ชาว UNLOCKMEN ที่ติดตามข่าว AI เชื่อว่าเรื่องของ DeepMind กับ Alphago ที่โด่งดังไปในปีที่แล้วและทำหลายคนลุ้นตัวโก่งคงยังอยู่ในความทรงจำ การตีแสกหน้าเซียนโกะมีลมหายใจทั้งหลายด้วยการเอาชนะจากการใช้เวลาช่วงสั้นเพียง 40 วัน เขย่าวงการ boardgame กลับมาหนนี้ AI ขอบุกวงการแพทย์กับเขาบ้าง จับมือกับแพทย์ชั้นนำหัตถ์เทวดาสอนมวย AI เพื่อก่อการดี ให้สามารถใช้อัลกอริทึมเล่นบทคุณหมอตรวจอาการล่วงหน้าได้ว่าใครกำลังจะหมดลมหายใจ DeepMind คืออะไร ? Beginner ที่เพิ่งจะหันมาสนใจเรื่อง AI บริษัท DeepMind คือบริษัทลูกที่ Google เห็นแววปล่อยแสงตั้งแต่ยังเป็น Startup ของอังกฤษในชื่อ “Deep Mind Technology” ที่พัฒนาด้าน AI อย่างเดียวเท่านั้น และมีเป้าหมายให้เจ้า AI เข้าใจวิธีคิดของเราชาวมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้ การ take over ของลูกพี่ใหญ่ก็เลยยังเน้นสานต่อความต้องการของบริษัทรุ่นน้อง ส่งเสริมกันไปแบบไม่หวังให้ DeepMind ลุกมาทำหุ่นยนต์หรืออะไรที่ไม่ได้ต้องการ แต่ให้ใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์อย่างเดียวแล้วปลุกนวัตกรรมล้ำ ๆ ช่วยสังคม
ถ้าจะให้นึกถึงหนึ่งในภาพยนตร์ไตรภาคที่สร้างปรากฏการณ์บนจอเงินในปี 1999 และ 2003 แถมยังเท่สุด ๆ ชื่อของ The Matrix ก็ยังคงอยู่ในใจเสมอ ภาพการแสดงฉากบู๊สุดล้ำยุคของ Keanu Reeves ในบทบาทของ Neo ใน The Matrix, The Matrix Reloaded และ The Matrix Revolutions ยังคงติดตาพวกเราราวกับว่าหนังเรื่องนี้เพิ่งจะเข้าฉาย และไม่ใช่แค่เรื่องราวล้ำ ๆ มันส์ ๆ ที่เป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เท่านั้น ยังมี gadget อีกหลายชิ้นที่ดูแล้วน่ามีไว้ครอบครอง หากใครจำกันได้ ใน The Matrix ภาคแรก จะมีฉากที่ Thomas Anderson พระเอกของเราตอนที่ยังไม่ได้ถูกเรียกว่า Neo รับซองพัสดุจากแมสเซ็นเจอร์ ก่อนแกะซองออกมาเจอโทรศัพท์มือถือ Nokia รุ่น 8110 เขารับสายที่โทรเข้ามาและได้พูดคุยกับ Morpheus เป็นครั้งแรก จากนั้นเรื่องราวสุดมันส์ก็ดำเนินต่อแบบพัลวัน มาถึงวันนี้ HMD ได้ปลุกชีพ Nokia
ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเมืองหลวงแห่งวงการรถแต่ง เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถเห็นรถแต่งขับอยู่บนท้องถนนได้ในชีวิตประจำวัน แถมยังมีอู่สำนักแต่งรถให้ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมอัพเกรดหน้าตาและสมรรถนะจากรถธรรมดาบ้าน ๆ ให้กลายเป็นรถแข่งสุดเท่ได้ตามใจสั่ง แต่ท่ามกลางผู้คนในวงการแต่งรถของญี่ปุ่นนั้นยังมีชายที่แตกต่างและมีตัวตนที่ชัดเจนกว่าคนอื่น นั่นก็คือ Shinichi Morohoshi ผู้ที่เอา Lamborghini Diablo มาแต่งให้เป็นสีชมพูจี๊ดจ้าดชวนบาดใจ จากความฝันตอนวัยรุ่นที่ได้เห็นรถซุปเปอร์คาร์ยี่ห้อนี้ Shinichi Morohoshi หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Morohoshi-san นั้นมีจุดเริ่มต้นความฝันที่อยากจะครอบครอง Lamborghini ตั้งแต่ตอนอายุ 17 ปี ซึ่งเขายังอยู่ในกลุ่มเด็กแว๊นของญี่ปุ่นที่เรียกกันว่า Bōsōzoku หรือ Bōsō แปลว่า “ชนเผ่าที่ใช้ความรุนแรง” ในกลุ่มนี้จะใช้มอเตอร์ไซค์ที่ประกอบชิ้นส่วนจากมอเตอร์ไซค์อังกฤษ , อเมริกาและถูกตกแต่งในลักษณะแปลก ๆ เช่นติดหลอดไฟนีออน ท่อไอเสียที่ใหญ่กว่าปกติ ธงสัญลักษณ์ประจำกลุ่มที่ถูกติดไว้ตรงแฟริ่งตัวถัง แน่นอนว่ากลุ่ม Bōsō นั้นขับรถซิ่งอย่างอันตรายบนถนนในโตเกียวไม่ต่างกับกลุ่มเด็กแว๊นในบ้านเราเลย Morohoshi ใช้ชีวิตแบบนี้จนกระทั่งเขาถูกจับในคืนวันก่อนปีใหม่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรถในฝันอย่าง Lamborghini “ผมได้ยินเสียงมันก่อนที่ผมจะเห็นมันซะอีก เสียงท่อไอเสียมันหนักแน่น ผมถูกสะกดด้วยรถคันนี้ทันทีและไม่รู้ว่ารถคันนี้ทำเสียงดังขนาดนั้นได้ยังไง เราหมดเงินไปเป็นแสนเยนกับท่อมอเตอร์ไซด์ แต่นี่มันดังกว่าซะอีก หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีผมถึงเห็นมัน รถ Lamborghini Countach สีดำขับลงมาจากถนน Nakasendō ผมบอกตัวเองเลยว่า
ปล่อยให้บรรดาพี่ ๆ ตัวหลักเผยโฉมกันไปเกือบครบตระกูลแล้ว ตั้งแต่ 7-Series, 6-Series, 5-Series หรือแม้แต่ X3 ใหม่ คิวต่อไปที่พวกเราเฝ้ารอคอยความคืบหน้าก็คือน้องเล็กพิมพ์นิยม 2019 3-Series ในรหัส G20 ที่ถึงวันนี้มีเพียงภาพ Spy Shot ปล่อยออกมา โดยไม่มีรายละเอียดใด ๆ หลุดรอดออกมาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ใบพัดฟ้าขาวจนเนื้อตัวสั่นกันไปหมด เรียกว่าจะถอยรถใหม่ช่วงนี้ก็ต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะกลัวจะพลาดโอกาสครอบครอง G20 คันนี้ไป ซึ่งดูจาก Spy Shot แล้วต้องบอกว่ามันเท่โคตรมากเหลือเกิน จากภาพ Spy Shot ล่าสุดโดยทาง Carscoop และ BMW BLOG เผยให้เห็นจุดสำคัญหลายอย่างในรถโมเดลใหม่ล่าสุดคันนี้ คงไม่ต้องเดาว่าโฉมหน้าต้องถอดแบบจากรุ่นพี่อย่าง 5-Series มาแน่นอน แต่ด้านหลังดูเหมือนจะผ่านการออกแบบใหม่หมด โคมไฟท้ายที่เรียวเล็กกว่าเดิม กับขนาดโดยรวมที่ดูอวบอ้วนกว่าเก่า ชวนให้นึกถึง Audi a4 ให้อารมณ์สปอร์ตที่หรูหรามากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่า Air Breather
ยุคนี้ความวินเทจเป็นอะไรที่กลับมาเป็นเทรนด์ล้ำ ๆ ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เกม หรือแม้แต่ Gadgets ที่มักจะมีอะไรยุคเก่า ๆ ที่เราคิดถึงกลับมาให้เราได้รำลึกกันอย่าง Klipsch ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องเสียง ก็ไม่พลาดที่จะปล่อยคอลเลคชั่นวินเทจออกมาให้กระเป๋าตังค์เราได้ร้อนผ่าว ๆ กันตั้งแต่เห็นรูปสินค้า แต่ล้ำไปกว่านั้นด้วยการรองรับความไฮเทคจาก Google Assistant ให้เราสั่งงานด้วยเสียงกันแบบล้ำ ๆ UNLOCKMEN จะพาไปดูกันว่า เจ้าตัวนี้มีอะไรเท่ ๆ อีกบ้าง ลำโพงสุดวินเทจนี้จาก Klipsch ยักษ์ใหญ่วงการเครื่องเสียง ที่มี Gadgets วินเทจอีกหลายอย่างให้เราได้เลือกกัน โดยเจ้าตัวนี้เป็นลำโพงในคอลเลคชั่น Heritage Wireless ชื่อ “THE THREE” ดีไซน์วินเทจนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Mid-Century Modern แบบสวยเนี้ยบด้วยงานไม้ และส่วนที่เป็นโลหะจะทำมาจากทองแดง ความพิเศษของเสียงจากเจ้าตัวนี้อยู่ที่การเปลี่ยนจาก Subwoofer ไปเป็น Provide Bass นอกจากฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Bluetooth®, aptX™ codec แล้ว ยังล้ำด้วยการรองรับฟังก์ชั่น Google Assistant พูดง่าย ๆ คือให้เราสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย เบ็ดเสร็จราคาอยู่ที่ $499
ย้อนกลับไปหาความวินเทจกับเกม Arcade ซึ่งยังเป็นอะไรที่มาแรงอยู่เสมอ อย่างเกมบอยก็ถูกนำมารีรันในรูปแบบพวงกุญแจให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง ใครที่พลาดไปติดตามกันได้ที่ BACK TO BASIC: “พวงกุญแจเกมบอย” ของเล่นวัยเด็กที่คิดถึงกลับมาในรูปแบบพกพาง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา คราวนี้เกม Arcade กลับมาในรูปแบบสุดเท่ในกล่องไม้วินเทจ ให้เราเล่นได้แบบเต็มมือกับแป้นคอนโทรล เต็มตาด้วยจอขนาดพอดีโดยไม่ต้องต่อทีวีให้เสียเวลา วันนี้ UNLOCKMEN จะพาไปดูดีเทลของเจ้าตัวนี้กันดีกว่า แค่เห็นภาพก็ตาลุกวาวกันแล้วกับเจ้า “The Cary42” ที่เอาเกม Arcade ในวันวาน ใส่ให้มาแล้วกว่าร้อยเกม ไม่ว่าจะเป็น Metal Slug, Gauntlet และ Contra โดยไม่ต้องนั่งเหงาเล่นคนเดียวอีกต่อไป เพราะมาพร้อมคอนโทรลแบบเล่นด้วยกันได้สองคน หากเบื่อ ๆ สามารถเพิ่มเกมได้ด้วย USB เพราะมีพื้นที่มาให้แบบเหลือ ๆ (สำหรับเกม Arcade) 16GB บนจอ LCD ขนาด 12 นิ้ว ลำโพงในตัว แถมความสะดวกด้วยการสร้าง Personal Game Library ได้ แบบไม่ต้องตีกัน ส่วนงานดีไซน์เนี้ยบ ๆ นี้มาจากไม้ American Walnut แถมยังเป็นงาน Handcrafted อีกต่างหาก ขนาดภายนอกถ้าปิดกล่องลงอยู่ที่
เวลา Scroll down อัปเดตชิ้นงานดีไซน์ทางอินเทอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ UNLOCKMEN มักเจอนวัตกรรมใหม่มีประโยชน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มันส์ ๆ เสมอ แต่กับเจ้าชิ้นนี้เราสะดุดตาก่อนไปอ่านหัวข้อว่ามันใช้ทำอะไรด้วยซ้ำ เพราะหน้าตาชวนเดจาวูของมันให้เราคิดถึงหนังญี่ปุ่นเลือดสาดชวนหนีตายอย่าง battle royal ที่ชวนเสียวรอบคอทุกที แต่เมื่อกดเข้าไปดัน contrast กับภาพติดตาเดิมแบบดำเป็นขาว เพราะไม่ได้เอาไว้ระเบิด ดันกลายเป็นของช่วยชีวิตสุดเท่หน้าตาเฉย ที่สำคัญยังมีความโปร่งใส่แล้วคอไม่ตัน แถมยังเคลมว่าเป็น WORLD’S TINIEST LIFE-JACKET หรือชูชีพมินิไซส์ที่พกไปที่ไหน ๆ ก็ได้ไม่ต้องรอสูบลมและยังมีความสุดยอดซ่อนอยู่อีกหลายชั้น Rainer Fakesch, T. Storti และ C. Rummel คือดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ Ploota ให้แฮคไลฟ์สไตล์ผู้ชายที่ชอบเที่ยวทะเลจากคุณสมบัติน่าทึ่ง 4 สิ่ง ต่อไปนี้ มีระบบเซ็นเซอร์ฉลาด ตั้งเวลาหรือกดใช้งานเมื่อไรก็ได้ มันส์สะใจทุกกิจกรรม ใส่ไปว่ายน้ำ ดำดูปะการังก็ไม่ดีดขึ้นมาเองให้ลอยเท้งเต้ง 2. กู้ภัยด้วยไซส์พกพา เล็กกว่าชูชีพทั่วไป 50 เท่า 3. เบาไม่ถ่วงคอ เพราะหนักแค่เกือบ 3 ขีด (280
ด้วยนวัตกรรมในโลกที่ทุกอย่างก้าวไปไกลเกินเราจะคิดทัน ทั้งนี้เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน แต่ก็ดูเหมือนจะสะดวกมากไปเมื่อเจอกับ “self-driving slippers” หมดปัญหารองเท้าเกะกะไม่เป็นระเบียบ เพราะมันพาตัวเองไปหาคู่แล้วเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบได้ด้วยตัวเอง มาดูกันว่าเจ้านวัตกรรมชวนหัวแบบนี้ มีที่มายังไง UNLOCKMEN จะเล่าให้ฟัง เจ้ารองเท้าสุดเจ๋งนี้ NISSAN เป็นผู้ผลิตคิดค้นมันขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่มักจะเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ส่วนพื้นที่เปลี่ยนรองเท้า (foyer) นั้น เหล่าแม่บ้านอาจจะเคยปวดหัวกับความระเกะระกะของรองเท้าที่ถอดแล้วมันสะบัด กลิ้ง ไปผิดที่ผิดทาง แต่ไม่ต้องเหนื่อยใจกับปัญหาหยุมหยิมเหล่านี้อีกแล้วถ้าหากเรามีเจ้ารองเท้าที่จอดตัวเองได้เหมือนกับรถยนต์ไม่มีผิด โดยรองเท้าพวกนี้เริ่มต้นใช้ในโรงแรมในญี่ปุ่น ด้วยเทคโนโลยี ProPilot Driving ของนิสสันเอง ใต้รองเท้านี้มีล้อจิ๋ว ๆ สองข้าง มอเตอร์ และเซ็นเซอร์เอาไว้ให้จอดเข้าซองได้แบบเซียนเหมือนมีคนขับนั่นเอง (นั่นมันรถแล้ว!) แต่ทั้งนี้ก็ยังมีระบบการจอดอยู่ใต้พื้นไม้ของโรงแรมอีกด้วย ถึงแม้จะดูเป็นนวัตกรรมที่เกินความจริงไปหน่อย แต่นิสสันกลับบอกว่านี่มันจริงจังนะเว้ย! เพื่อเอนเตอร์เทนแขกที่มาเข้าพักแล้วก็ยังลดหน้าที่ของพนักงานอีกต่างหาก มันเล่น ๆ ที่ไหนล่ะเนี่ย! และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเดียวกับ Semi-Autonomous Nissan Leaf ที่นิสสันเข็นออกมาขายแบบเป็นจริงเป็นจังตั้งแต่ปลายปีที่แล้วด้วย ซึ่งทางนิสสันกล่าวอีกว่า “The self-parking slippers นี่แหละที่จะทำให้คนเข้าใจถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยี ว่ามันไม่ใช่แค่แอปพลิเคชั่นช่วยจอดแบบเจ้าอื่นในตลาด” พูดแล้วเหมือนจะโฆษณา (เปล่านะเปล่า)
นับว่าเป็นข่าวมาแรงที่กลบทั้งกระแสนาฬิกาหรู ฆ่าเสือดำ ไปเลยทีเดียวสำหรับข้อพิพากระหว่างป้าทุบรถกับคู่กรณี ที่กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมถึงความเหมาะสมเกิดเป็นทีมป้าและทีมโดนทุบ โดยในฐานะที่ UNLOCKMEN เป็นสื่อมวลชนก็ขอไม่ลงความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ ปล่อยให้ว่ากันไปตามประมวลกฎหมายและข้อเท็จจริงของระบบตุลาการต่อไป เพราะเป็นกระแสสังคมเราจึงได้หยิบประเด็นนี้มาเล่นต่อ คือถ้าเกิดผู้อ่าน UNLOCKMEN กลัวว่าจะไปจอดรถแล้วโดนมือดีมาทุบรถ เพราะต้องยอมรับว่าสมัยนี้ เราได้นำรถสุดแกร่งที่แม้จะโดนยกมาทุบทั้งหมู่บ้านรับรองว่าไม่มีสึกหรอ มาลองดูกันว่ามีรถยี่ห้ออะไรบ้าง Gurkha LAPV เริ่มคันแรกที่รถหุ้มเกราะส่วนบุคคลอย่าง Gurkha LAPV หรืออีกชื่อคือ Knight XV ของบริษัท ARMET ผู้ผลิตรถหุ้มเกราะสัญชาติอเมริกัน รถรุ่นนี้ได้ชื่อมาจากกลุ่มทหารนักรบเนปาลชื่อดังอย่างกรูข่านั่นเอง ถูกพัฒนาโดยใช้พื้นฐานจากรถ Ford F550 พี่ใหญ่ตัวแรงในรุ่นกระบะปิคอัพ ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V8 ขนาด 6.4 ลิตร 350 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 155 กม./ชม. บรรทุกผู้โดยสารได้ 8 คน ตัวถังหุ้มด้วยเกราะระดับ 3 จาก 5 ระดับตามมาตรฐาน NATO (STANAG 4569) ที่สามารถกันระเบิดได้
เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับผู้ชายรักรถทุกคนที่เคยใฝ่ฝันอยากครอบครองรถหรู สมรรถนะแรงแบบ Bi-Turbo ตระกูล AMG เพราะที่ผ่านมาการนำเข้าทำให้ราคาตั้งอยู่สูงจนได้แต่ชะเง้อมอง แต่โอกาสที่ความฝันนั้นจะเป็นจริงมาถึงแล้ว ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe รุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรก ในราคาที่ลดลงมาในระดับที่ทำให้หลายคนต้อง ‘ลำบากใจ’ Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe ถือเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงตระกูล 43 ที่ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงความโดดเด่นของแบรนด์ Mercedes-AMG ได้ในทุกจังหวะการขับขี่ ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นตามหลักปรัชญา “Driving Performance – ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ” ได้อย่างไร้ที่ติ พร้อมทั้งยังผสมผสานนวัตกรรมของรถสปอร์ตและรถแข่งไว้ได้อย่างลงตัว ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ นักออกแบบของ Mercedes-AMG ได้เน้นคุณลักษณะของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในด้านความก้าวหน้าของนวัตกรรมยานยนต์ เพื่อให้เกิดสมรรถนะที่เหนือกว่า รวมถึงการตกแต่งฝาครอบเครื่องยนต์ด้วยแถบสีแดงทรงวี เพื่อสะท้อนสมรรถนะเครื่องยนต์แบบวี 6 สูบเทอร์โบคู่ได้อย่างสมบูรณ์ หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กระจังหน้า diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ AMG, AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง), ล้ออัลลอยดีไซนสปอร์ตจาก AMG
เมื่อพูดถึง ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เชื่อว่าสิ่งแรกที่สิงห์นักบิดหลายคนนึกถึง คือภาพของรถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ ซึ่งล่าสุดตำนานบทใหม่ของไทรอัมพ์กำลังจะถือกำเนิดขึ้น กับโมเดลสุดคลาสสิกอย่าง “ไทรอัมพ์ บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์” (Triumph Bonneville Speedmaster) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากต้นฉบับคัสตอมสุดคลาสสิกที่พรั่งพร้อมไปด้วยดีเอ็นเอสายพันธุ์แท้ของตระกูลบอนเนวิลล์ แต่สามารถใช้งานได้ง่ายดายและคล่องแคล่วขึ้นกว่าที่เคยมีมา ซึ่งเป็นมิติใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์ตระกูลบอนเนวิลล์สไตล์คัสตอมสุดคลาสสิกแบบฉบับอังกฤษที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานในระดับสูงขึ้น ทีมงาน UNLOCKMEN จึงไม่พลาดเอาทีเด็ดของโมเดลนี้มาแชร์กัน เครื่องยนต์ ลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสายพันธุ์การออกแบบที่สืบทอดมาจากบอบเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ขนาด 1200 ซีซี ครีบเครื่องยนต์กลึงขึ้นรูป เรือนปีกผีเสื้อคู่สไตล์คาร์บูเรเตอร์ เส้นสายคอท่อที่เรียบง่ายชัดเจนสวยงาม ครีบคอท่อ อีกทั้งกล่องแบตเตอรี่แบบดั้งเดิมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นฉบับ แฮนด์สไตล์ Beach Bar และเบาะที่นั่งสุดคลาสสิก แฮนด์บังคับเลี้ยวกวาดไปด้านหลังสไตล์ Beach Bar ตลอดจนเบาะที่นั่งคู่อเนกประสงค์และที่นั่งเดี่ยวที่สามารถถอดออกได้ ส่งมอบภาพลักษณ์คัสตอมสุดคลาสสิกสไตล์สบายผ่อนคลายที่เพิ่มความสะดวกสบายในการบังคับรถและการควบคุมที่เหนือชั้นด้วยตำแหน่งการขับขี่ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ท่อไอเสีย ท่อไอเสียสแตนเลสสตีลสองชั้นชุบโครเมียมสามารถซ่อนจุดเชื่อมต่อไปยัง Cat box ได้อย่างแนบเนียน รวมถึงติดตั้งชุดกรองอากาศคู่และการออกแบบไส้กรองอากาศคู่ เพื่อส่งมอบเสียงที่ดีที่สุด จึงทำให้ บอนเนวิลล์ สปีดมาสเตอร์ มีโทนเสียงที่ลุ่มลึกและหนักแน่นมากยิ่งขึ้น ไฟหน้า
เป็นเวลานานจนเราจำแทบไม่ได้ว่า ครั้งล่าสุดที่เราเฝ้ารออะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้นนั้นคือเมื่อไหร่ แต่ระยะหลังความรู้สึกเฝ้าติดตามอย่างจดจ่อแบบนั้นได้หวนกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะเรากำลังเข้าใกล้การเผยโฉมอย่างเป็นทางการของ 2018 Toyota Supra ตำนานภาคใหม่ของ Iconic Supercar แดนปลาดิบ ที่เป็นวัฒนธรรมแทรกซึมเข้าไปในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ ซึ่งกำหนดการล่าสุดก็เตรียมเปิดผ้าคลุมครั้งแรกเดือนหน้านี้ในงาน Geneva Motor Show ช่วงนี้จึงมีข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับ 2018 Supra หลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ทาง Toyota จะเผยภาพ Official Teaser ออกมาเพียงภาพเดียว คือ shot ท้ายรถและ Spoiler หลังแบบมืด ๆ ไม่มีรายละเอียดและสเปคใด ๆ แต่ข่าวดีคือ Best Car magazine ของญี่ปุ่น ได้ปล่อยข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับ Supra คันนี้ พร้อมหน้าตาแบบไม่มีอะไรปกคลุมซึ่งเมื่อเทียบกับภาพ Concept และคัน Camouflage ที่วิ่งทดสอบแล้ว ต้องบอกว่ามีโอกาสที่ข้อมูลจะถูกต้องค่อนข้างมาก เรื่องหน้าตาความสวยงามเป็นเรื่องนานาจิตตัง แต่เราน่าจะคุ้นตากันดี เพราะได้รับอิทธิพลมาจาก FT-1 Concept ที่เผยโฉมไปในงาน Detroit