กระแสดนตรีบางครั้งมันก็ไม่ต่างจากแฟชั่น จากสิ่งที่เคยได้รับความนิยมจนกลายเป็นไม่ได้รับความนิยมตกยุคไป แต่ไม่ได้หมายความว่ามันตายจากไปเพราะมันกำลังรอเวลาและจังหวะที่เหมาะสมในการกลับออกมาเฉิดฉายอีกครั้ง

ตัวอย่างที่ชัดเจนมากที่สุดในปัจจุบันคงต้องยกให้ดนตรี “City Pop” ที่กลับมาเกิดใหม่หลังเคยสร้างสีสันและบูมอย่างสุดขีดในยุค 80’s

“City Pop” คือผลผลิตซาวด์อันมีเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น เป็นการผสมผสานจากแนวดนตรีที่หลากหลาย ทั้ง ดิสโก้, ฟังก์, แจ๊ซ, อาร์แอนด์บี, ซอฟต์ร็อก และอิเลกทรอกนิกส์ ขับเคลื่อนด้วยจังหวะชวนสนุกจนต้องลุกขึ้นมาขยับร่างกายไปตามเสียงเพลง โดดเด่นด้วยจังหวะกรูฟที่เป็นหัวใจสำคัญของดนตรีแนวนี้

จะเห็นได้ว่าอิทธิพลทางดนตรจริง ๆ แล้วก็มาจากฝั่งตะวันตกทั้งนั้น ทั้งนี้มีการอ้างอิงไปถึงวงอย่าง The Doobie Brothers, Steely Dan หรือแม้กระทั่ง Toto ซึ่งเมื่อลองได้ไปนั่งฟังก็จะพบว่ามันมีซาวด์ที่ถูกนำใช้เป็นวัตถุดิบของ City Pop ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ส่วนศิลปินผู้ปูรากฐานให้กับดนตรีแนวนี้ของประเทศญี่ปุ่นประกอบไปด้วย Happy End, Tin Pan Alley, Haruomi Hosono และ Tatsuro Yamashita จนมาถึง Mariya Takeuchi กับซิงเกิ้ลฮิตวาร์ปข้ามเวลา “Plastic Love” และ Miki Matsubara เจ้าของเพลง “Stay With Me” 

ดนตรี Citypop ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจคนเมืองโดยเฉพาะ สังเกตได้จากบรรยากาศของเพลงที่ให้อารมณ์ที่นึกถึงแสงสีสาดส่องยามค่ำคืน มีสีสัน นอกจากนั้นยังมีความใกล้กับยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟูของประเทศญี่ปุ่นในช่วงยุค 70’s-80’s ตัวอย่างเช่น Walkman (แบบคาสเชตเทป), เครื่องเล่นเทปในรถยนต์ และเอฟเอม สเตอริโอ ซึ่งสะท้อนภาพจำในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี เปรียบดั่งการบันทึกจดหมายเหตุเลยทีเดียว

หลังที่ได้รับความนิยมอย่างสุดขีดก็ถึงเวลาที่มันจะค่อย ๆ หายไปจากกระแสหลักถูกคลื่นดนตรีแนวใหม่ ๆ ซัดเข้าฝั่งมาแทนที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนรุ่นใหม่ก็ต่างต้องการหาอะไรใหม่ ๆ เติมเต็มความหลากหลายในชีวิต ส่วนคนรุ่นเก่าก็มักจะถวิลหาความสุขในวันวาน เวลาถูกเคลื่อนผ่านไปนานกว่าเกือบ 40 ปี จนในที่สุดมันก็หวนคืนสู่ความสนใจอีกครั้ง และอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ Citypop กลับมาแจ้งเกิดใหม่ได้ ขออนุญาตยกตัวอย่างในบ้านเราจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ

1. POLYCAT และ TELEx TELEXs

หลังจากที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในอั้ลบั้มแรก “05:57” พวกเขาก็ไปค้นหาเอกลักษณ์ทางดนตรีที่ต้องการนำเสนอสู่สายตานักฟังเพลง จนสุดท้ายไปลงล็อกเข้ากับแนว “City Pop” และออกมาเป็นอัลบั้ม “80 Kisses” จนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่กระจายความฮิตไปทั่วทุกหย่อมหญ้าด้วยเพลงอย่าง “มันเป็นใคร”, “พบกันใหม่” และ “ภักดี” 

รวมไปถึงผลงานอีพี “Melt Your Popsicle!” ของวง TELEx TELEXs ที่นำเสนอแนวดนตรีซินธ์ป๊อปจากยุค 80’s และมีกลิ่นอายของ City Pop อยู่ในบทเพลงของพวกเขา โดยเฉพาะเพลง “Shibuya”

ซึ่งผลงานของทั้ง 2 วงนี้มันยังส่งผลให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักกับดนตรีแนวนี้อีกด้วย

2. เพลงประกอบอนิเมะ

บางครั้งเราก็ถูกฝังความทรงจำกับสิ่งที่ชื่นชอบผ่านเสียงดนตรีโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตมาในช่วงยุค 90’s และใช้เวลาวันหยุดในการดูอนิเมะ หากสังเกตดี ๆ จะพบว่ามันมีเพลงประกอบอนิเมะหลาย ๆ เรื่องที่เป็นแนว City Pop เช่นเพลง “Smile Bomb” จากเรื่องคนเก่งฟ้าประทานหรือ Yu Yu Hakusho ที่ร้องโดย Matsuko Mawatari และ “Moonlight Densetsu” จากเรื่อง Sailor Moon ร้องโดย Dali และ Misae Takamatsu

ทั้ง 2 เรื่องนี้คืออนิเมะที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในบ้านเรา ซึ่งเพลงประกอบของทั้ง 2 เรื่องเด็กยุคนั้นถึงจะร้องตามไม่ได้แต่ก็ต้องจดจำดนตรีได้เป็นอย่างดีแน่นอน

3. อิทธิพลจากโซเชียล มีเดีย

เมื่อสื่อต่าง ๆ เข้าถึงคนได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะจากสมาร์ตโฟน การจะสร้างกระแสไวรัลบางอย่างมันจึงรวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิม และสิ่งที่ทำให้ดนตรี City Pop โด่งดังก็มาจากการทำ Anime Aesthetic หรือการนำรูปอนิเมะมาใส่ประกอบเพลง City Pop จนเป็นที่เตะตาในยูทูป ซึ่งมีทั้งแบบเพลย์ลิสต์และเพลงเดี่ยว และยังมีกระแสจากใน TiKTok ที่มีการชาเลนจ์ทายเพลงยุค 80’s ชองญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน

นอกจากสามเหตุผลหลัก กระแสปากต่อปากก็มีส่วนทำให้ดนตรีแนว City Pop กลับมาติดหูด้วยเช่นกัน หลังจากที่เพลงมันเริ่มได้รับความนิยมอีกครั้ง หลาย ๆ คนที่เริ่มหลงใหลในสีสันของ City Pop จึงเกิดอาการอยากบอกต่อของดีให้กับคนรอบ ๆ ตัว จนโดนตกกันไปหลายคนและเกิดอาการกระหายไปไล่ตามหาฟังกันเองและเกิดการแชร์ต่อกันไปเป็นลูกโซ่แบบไม่รู้จบ

และสุดท้ายคือความนิยมของร้านอาหารญี่ปุ่น จากประสบการณ์เวลาไปร้านอาหารญี่ปุ่นเรามักจะได้ยินการเปิดดนตรีแนว City Pop อยู่เป็นประจำ ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็เข้ากับเมนูอาหารได้เป็นอย่างดี

ก็ต้องขอบคุณทุก ๆ กระแส ที่ทำให้ City Pop กลับมาโลดแล่นในปัจจุบันได้อย่างสวยงาม และเป็นเรื่องที่น่าติดตามว่าการเกิดใหม่ในครั้งนี้จะยืนหยัดในกระแสนิยมได้นานขนาดไหน และอะไรที่เข้ามาแทนที่นี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กันจริง ๆ ครับ