเริ่มต้น ด้วยโลโก้แบรนด์ตัว H ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ตามด้วยการติดโลโก้ Type R เพิ่มเข้าไป เพื่อสื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาว่า Racing โดยมีรถรุ่น Honda Civic เป็นหนึ่งตัวเรือธง ถึงแม้หน้าตา Exterior ของ Honda Civic Type R หลายๆ คนมักจะบอกว่าหน้าตาแทบจะไม่แตกต่างจาก Honda Civic รุ่นปกติ ซึ่งก็ใช่ แต่เราอยากใช้คำว่างานดีไซน์ที่คงความเป็น Honda Civic เอาไว้ เป็นอะไรที่ไม่ต่างกับเสือซ่อนเล็บ ให้เสน่ห์ความโฉบเฉี่ยวที่ไม่มีใครเหมือน ในปี 2023 รถ Honda Civic Type R รหัส FL5 รุ่นล่าสุด ได้ฉีกขนบจากเดิมไปไกลกว่าที่
ZP Collection ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อฉลองชัยชนะ จากการแข่งขันของรถ E-Type ที่เกิดขึ้นหลังจากเปิดตัวในปี 1961 ได้เพียงเดือนเดียว ในโปรเจกต์การแข่งขันที่ชื่อว่า ZP โดย ‘ECD 400’ รถเปิดประทุนสี Indigo Blue คันที่ชนะ ขับโดย Graham Hill และ ‘BUY 1’ รถสี Pearl Grey ที่เข้าเส้นชัยอันดับสาม ขับโดย Roy Salvadori จึงทำให้ ZP Collection นี้มาเป็นคู่ประกอบด้วย Oulton Blue drophead coupe ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘ECD 400’ รุ่นดั้งเดิม และ Crystal Grey fixed-head coupe ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ‘BUY 1’ โดยผลิตออกมาเพียง 7 คู่เท่านั้น สำหรับ Oulton
Digital Watch หน้าตาล้ำยุคราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต Casquette 2.0 เกิดจากความตั้งใจของ Creative Director ของ Saint Laurent เขาเลือกที่จะประทับตรา Saint Laurent ลงบนนาฬิกาหรูอย่าง Girard-Perregaux ด้วยความต้องการที่จะสำรวจตลาดแปลกใหม่ต่อไป หลังจาก Saint Laurent ประสบความสำเร็จในการทดลองขายสินค้าแปลกใหม่มามากมายตั้งแต่ Happy Meal boxes ไปจนถึงจักรยาน ซึ่ง Casquette 2.0 นั้นอัปเกรดมาจากนาฬิการุ่น Casquette ของ Girard-Perregaux ซึ่งเป็นนาฬิกาในยุค 70 ที่มีหน้าตาล้ำยุคจน Disrupt วงการนาฬิกาในยุคนั้น ราวกับหลุดมาจากโลกอนาคต ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมเหมือนกล่อง มีขนาดกะทัดรัด พร้อมหน้าจอ LED ขนาดเล็กที่ถูกดีไซน์ให้อยู่ด้านข้างซึ่งนี่คือความแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน โดยดีไซน์ของ Casquette 2.0 ถูกอัปเกรดมาในตัวเรือนที่ทำจากเซรามิก และไททาเนียมเกรด 5 เคลือบ PVD สีดำ ตัวเรือนมีน้ำหนักเบา โค้งรับกับสรีระรอบข้อมือ มาพร้อมสายนาฬิกาเซรามิกที่ด้านในเป็นวัสดุยาง
น่าตื่นเต้นมาก ๆ สำหรับโลก AR/VR ในตอนนี้ หลังจาก Meta ชิงเปิดตัวแว่น VR Quest 3 ตัวใหม่ออกมา ตอนนี้ Apple ได้เปิดตัว Vision Pro AR ที่หลายคนรอคอยมานานออกตามมาติด ๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในราคาแสนกว่าบาท ซึ่งแพงกว่า Quest 3 หลายเท่าตัว! และล้ำหน้ากว่าทุกเจ้าในตอนนี้ โดย Apple ได้เปิดเผยว่า เจ้า Vision Pro ตัวนี้นั้นใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 7 ปี จุดขายของมันคือความล้ำของกล้อง 12 ตัว และเซ็นเซอร์ 5 ตัว ที่สามารถจับการเคลื่อนไหวของตา มือ และนิ้วของผู้ใช้ในการควบคุมได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถควบคุมการทำงานด้วยสายตา หรือนิ้วมือได้ โดยที่ไม่ต้องถืออุปกรณ์ควบคุมอยู่ในมืออีกต่อไป นี่คือความล้ำอย่างเหนือชั้นในตอนนี้ ตามมาด้วยฟีเจอร์ FaceTime อีกหนึ่งจุดขายที่ล้ำหน้าเจ้าอื่น Vision Pro สามารถแสดงภาพคนขนาดเท่าตัวจริง
จอภาพ Liquid Retina ขนาดใหญ่ 15.3 นิ้ว, ประสิทธิภาพของชิป M2, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง และระบบเสียง 6 ลำโพง ทั้งหมดนี้มารวมอยู่ด้วยกันในดีไซน์แบบไร้พัดลมที่บางและเบาของ MacBook Air ใหม่ ซึ่งเป็นแล็ปท็อปรุ่น 15 นิ้ว ที่ดีที่สุดในโลก MacBook Air รุ่น 15 นิ้ว ซึ่งเป็นแล็ปท็อปรุ่น 15 นิ้วที่ดีที่สุดในโลก ด้วยจอภาพ Liquid Retina ขนาดใหญ่ 15.3 นิ้ว, ประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของชิป M2, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง และดีไซน์แบบไร้พัดลมที่เงียบ MacBook Air ใหม่นี้ ครบเครื่องทั้งในด้านขุมพลังและความสะดวกในการพกพา ทั้งหมดนี้ในแล็ปท็อปรุ่น 15 นิ้วที่บางที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้นยังมีระบบเสียง 6 ลำโพงแบบใหม่หมด ทำให้ MacBook Air