DAFT PUNK ถอดหน้ากาก ประกาศแยกกันทำเพลงอย่างเป็นทางการ เพื่อทำเพลงบ่งบอกถึงตัวตนอย่างแท้จริง

หลังจาก การประกาศแยกตัวอย่างเป็นทางการของคู่หูดนตรีล้ำอนาคตที่อยู่ภายใต้หน้ากากสุดไฮเทค Daft Punk ในที่สุดทั้งคู่ก็ประกาศข่าวดีแล้ว แม้จะไม่ใช่ในนาม Daft Punk และเป็นงานแยกกันทำเดี่ยวก็ตาม

หลังจากทั้ง 2 ศิลปิน Thomas Bangalter และ Guy-Manuel de Homem-Christo ได้ระเบิดตัวตนของ Daft Punk จนไม่เหลือซากไปแล้ว ผ่านคลิปที่ชื่อ Epilogue เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว ทั้งคู่ก็ออกแถลงการณ์ถึงโปรเจกต์ใหม่ของตนทันทีผ่าน Mixmag แมกกาซีนดนตรีสังเคราะห์ชื่อดังของชาวดีเจ โดยกล่าวกับแฟน ๆ ว่า สบายใจได้ แม้โลกใบนี้จะไม่มีชื่อ Daft Punk เหลืออยู่แล้ว แต่พวกเขาทั้ง 2 ยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป ภายใต้โปรเจกต์ใหม่ที่ทั้งคู่ต่างแยกกันทำของใครของมัน 2 แบบ 2 สไตล์ โดยแยกกันสร้างโปรเจกต์ดังต่อไปนี้

“ผมอยากกลับไปเป็นตัวจริง”

คือคำกล่าวที่ Thomas Bangalter ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Mixmag เมื่อถามถึงบทบาทต่อไปของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเปิดค่ายเล็กๆ ทำเพลงเดี่ยวในนาม ROULÉ มาตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งก่อนที่เขาจะออกงานอัลบั้มแรกในนาม Daft Punk ถึง 2 ปี โดยค่าย ROULÉ ได้ออก EP มาเพียง 9 ชุด และอัลบั้มซาวด์แทร๊คหนังสุดอื้อฉาวที่ Thomas ได้ทำสกอร์ประกอบนั่นก็คือหนังเรือง Irréversible นั่นเอง รวมไปถึงโปรเจกต์ Stardust ที่เขาเคยทำเมื่อปี 1998อีกด้วย

แม้ซาวด์โดยรวมของ ROULE’ ในอดีตจะเป็น Techno House ที่คล้ายกับอัลบั้มชุด Homework แต่ก็ทำให้เห็นว่า Thomas มีความรักชอบในดนตรีเต้นรำดิบเถื่อน มากกว่าจะเป็นซาวด์ที่โอ่อ่าในแบบอัลบั้มชุดสุดท้ายในนาม Daft Punk

และเพื่อการกลับคืนสู่รากเหง้าของดนตรีเต้นรำในยุค 90s Thomas จะกลับมาในนาม Roulette โดยเขาได้แนะนำตัวตนของเขากับนิตยสาร Mixmag ว่า “ผมอยากจะย้อนคืนความรู้สึกของความเกรี้ยวกราด ความโสมมของคลับใต้ดิน แสงสลัวๆในไนท์คลับ และความดิบเถื่อนของเพลงเต้นรำอันเดอร์กราวด์”

ซึ่งก็หมายความว่า Thomas จะกลับมาสานต่อโปรเจกต์ ROULE’ โดยมุ่งเน้นไปที่ดนตรีมากกว่าภาพลักษณ์ โดย Thomas ได้ทิ้งท้ายถึงงานในอนาคตว่า “ผมไม่สนใจจะสร้างจุดสนใจใด ๆ ที่นอกเหนือจากงานดนตรีอีกต่อไป ผมต้องการจะสานต่อความลึกลับของดนตรีเต้นรำในแบบที่ Daft Punk เคยเป็น แต่มันจะเป็นธรรมชาติ และสมจริงกว่าที่เคยทำมา”

ย้อนฟังงานเก่าของ Thomas Bangalter จากอัลบั้มนี้ได้เลย

ส่วน Guy-Manuel de Homem-Christo กลับจะเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ด้วยโปรเจกต์ที่ชื่อ REVISION ด้วยความหลงใหลในดนตรี French Touch (ดนตรี House อีกแขนงที่โดดเด่นในฝรั่งเศส ที่มีส่วนผสมของดนตรี Disco ที่แพร่หลายในปลาย 90s จนถึงต้น 2000s) ดนตรี Funk และ R&B

“ผมชอบความเป็นแบนด์เล่นสดมาโดยตลอด นั่นคือหัวใจสำคัญที่ทำให้ผมอยากทำดนตรี” Guy-Manuel กล่าวกับ Mixmag

“หลังจากที่ผมได้ทำงานร่วมกับนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมมากมาย (น่าจะหมายถึงตอนที่ทำอัลบั้ม Random Access Memories) มันทำให้ผมมีความคิดที่ชัดเจนว่า จะสานต่อวิชั่นนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น”

ชื่อของโปรเจกต์ REVISION นั้นคือการตามติดผลงานอัลบั้มแรกของ Daft Punk นั่นก็คือ ‘Homework’ โดย Guy-Manuel ได้ย้อนถึงอัลบั้มชุดนั้นว่า

“มันเป็นอัลบั้มที่โคตรสุดโต่งที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ เหมือนที่เราโกหกพ่อแม่ว่า มาค้างบ้านเพื่อนเพื่อทำการบ้านด้วยกัน แต่ความจริงคือเราไปเมาหยำเปกันที่ไนท์คลับยันเช้า ผมอยากจะเสนอ REVISION เพื่อให้ได้รับรู้อีกด้านของตัวตนผม โดยการเติมเต็มด้านที่สว่างของอัลบั้ม Homework ที่ไม่ว่าคุณจะหยิบมันมาฟังตอนกลางวัน หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็ฟังมันได้โดยไม่ต้องเมามายใดๆ”

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Guy-Manue เปิดเผยว่าเขาต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มรูปแบบในคอนเซ็ปต์อัลบั้มหลังจากที่เขารู้สึกว่า ‘Random Access Memories’ สตูดิโออัลบั้มสุดท้ายของ Daft Punk นั้น “มันไปได้ไม่สุดตามที่เขาต้องการ” อาทิเช่นบทเพลง Giorgio by Moroder นั้นความจริงเขาอยากให้เจ้าตัวพูดใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีมากกว่าที่มันจะยาวเพียง 8 นาทีกว่าๆ โดยที่เขาอยากให้อัลบั้มนั้นเป็นมหากาพย์ที่มีความยาวถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

“ผมจะเปิดเผยโปรเจกต์ REVISION ให้ทุกคนได้ฟังในไม่ช้า และกำลังคิดโชว์ที่ยิ่งใหญ่ โดยที่เรากะจะเปิดตัวในเทศกาลดนตรีและศิลปะ Burning Man (เทศกาลดนตรี ที่จัดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ทุกๆปีจะมีผู้เข้าชมกว่าแสนคน ซึ่งเสน่ห์ของเทศกาลนี้คือหลังจากโชว์สุดท้ายสิ้นสุดลงหุ่นไม้จะถูกเผาเพื่อบ่งบอกถึงการปิดเทศกาลอย่างเป็นทางการ) ฟังดูเหลือเชื่อและน่าตื่นเต้นมากๆ”

ซึ่งจากทั้ง 2 โปรเจกต์ที่ทั้งคู่แยกย้ายกันทำ ก็คาดเดาว่าจุดสิ้นสุดของ Daft Punk นั้น สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากความรักชอบในดนตรีที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว Thomas Bangalter ต้องการจะกลับไปสู่รากเหง้าของการทำดนตรีสังเคราะห์แบบดิบๆ ส่วน Guy-Manuel de Homem-Christo นั้นกลับสนใจดนตรีสดมากกว่าจะอยู่หลังเครื่องมิกซ์ ซึ่งจากสาเหตุนี้ก็คงจะสิ้นสุดตำนาน Daft Punk โดยสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่เราจะได้ฟังผลงานของทั้งคู่ในอีกไม่ช้า Unlockmen ก็หวังแค่ว่าสักวันทางคู่ขนานของทั้งคู่จะมาบรรจบกันได้ในอนาคต ระหว่างนี้ก็รอฟังผลงานของทั้ง 2 ไปพลางๆก่อนว่าจะมาในรูปแบบไหน เราสัญญาว่าเมื่อได้ฟังจะมาแนะนำให้ทุกคนอย่างแน่นอน

Source – MixMag Magazine