เคล็ดลับทำความสะอาดรองเท้า sneakers สุดรักสุดหวงให้เหมือนใหม่

ไอเท็มชิ้นสำคัญของหนุ่มช่างแต่งตัวคงหนีไม่พ้นรองเท้า sneakers สุดรักสุดหวง ที่ไม่อยากให้มันเปรอะเปื้อนแม้แต่น้อย เราเคยเจอนะคนที่แบบต้องนำมาแปรงสีฟันมาขัดเกือบทุกครั้งที่นำไปใส่ เรียกว่าไม่อยากให้มันมีริ้วรอยใด ๆ เกิดขึ้นกับรองเท้าคู่โปรดเลย แต่บางครั้งสถานการณ์มันก็สุดวิสัยจริง ๆ อย่างฝนตก เหยียบฝุ่น เปรอะโคลน ทำให้รองเท้าสุดรักสุดหวงของคุณต้องหมอง วันนี้ UNLOCKMEN รวบรวมวิธีทำความสะอาดรองเท้า sneakers มาฝากทุกคน

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารองเท้า sneakers นั้น มันมีวัสดุที่หลากหลาย บางคู่ก็มีทั้งหนังสังเคราะห์ หนังเรียบ ไม่ซับน้ำ บางคู่ก็เป็นหนังแก้ว หนังกลับ (อันนี้ขออย่าให้เลอะจะดีที่สุด หรือถ้าเลอะควรใช้น้ำยาเช็ดโดยเฉพาะ) มีส่วนของผ้า เราจึงจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยความพิถีพิถัน ข้อห้ามหลักๆ เลยก็คือ อย่านำไปแช่ผงซักฟอก หรือใช้ผงซักฟอกเป็นอันขาด เพราะมันอาจจะกัดรองเท้าคู่โปรดของคุณจนพังได้นั่นเองค่ะ ลองมาดูขั้นตอนทำความสะอาดรองเท้าคู่โปรดของคุณกันเลย

1.ใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างจาน หรือยาสระผมในการทำความสะอาดส่วนที่เป็นหนัง หรือถ้ารองเท้าของคุณไม่สกปรกมากเราก็แนะนำให้ใช้สเตคลีนเช็ดเฉย ๆ ก็สะอาดเพียงพอแล้วค่ะ

2. ใช้แปรงสีฟันจุ่มกับน้ำยาล้างจานเช็ดส่วนที่เป็นผ้า แล้วค่อย ๆ แปรงออก ความหนักมือตามความสกปรกของรองเท้า เสร็จแล้วให้นำผ้าสะอาดชุบน้ำสะอาดมาเช็ดออก ไม่ต้องเอารองเท้าทั้งคู่ไปล้างน้ำนะคะ แต่ถ้ารองเท้าไม่ได้สกปรกมาก ขอให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยค่ะ

3. ถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบหมดทั้งคู่ เราแนะนำให้นำผ้าชุบน้ำเช็ดส่วนที่สกปรกออก แล้วนำไปชุบน้ำเปล่าให้ทั่วอีกครั้ง

4. หลังจากนั้นให้ผสมน้ำยาล้างจาน กับน้ำเปล่า ตีให้เกิดฟองจุ่มแปรงแล้วนำมาขัดให้ทั่ว เมื่อเสร็จแล้วนำไปแช่น้ำเปล่าล้างให้สะอาด ก่อนนำไปตากให้เอากระดาษทิชชู่มาซับน้ำด้านในเพื่อช่วยให้รองเท้าแห้งเร็วขึ้น

หรือถ้าอยากง่ายกว่านั้น เราก็แนะนำให้คุณซื้อพวกโปรดักซ์ที่ไว้ใช้สำหรับการทำความสะอาดรองเท้าโดยเฉพาะไปเลยค่ะ ส่วนใหญ่ที่เขานิยมใช้กันก็คือยี่ห้อ Jason Markk อันนี้ก็คือจะสะดวกหน่อย สามารถใช้ทำความสะอาดได้ทั่วทั้งคู่เลย ใครถนัดแบบไหนก็ลองเลือกใช้ดูค่ะ เพื่อรองเท้าคู่โปรดจะได้อยู่กับคุณไปนาน ๆ แต่เอาจริง ๆ เราทุกคนก็พยายามระวังไม่ให้รองเท้าของเราสกปรกเลย แค่น้ำกระเด็นใส่ก็หัวเสียกันแล้วจริงไหมคะ

source : wikihow